กระเด็น | ก. เคลื่อนจากที่เดิมหรือแตกแยกจากที่เดิมออกไปโดยเร็วเพราะกระทบสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยแรง. |
กระทก | ก. กระตุก เช่น เงื่อนกระทก, กระตุกเร็ว ๆ เช่น กระทกข้าว คือ เอาข้าวใส่กระด้งร่อนพลางกระตุกพลาง เพื่อให้กากข้าวแยกจากข้าวสาร. |
กระเบน | น. ชื่อปลากระดูกอ่อนพวกหนึ่ง มีหลายชนิด หลายสกุล และหลายวงศ์ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ลำตัวกว้างตั้งแต่ ๑๕-๓๐๐ เซนติเมตร ลำตัวแบนลงมาก และต่อเนื่องกับครีบอกแผ่ออกด้านข้าง บางชนิดแผ่ออกไปจดด้านหน้าและด้านท้ายเกือบเป็นวงกลมดูคล้ายจานหรือว่าว บางชนิดแผ่ยื่นด้านข้างออกไปเป็นปีกคล้ายนกหรือผีเสื้อ และบางชนิดครีบอกแผ่ไปไม่ถึงส่วนหน้า ทำให้หัวแยกจากลำตัวและส่วนยื่นของหัวเป็นลอน มีเหงือก ๕ คู่ อยู่ด้านล่างของส่วนหัว บริเวณถัดจากส่วนท้ายของนัยน์ตามีรูเปิดข้างละช่อง ซึ่งด้านในติดต่อกับโพรงเหงือกและปาก หางส่วนมากเรียว สั้นบ้างยาวบ้าง มักมีผิวหยาบหรือขรุขระ บางพวกมีเงี่ยงอยู่บนหางตอนใกล้ลำตัว และมีต่อมน้ำพิษอยู่บริเวณโคนเงี่ยง เมื่อใช้เงี่ยงแทงจะปล่อยน้ำพิษออกมาด้วย ทำให้คนหรือสัตว์ที่ถูกแทงรู้สึกปวด |
ขาดกัน | ก. แยกจากกัน ไม่คบค้าสมาคมกันต่อไป เช่น แม้นมิยกพลไกรไปช่วย ถึงเราม้วยก็อย่ามาดูผี อย่าดูทั้งเปลวอัคคี แต่วันนี้ขาดกันจนบรรลัย (อิเหนา). |
แขนง ๑ | (ขะแหฺนง) น. กิ่งไม้เล็ก ๆ ที่แตกใหม่จากลำของไม้พวกไม้ไผ่, กิ่งไม้เล็ก ๆ ที่แยกออกจากกิ่งใหญ่, โดยปริยายหมายถึงส่วนย่อยที่แยกจากส่วนใหญ่ เช่น วิชาฟิสิกส์เป็นแขนงหนึ่งของวิชาวิทยาศาสตร์. |
ไจ | น. ด้ายหรือไหมที่แยกจากเข็ดแล้วมัดผูกไว้เพื่อไม่ให้ยุ่ง, ลักษณนามเรียกด้ายหรือไหมที่แยกออกจากเข็ดแล้วเช่นนั้น เช่น ด้ายไจหนึ่ง ด้าย ๒ ไจ. |
ซอย ๒ | น. ถนนหรือทางย่อยที่แยกจากทางใหญ่ เช่น ซอยลาดพร้าว ๑ |
ซอย ๒ | ลักษณนามเรียกถนนหรือทางที่แยกจากถนนใหญ่ เช่น ถนนสายนี้มีหลายซอย. ว. เรียกทางย่อยหรือทางแยกจากทางใหญ่ เช่น ถนนซอย คลองซอย. |
ธงกระบี่ธุช | น. ชื่อธงมีลักษณะเป็นธงสามชาย ๓ ผืน ผืนธงทำด้วยผ้าปักไหมทองเป็นลวดลายเครือกระหนก สอดร่วมอยู่ในคันธงเดียวกันซึ่งเป็นเหล็กและทำเป็นกิ่งแยกจากคันกลางทางด้านซ้ายและด้านขวา ปลายคันธงเป็นรูปใบหอก ที่โคนคันธงตรงส่วนสวมต่อกับคันธงท่อนล่างติดรูปหนุมานในท่ายืนยกขาหน้าและขาหลังข้างขวาเตรียมเหาะ เรียกเต็มว่า ธงชัยราชกระบี่ธุช หรือ ธงชัยราชกระบี่ธุชใหญ่ ใช้เชิญนำหน้าพระราชยานในกระบวนพยุหยาตรา และเชิญประดิษฐานในพิธีมณฑลในการพระราชพิธีต่าง ๆ เข้าคู่กับธงพระครุฑพ่าห์ โดยธงกระบี่ธุชอยู่ทางด้านซ้าย และธงพระครุฑพ่าห์อยู่ทางด้านขวา. |
