มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ กุศล | (n, adj, adv) การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับจิตใจให้ดีขึ้น ปรับปรุงจิตใจให้ดีขึ้น มากกว่าทำความดีเฉย ๆ การกระทำใด ๆ หากทำแล้วมีผลต่อสภาวะจิตใจของตนเปลี่ยนไปในทางที่สูงขึ้น จึงเรียกว่ากุศล หากการกระทำดีนั้น ๆ ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงจิตใจตนเองเลย ไม่เรียกว่ากุศล แต่เรียกว่า กรรมดี โดยทั่วไป มักจะใช้คู่กันกับคำว่า บุญกุศล แต่คำว่า บุญ กับ กุศล ความหมายต่างกัน (เขียนก็ไม่เหมือนกันแล้วจะให้ความหมายเหมือนกันได้อย่างไร) ตัวอย่าง 1. นาย กอ เป็นคนรวย ชอบที่จะให้ทาน เพราะเขาหวังว่า การให้ทานของเขาจะส่งผลทำให้เขารวย ยิ่ง ๆ ขึ้นไป และอาจจะได้ไปสวรรค์ หลังจากที่เขาตายไป - อันนี้นาย กอ ทำกรรมดี หรือทำบุญ แต่ไม่ได้เกิดกุศลในจิต หรือเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะเขาทำทานก็จริง แต่ไม่มีผลทำให้จิตใจของเขาวางลงจากความโลภ หรืออยากเลย 2. นาย ขอ เป็นคนชั้นกลาง เขาเห็นเด็กกำพร้ามากมายเกิดขึ้น เขาจึงรู้สึกอยากที่จะช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น จึงประหยัดค่าใช้จ่ายของตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะให้ตัวเองมีเงินเหลือมากขึ้น เพื่อที่จะแบ่งไปบริจาคเด็กเหล่านั้น เพื่อที่เด็กเหล่านั้นจะได้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป - อันนี้ นาย ขอ ทำทั้งกุศล และบุญ เพราะมีผลที่ทำให้เขาต้องประหยัด อดออมมากขึ้น และการประหยัดอดออมนี้เอง จะทำได้ก็คือต้องปล่อยวางความอยากของตนเอง และทำเพราะในใจเกิดจิตเมตตากรุณา |
|
| คนเดียว | (jargon) ในภาษาเหนือคำนี้ จะใช้บรรยายลักษณะของการกระทำว่าเกิดขึ้น “ด้วยตัวเอง” โดยไม่เกี่ยวว่าจะมีคนทำอยู่กี่คน และใช้ได้กับทั้ง คน, สัตว์, สิ่งของหรือสถานที่ก็ได้ เช่น อยู่ๆรถเครื่องของผมมันก็ดับไปคนเดียว แปลว่า อยู่ๆรถมอเตอรไซด์ของผมมันก็ดับไปเอง |
|
| หลำ | [หล๋ำ] (vt) มั่ว, ไม่รู้จริงแต่พูดเหมือนรู้จริง, แสดงอาการเคลื่อนไปข้างหน้าหลวมตัวไปเรื่อย ๆ มีที่มาจากคำว่าถลำ โดยภาษาไทยจะอ่านว่า ถะหฺลํา แต่ภาคใต้เน้นเสียงพูดแบบเร็วๆ จึงควบคำเป็น หลำ และเอามาใช้ในความหมายในเชิงตำหนิ เมื่อมีใครพูดหรือแสดงอาการกระทำบางอย่างที่ไม่รู้จริงแต่ทำเหมือนรู้จริง ก็จะตำหนิว่า หลำ, See also: S. มั่วนิ่ม, เนียน, R. ถลำ, หลำพ่ก, หลำอิตาย, หลำเมร่อ |
|
| การกระทำการ | (n) execution, See also: performance, Example: การกระทำการอันอุกอาจของโจรก่อการร้ายทำให้ชาวบ้านต้องเสียชีวิตไปหลายคน | การกระทำทางสังคม | (n) social action, Example: ความสัมพันธ์ทางสังคมเริ่มด้วยการกระทำทางสังคม |
| กฎศีลธรรม | น. กฎว่าด้วยการกระทำที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องทางศีลธรรม. | กฎหมายอาญา | น. กฎหมายที่กำหนดลักษณะของการกระทำที่ถือว่าเป็นความผิด และกำหนดบทลงโทษทางอาญาสำหรับความผิดนั้น. | กรรม ๑, กรรม- ๑ | (กำ, กำมะ-) น. การ, การกระทำ, การงาน, กิจ, เช่น พลีกรรม ต่างกรรมต่างวาระ, เป็นการดีก็ได้ ชั่วก็ได้ เช่น กุศลกรรม อกุศลกรรม. | กรรม ๑, กรรม- ๑ | การกระทำที่ส่งผลร้ายมายังปัจจุบัน หรือซึ่งจะส่งผลร้ายต่อไปในอนาคต เช่น บัดนี้กรรมตามทันแล้ว ระวังกรรมจะตามทันนะ. | กรรมเวร | (กำเวน) น. การกระทำที่สนองผลร้ายซึ่งทำไว้แต่ปางก่อน, เวรกรรม ก็ว่า | กระทง ๑ | ลักษณนามของความผิดอาญาแต่ละกรรมหรือแต่ละครั้ง