ธงครุฑพ่าห์ | (-คฺรุดพ่า) น. ชื่อธงมีลักษณะเป็นธงสามชาย ๓ ผืน ผืนธงทำด้วยผ้าปักไหมทองเป็นลวดลายเครือกระหนก สอดร่วมอยู่ในคันธงเดียวกันซึ่งเป็นเหล็กและทำเป็นกิ่งแยกจากคันกลางทางด้านซ้ายและด้านขวา ปลายคันธงเป็นรูปใบหอก ที่โคนคันธงตรงส่วนสวมต่อกับคันธงท่อนล่างติดรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ เรียกเต็มว่า ธงพระครุฑพ่าห์ หรือ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ หรือ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ใหญ่ เข้าคู่กับธงกระบี่ธุช โดยธงครุฑพ่าห์อยู่ทางด้านขวา และธงกระบี่ธุชอยู่ทางด้านซ้าย. |
ธงชัยราชกระบี่ธุช, ธงชัยราชกระบี่ธุชใหญ่ | น. ชื่อธงมีลักษณะเป็นธงสามชาย ๓ ผืน ผืนธงทำด้วยผ้าปักไหมทองเป็นลวดลายเครือกระหนก สอดร่วมอยู่ในคันธงเดียวกันซึ่งเป็นเหล็กและทำเป็นกิ่งแยกจากคันกลางทางด้านซ้ายและด้านขวา ปลายคันธงทำเป็นรูปใบหอก ที่โคนคันธงตรงส่วนสวมต่อคันธงท่อนล่างติดรูปหนุมานในท่ายืนยกขาหน้าและขาหลังข้างขวาเตรียมเหาะ ใช้เชิญนำหน้าพระราชยานในกระบวนพยุหยาตรา และเชิญประดิษฐานในพิธีมณฑลในการพระราชพิธีต่าง ๆ เข้าคู่กับธงพระครุฑพ่าห์ โดยธงกระบี่ธุชอยู่ทางด้านซ้าย และธงพระครุฑพ่าห์อยู่ทางด้านขวา. |
ธงพระครุฑพ่าห์, ธงชัยพระครุฑพ่าห์, ธงชัยพระครุฑพ่าห์ใหญ่ | (-คฺรุดพ่า) น. ชื่อธงมีลักษณะเป็นธงสามชาย ๓ ผืน ผืนธงทำด้วยผ้าปักไหมทองเป็นลวดลายเครือกระหนก สอดร่วมอยู่ในคันธงเดียวกันซึ่งเป็นเหล็กและทำเป็นกิ่งแยกจากคันกลางทางด้านซ้ายและด้านขวา ปลายคันธงทำเป็นรูปใบหอก ที่โคนคันธงตรงส่วนสวมต่อกับคันธงท่อนล่างติดรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ เข้าคู่กับธงกระบี่ธุช โดยธงพระครุฑพ่าห์อยู่ทางด้านขวา และธงกระบี่ธุชอยู่ทางด้านซ้าย. |
ประทัด ๒ | น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Quassia amara L. ในวงศ์ Simaroubaceae ใบเป็นใบประกอบ ดอกสีแดง กลีบดอกแยกจากกัน เปลือกใช้ทำยาได้, ประทัดใหญ่ ประทัดจีน หรือ ประทัดทอง ก็เรียก. |
พลัด | แยกจากไปโดยไม่ตั้งใจ เช่น มาด้วยกัน แต่คนแน่นมาก เลยพลัดกันไป, แยกจากไป โดยไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด เช่น พลัดพ่อ พลัดแม่ พลัดลูก พลัดเมีย, จากที่ที่เคยอยู่ เช่น พลัดถิ่นฐานบ้านเมือง พลัดบ้าน พลัดเมือง. |
ย่อย | ก. ทำเป็นส่วนเล็กส่วนน้อยโดยแยกจากส่วนใหญ่ เช่น ย่อยหิน |
ย่อย | ว. เรียกส่วนน้อยที่แยกจากส่วนใหญ่ เช่น ส่วนย่อย กลุ่มย่อย, เบ็ดเตล็ด, ไม่สำคัญ, เช่น ข่าวย่อย, เรียกละครเรื่องสั้น ๆ ว่า ละครย่อย |
ลูกเบี้ยว | น. อุปกรณ์ชนิดหนึ่งในเครื่องยนต์ ทำหน้าที่ดันทองขาวในจานจ่ายให้แยกจากกัน เพื่อตัดวงจรไฟตํ่าให้ไปเกิดไฟแรงสูงที่คอยล์ |
ส่วนควบ | น. ส่วนของทรัพย์ซึ่งโดยสภาพแห่งทรัพย์หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของทรัพย์นั้น และไม่อาจแยกจากกันได้นอกจากจะทำลาย ทำให้บุบสลาย หรือทำให้ทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือสภาพไป. |
สายรุ้ง | น. ชื่องูน้ำขนาดกลางหลายชนิด ในวงศ์ Colubridae ยาว ๕๐-๑๑๕ เซนติเมตร เช่น สายรุ้งธรรมดา [ Enhydris enhydris (Schneider) ] ด้านข้างลำตัวมีเส้นสีชมพูอมเทาสลับม่วงตามความยาวลำตัวสะท้อนแสงคล้ายสายรุ้ง ลำตัวกลมป้อม แยกจากส่วนหางซึ่งเรียวเล็กกว่าลำตัวเห็นได้ชัด มักหากินตามแหล่งน้ำ กินปลาและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก มีพิษอ่อน ชนิดอื่น เช่น สายรุ้งลาย [ E. jagorii (Peters) ] สายรุ้งดำ [ E. smithii (Boulenger) ]. |
ห่างหาย | ก. แยกจากกันไป ไม่ได้ไปมาหาสู่กันนาน เช่น ตั้งแต่เรียนจบก็ห่างหายกันไป ไม่ได้ข่าวคราว. |
ออกเรือน | ก. แยกจากเรือนพ่อแม่ไปอยู่เรือนใหม่เนื่องในการมีผัว. |
ออกวัง | ก. แยกจากวังหลวงไปอยู่วังส่วนพระองค์ (ใช้แก่พระเจ้าลูกยาเธอ). |
แขนง | กิ่งไม้เล็กๆ ที่แตกใหม่จากลำของไม้พวกไม้ไผ่ ส่วนแยกที่แยกจากส่วนใหญ่, Example: คำที่มักเขียนผิด คือ ขแหนง ขะแหนง [คำที่มักเขียนผิด] |
International Court of Justice | ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่า ศาลโลก ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1945 ตามกฎบัตรขององค์การสหประชาชาติ กฎข้อบังคับ (Statute) ของศาลโลกนั้นได้ผนวกอยู่ท้ายกฎบัตรของสหประชาชาติ และถือเป็นส่วนสำคัญอย่างแยกจากกันมิได้ของกฎบัตร ศาลนี้ตั้งอยู่ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ถือเป็นองค์กรแห่งศาลหรือแห่งตุลาการสำคัญที่สุดขององค์การสหประชาชาติ ประเทศใดที่เข้าเป็นภาคีของกฎข้อบังคับของศาลโลก ย่อมมีสิทธิที่จะส่งคดีใดก็ตามไปให้ศาลโลกพิจารณาได้ ภายใต้เงื่อนไขที่คณะมนตรีความมั่นคงได้จัดวางไว้ นอกจากนั้น คณะมนตรีความมั่นคงก็อาจจะส่งกรณีพิพาททางกฎหมายไปให้ศาลพิจารณาได้ทั้ง สมัชชาและคณะมนตรีความมั่นคงสามารถขอคำปรึกษาหรือความเห็นจากศาลเกี่ยวกับ ปัญหาข้อกฎหมายใดๆ และองค์กรอื่น ๆ ของสหประชาชาติ อันรวมถึงองค์การชำนัญพิเศษ ก็สามารถขอคำปรึกษา หรือความเห็นเกี่ยวกับประเด็นปัญหาทางกฎหมายใดๆ ที่อยู่ภายในกรอบของงานที่ปฏิบัติอยู่ แต่ทั้งนี้ ต้องได้รับอนุมัติเห็นชอบจากสมัชชาสหประชาชาติก่อน สมัชชาเคยมอบอำนาจเช่นนี้แก่คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม คณะมนตรีภาวะทรัสตี คณะกรรมาธิการระหว่างกาล (Interim Committee) ของสมัชชา รวมทั้งองค์กรระหว่างรัฐบาลบางแห่งด้วยรัฐทั้งหมดที่เป็นสมาชิกของสหประชา ชาติถือว่าเป็นภาคีของกฎข้อบังคับของศาลโลกไปในตัว ส่วนประเทศใดที่มิใช่เป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ก็อาจเป็นภาคีของกฎข้อบังคับของศาลโลกได้ ตามเงื่อนไขที่สมัชชาสหประชาชาติเป็นผู้กำหนดเป็นราย ๆ ไป ตามข้อเสนอแนะของคณะมนตรีความมั่นคง ศาลโลกมีอำนาจที่จะพิจารณาปัญหาทั้งหลายที่รัฐสมาชิกขอให้พิจารณา รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ทั้งหลายที่ระบุอยู่ในกฎบัตรสหประชาชาติ และตามสนธิสัญญาหรืออนุสัญญาที่ใช้บังคับอยู่ รัฐสมาชิกย่อมยอมผูกพันตนล่วงหน้าได้ที่จะยอมรับอำนาจศาลในกรณีพิเศษต่าง ๆ โดยจะต้องลงนามในสนธิสัญญา หรืออนุสัญญาซึ่งยอมให้ส่งเรื่องไปที่ศาลได้ หรือออกประกาศเป็นพิเศษว่าจะปฏิบัติเช่นนั้น ในคำประกาศเช่นนั้นจะต้องระบุว่ายอมรับอำนาจบังคับของศาลโลก และอาจจะยกเว้นคดีบางประเภทมิให้อยู่ในอำนาจของศาลได้ ในการวินิจฉัยลงมติ ศาลโลกจะอาศัยแหล่งที่มาของกฎหมายต่าง ๆ ดังนี้ คือ- สัญญาหรืออนุสัญญาระห่างประเทศซึ่งวางกฎข้อบังคับที่รัฐคู่กรณียอมรับ- ขนบธรรมเนียมระหว่างประเทศซึ่งมีหลักฐานแสดงว่าเป็นหลักปฏิบัติทั่วไปตามที่ กฎหมายรับรองศาลโลกอาจจะตัดสินชี้ขาดว่าสิ่งใดยุติธรรมและดี โดยรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องตกลงเห็นชอบด้วยคณะมนตรีความมั่นคงอาจจะรับการขอ ร้องจากรัฐภาคีหนึ่งใดในกรณีพิพาท ให้กำหนดมาตรการที่จะใช้เพื่อให้คำตัดสินของศาลมีผลบังคับ ถ้าคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมปฏิบัติตามข้อผูกพันภายใต้อำนาจศาลศาลโลก ประกอบด้วยผู้พิพากษารวม 15 ท่าน ซึ่งถือกันว่าเป็น ?สมาชิก? ของศาล และได้รับเลือกตั้งจากสมัชชาและคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ ผู้พิพากษาเหล่านี้จะมีอำนาจออกเสียงลงคะแนนอย่างอิสระเสรีหลักเกณฑ์การคัด เลือกผู้พิพากษาศาลโลกจะถือตามคุณสมบัติขอผู้พิพากษานั้น ๆ มิใช่ถือตามสัญชาติของบุคคลดังกล่าว อย่างไรก็ดี จะมีการระมัดระวังด้วยว่า กฎหมายที่นำมาใช้ในศาลจะต้องมาจากระบบกฎหมายที่สำคัญ ๆ ของโลก ในศาลโลกจะมีผู้พิพากษาที่เป็นชาติเดียวกันมากกว่าหนึ่งคนไม่ได้ ผู้พิพากษาทั้งหลายจะมีสิทธิ์ดำรงอยู่ในตำแหน่งได้ เป็นเวลา 9 ปี มีสิทธิ์ได้รับเลือกตั้งซ้ำได้ และระหว่างที่ดำรงอยู่ในตำแหน่ง จะต้องไม่ประกอบอาชีพการงานอื่นใดทั้งสิ้น [การทูต] |
nuclear gauge | เครื่องวัดเชิงนิวเคลียร์ หรือนิวเคลียร์เกจ, เป็นเครื่องวัดและควบคุมที่ทำงานโดยการกระตุ้นด้วยรังสีจากต้นกำเนิดรังสีชนิดปิดผนึก เครื่องวัดชนิดนี้ประกอบด้วยต้นกำเนิด และหัววัดรังสี บรรจุอยู่ในภาชนะที่แยกจากกัน หรือบรรจุอยู่ในภาชนะเดียวกัน โดยให้ลำรังสีผ่านออกมาทางช่องทางผ่าน หรืออุปกรณ์ควบคุมรังสีไปยังวัสดุที่ต้องการวัด ขณะเดียวกันหัววัดรังสีจะทำหน้าที่ตรวจวัดความเข้มของปริมาณรังสี หรือจำแนกชนิด และขนาดพลังงานของรังสี ซึ่งเป็นผลมาจากอันตรกิริยาระหว่างรังสีกับวัสดุนั้น ค่าที่วัดได้จะถูกส่งไปประมวลผลด้วยระบบไมโครโปรเซสเซอร์ เพื่อแสดงผลการตรวจสอบที่จะใช้เป็นตัวแปรในอุปกรณ์ควบคุมกระบวนการผลิตในขั้นตอนต่อไป เครื่องวัดเชิงนิวเคลียร์นี้ มีหลักการทำงานตามลักษณะการเกิดอันตรกิริยาระหว่างรังสีกับวัสดุ แบ่งเป็น 3 แบบ คือ เครื่องวัดแบบส่งผ่าน (Transmission gauge) และเครื่องวัดแบบกระตุ้นให้เกิดการแผ่รังสี (Reactive gauge) [พลังงาน] |
Anxiety, Separation | การกลัวการจาก, ความกังวลต่อการแยกจาก [การแพทย์] |
Areas of Radiolucency, Multiple | บริเวณใสสีดำหลายแห่งแยกจากกันในกะโหลกศีรษะ [การแพทย์] |
Fractures, Displaced | หักชนิดเคลื่อนแยกจากกัน [การแพทย์] |
Fractures, Displaced, Complete | กระดูกหักเคลื่อนแยกจากกัน [การแพทย์] |
wedge | ลิ่ม, เครื่องกลอย่างง่ายชนิดหนึ่ง มีความหนาสอบเรียวไปยังปลายข้างหนึ่ง ใช้สำหรับ ตอกลงไปในเนื้อวัตถุ ทำให้วัตถุแยกจากกัน [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] |
coagulation | การจับตัว, การทำให้สารบางชนิดที่ละลายในน้ำจับตัวกันหรือตกตะกอนแยกออกจากสารละลาย ทำโดยใช้ความร้อนหรือเติมกรดหรือเบสลงไป เช่น การใส่กรดลงไปในน้ำยางเพื่อให้ยางจับตัวแยกจากน้ำ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] |
phase | วัฏภาค, เฟส, ส่วนที่เป็นเนื้อเดียวกันในระบบหนึ่ง และมีขอบเขตแน่นอนแยกจากส่วนอื่น ๆ ของระบบนั้น เช่น ในภาชนะปิดที่บรรจุน้ำแข็ง น้ำ และไอน้ำ ระบบนี้จะมี 3 วัฏภาค คือ วัฏภาคของแข็ง ได้แก่ น้ำแข็ง วัฏภาคของเหลว ได้แก่ น้ำ และวัฏภาคของแก๊ส ได้แก่ ไอน้ำ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] |
daughter chromosome | โครโมโซมที่เกิดขึ้นใหม่, โครโมโซมขณะที่โครมาทิดเริ่มแยกจากกัน ในการแบ่งเซลล์ระยะแอนาเฟส [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] |
Muscles, Skeletal, Isolated | กล้ามเนื้อที่แยกจากตัว [การแพทย์] |
apart | (adj) แยกจาก, See also: แยกกัน |
apart | (adv) แยกจาก, Syn. disconnected, disassociated, separated |
backstreet | (n) ถนนที่แยกจากถนนหลัก, Syn. lane |
bivalve | (n) สัตว์ที่มีเปลือกสองส่วนแยกจากกันได้ |
box off | (phrv) แบ่งแยก, See also: แบ่ง, แยกจากกัน |
break away | (phrv) แยกจากกัน, See also: แยกกัน, Syn. break off |
cut off | (phrv) แยกจาก, See also: แบ่งแยกมาจาก |
detach from | (phrv) ทำให้แยกจาก, See also: ทำให้ออกห่างจาก, ปลีกตัวจาก, แยกออกจาก |
discriminate from | (phrv) แยกแยะความแตกต่างจาก, See also: แบ่งแยกจาก, Syn. differentiate from, discern from, distinguish from |
dissociate from | (phrv) แยกออกจาก, See also: แยกจาก |
drift apart | (phrv) พลัดกัน, See also: แยกจากกัน |
diaeresis | (n) สัญลักษณ์ ที่ใส่เหนือสระตัวที่สอง เพื่อแสดงว่า ออกเสียงแยกจากสระตัวแรก, Syn. dieresis |
dieresis | (n) เครื่องหมาย ที่ใส่เหนือสระตัวที่สอง เพื่อแสดงว่า ออกเสียงแยกจากสระตัวแรก |
dis- | (prf) แยกจากกัน, See also: ไม่เหมือนกัน, ตรงกันข้าม |
disconnect | (vi) ตัดออก, See also: แยกจากกัน, แบ่งแยก, Syn. divide, part, Ant. unite, connect |
disjoint | (vi) ไม่ต่อเนื่อง, See also: แยกจากกัน, Syn. dislocate, Ant. unite, join |
disjoint | (vt) ไม่ต่อเนื่อง, See also: แยกจากกัน, Syn. dislocate, Ant. unite, join |
diverge | (vi) แตกต่างกัน, See also: ไม่เหมือนกัน, แยกจากกัน, Syn. deviate, veer, redirect, Ant. agree |
divorce | (n) การแตกแยก, See also: การแยกจากกัน |
isolate from | (phrv) แยกจาก, See also: ปลีกตัวออกจาก, แยกตัวจาก |
individuality | (n) ความเป็นเอกเทศ, See also: เอกัตภาพ, สภาวะที่แยกจากคนอื่นหรือสิ่งอื่น, Syn. distinctiveness, separateness |
integrity | (n) ความสมบูรณ์, See also: การรวมเป็นหนึ่ง, ความไม่แบ่งแยก, ความไม่แยกจากกัน, Syn. completeness, unity |
keep apart | (phrv) แยกตัว, See also: แยกจากกัน |
maverick | (n) สัตว์ที่ยังไม่ได้ตีตรา (โดยเฉพาะลูกวัวที่แยกจากแม่) |
offshoot | (n) กิ่งก้าน (ที่แยกจากลำต้น), Syn. branch |
outhouse | (n) อาคารเล็กๆ ที่แยกจากอาคารใหญ่ |
parted | (adj) ซึ่งแยกจากกัน, Syn. separated, Ant. joint |
parting | (n) การจากกัน, See also: การอำลา, การแยกจากกัน, การตาย, Syn. departure, leaving, Ant. arrival |
part from | (phrv) แยกจาก, See also: แยกทางกับ |
pull apart | (phrv) ดึงออกจากกัน, See also: แยกจากกัน, Syn. pull to, rend to |
put apart | (phrv) วางแยกจาก, Syn. set apart |
raceme | (n) ช่อดอกไม้แบบที่มีก้านดอกเล็กๆ แยกจากก้านใหญ่, Syn. cone, flower |
rip apart | (phrv) แยกจาก, See also: แบ่งออกจาก, Syn. pull apart |
sequester | (vt) ทำให้โดดเดี่ยว, See also: แยก, แยกจาก, ยกเลิก, เพิกถอน, อายัด, ยึดทรัพย์, Syn. seclude |
side street | (n) ทางที่แยกจากถนนใหญ่, See also: ถนนเล็ก |
somatic | (adj) เกี่ยวกับร่างกาย, See also: ซึ่งแยกจากจิตใจ, Syn. physical, bodily |
salt out | (phrv) (เคมี) ทำให้แยกจากของเหลวโดยเติมเกลือ |
secede from | (phrv) ถอนตัวจาก, See also: แบ่งแยกจาก, เลิกเป็นอาณานิคมของ |
separate from | (phrv) แยกจาก, See also: ห่างจาก, Syn. divide from |
separate off | (phrv) แยกจากกัน, Syn. divide off, fence off, rall off, wall off |
set apart | (phrv) วางแยกจาก, See also: วางห่างจาก, Syn. put apart |
sift out | (phrv) ร่อนแยก (ออกจากกลุ่ม), See also: แยกจากกลุ่ม, Syn. separate out, sort out |
stand apart | (phrv) แยกจาก, See also: แยกออก, Syn. hang back, stand aside, stand out |
take apart | (phrv) แยกจากกัน, See also: แบ่ง |
turnoff | (n) ถนนเส้นเล็กที่แยกจากเส้นใหญ่ |
tell two things or two persons apart | (idm) แยกออกจาก, See also: แยกแยะ, แยกจากกัน |
turn off | (phrv) แยกจาก |
wean from | (phrv) ฝึกให้หย่านม, See also: พยายามแยกจากแม่ |
wean from | (phrv) พยายามให้ออกห่างจาก, See also: พยายามแยกจาก |
anabranch | (แอน' นะบรานซฺ) n. สาขาธารน้ำที่แยกจากสายแม่น้ำและมาบรรจบกับสายแม่น้ำอีก |
decentralized data proces | การประมวลผลข้อมูลแบบแยกจากศูนย์หมายถึงการประมวลผลข้อมูลที่มีการเก็บข้อมูลไว้ที่หน่วยงานแต่ละหน่วย ต่างฝ่ายต่างประมวลผลไปได้เองโดยไม่ต้องอาศัยข้อมูลจากกัน |
diecious | (ไดอี'เชิส) adj. ซึ่งมีอวัยวะเพศตัวผู้และเพศตัวเมียอยู่แยกจากกัน., Syn. dioecious |
dioecious | (ไดอี'ชัส) adj. ซึ่งมีอวัยวะเพศตัวผู้และอวัยวะเพศตัวเมียอยู่แยกจากกัน, ซึ่งมีเพศต่างหาก, Syn. diecious |
dissent | (ดิเซนทฺ') vi. ไม่เห็นด้วยอย่างแรง, ไม่ลงรอยกัน, ทะเลาะ, ขัดแย้ง, คัดค้าน n. ความแตกต่างของความคิด, การแยกจากโบสถ์, ความแตกแยก., Syn. differ, disagree, except, disagreement, Ant. assent |
inherent | (อินเฮีย'เรินทฺ) adj. ซึ่งมีอยู่แต่กำเนิด, ซึ่งมีอยู่อย่างถาวรและไม่แยกจากกัน., Syn. inborn, inbred |
laminar flow | กระแสชั้น (อนุภาคของของเหลววิ่งเป็นชั้นที่แยกจากกัน) |
orphan | กำพร้า, บรรทัดรั้งท้ายเป็นศัพท์ที่ใช้ในโปรแกรมประมวลผลคำ (word processing) หมายถึง บรรทัดสุดท้ายของย่อหน้า ที่ถูกแยกจากส่วนที่เหลือทั้งหมดไปอยู่คนละหน้า (ถ้าเป็นบรรทัดแรกของย่อหน้า จะเรียกว่า "widow") โปรแกรมประมวลผลคำ หรือโปรแกรมจัดพิมพ์ มักจะมีคำสั่งเฉพาะในเรื่องนี้ โดยผู้ใช้สามารถสั่งให้นำไปรวมกับส่วนที่เหลือของย่อหน้าให้ได้ ดู widow เปรียบเทียบ |
scab | (สแคบ) n. สะเก็ดแผล, โรคหิด, การตกสะเก็ดแผล, บุคคลที่แตกแยกจากกลุ่ม, คนงานที่ปฎิเสธไม่ยอมร่วมหยุดงาน vi. ตกสะเก็ดแผล, เป็นบุคคลที่แตกแยกจากกลุ่ม, ปฎิเสธไม่ยอมร่วมหยุดงาน, Syn. eschar |
sequester | (ซีเควส'เทอะ) vt. ทำให้ตัดขาด, ทำให้สันโดษ, ทำให้โดดเดี่ยว, แยกออก, แยกจาก, ยกเลิก, เพิกถอน, อายัด, ริบทรัพย์, ยึดทรัพย์, See also: sequestrable adj., Syn. i separate |
asunder | (adv) ขาดสะบั้น, กระจายออก, แยกจากกัน |
detach | (vt) ส่งไป, ปลด, ถอดออก, แยกจากกัน |
detachable | (adj) ซึ่งถอดได้, ซึ่งแยกจากกันได้ |
detachment | (n) การถอด, การแยกจากกัน, การปลด, กองทหาร, ความไม่ลำเอียง |
disconnect | (vt) ตัดขาด, แยกจากกัน, เลิก, ปลด |
dislocate | (vt) ทำให้คลาดเคลื่อน, แยกจากกัน, ทำให้เคลื่อนที่ |
dislocation | (n) ความคลาดเคลื่อน, การแยกจากกัน, การเคลื่อนที่ |
dissever | (vt) ตัด, แบ่ง, แยกจากกัน |
dissociate | (vt) แยกตัวออก, ไม่ชอบสังคม, แยกจากกัน, ไม่ชอบสังสรรค์ |
disunite | (vt) ทำให้แยกจากกัน, ทำให้แตกแยก, ทำให้แตกสามัคคี |
isolate | (vt) แยกจากกัน, ปลีกออกไป, ตีตัวออกห่าง |
isolation | (n) การแยกจากกัน, การปลีกตัวออก |
part | (vt) แบ่งเป็นส่วนๆ, แยกจากกัน, เผยอ, แตก, ปริ, แสกผม |
separable | (adj) ซึ่งแยกจากกันได้ |
severance | (n) การตัดขาด, การแยกจากกัน, ความแตกแยก, การตัดไมตรี |
uncouple | (vt) แยกจากกัน, ปลดห่วง, ทำให้หลุด |