การกระทำความผิดแต่ละกรรมหรือแต่ละครั้งนั้นถือว่าเป็นกระทงความผิดกระทงหนึ่ง เช่น การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หลายครั้ง การลักทรัพย์แต่ละครั้งก็เป็นกระทงความผิดกระทงหนึ่ง ๆ | กระทำ ๑ | ทำการใด ๆ ที่เกิดผลในทางกฎหมาย แต่การงดเว้นการกระทำใด ๆ ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องกระทำ ก็ถือว่าเป็นการกระทำด้วย เช่น บิดามารดามีหน้าที่ดูแลบุตรซึ่งยังเล็กอยู่ การที่บิดามารดาอยู่เฉยไม่หาอาหารให้ ก็อาจถือว่าเป็นการกระทำได้. | กระทำโดยเจตนา | ก. กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น. | กระบวนการ | น. ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงอย่างมีระเบียบ ไปสู่ผลอย่างหนึ่ง เช่น กระบวนการเจริญเติบโตของเด็ก, กรรมวิธีหรือลำดับการกระทำซึ่งดำเนินต่อเนื่องกันไปจนสำเร็จลง ณ ระดับหนึ่ง เช่น กระบวนการเคมีเพื่อผลิตสิ่งใดสิ่งหนึ่ง. | กลศาสตร์ | (กนละ-) น. วิชาฟิสิกส์สาขาหนึ่ง ที่ศึกษาเกี่ยวกับการกระทำของแรงต่อเทหวัตถุ และผลที่เกิดขึ้นแก่เทหวัตถุนั้นภายหลังที่ถูกแรงมากระทำ. | กล่าวขวัญ | ก. พูดถึง, พูดออกชื่อและการกระทำของคนอื่น. | กักกัน | น. เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา ใช้ในการควบคุมผู้กระทำความผิดติดนิสัยไว้ภายในเขตกำหนด เพื่อป้องกันการกระทำความผิด เพื่อดัดนิสัยและเพื่อฝึกหัดอาชีพ. | กันและกัน | ส. คำใช้แทนชื่อในลักษณะที่มีการกระทำร่วมกันหรือต่อกันโดยมีบุรพบทประกอบหน้า เช่น รักซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์ของกันและกัน. | กัน ๒ | ว. คำประกอบท้ายกริยาของผู้กระทำตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป แสดงการกระทำร่วมกัน อย่างเดียวกัน หรือต่อกัน เช่น คิดกัน หารือกัน. | การก่อวินาศกรรม | น. การกระทำใด ๆ อันเป็นการมุ่งทำลายทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐ หรือสิ่งอันเป็นสาธารณูปโภค หรือการรบกวนขัดขวางหน่วงเหนี่ยวระบบการปฏิบัติงานใด ๆ ตลอดจนการประทุษร้ายต่อบุคคลอันเป็นการก่อให้เกิดความปั่นป่วนทางการเมืองการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมุ่งหมายที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของรัฐ. | การเมือง | ว. มีเงื่อนงำ, มีการกระทำอันมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่, เช่น ป่วยการเมือง. | กิริยา | น. การกระทำ | ขย้ำ | (ขะยํ่า) ก. เอาปากงับกัดอย่างแรง, โดยปริยายหมายถึงการทำร้ายด้วยวาจาหรือการกระทำอย่างรุนแรง. | ขอที, ขอเสียที | ก. ห้ามเชิงขอร้อง, ขอให้ละเว้นการกระทำ. | ขอบิณฑบาต | ก. ขอให้ละเว้นการกระทำ. | ข้ออ้าง | น. สิ่งที่นำมาอ้างสนับสนุนความคิดเห็นหรือการกระทำของตน. | ขีดฆ่า | ก. การกระทำเพื่อมิให้ใช้แสตมป์ได้อีกโดยขีดเส้นคร่อมฆ่าแสตมป์ที่ปิดทับกระดาษและลงวันเดือนปีที่ขีดฆ่าไว้ด้วย. | คดีปกครอง | น. คดีที่เป็นข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกับเอกชนหรือระหว่างหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกัน ซึ่งเป็นข้อพิพาทอันเนื่องมาจากกระทำหรือการละเว้นการกระทำในทางปกครองของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ. | คดีอาญา | น. คดีที่เกี่ยวกับการกระทำที่กฎหมายบัญญัติว่า เป็นความผิดและมีโทษทางอาญา. | ครุกรรม | (คะรุกำ) น. กรรมหนัก มีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล, การได้บรรลุฌานสมาบัติเป็นครุกรรมฝ่ายกุศล การกระทำอนันตริยกรรมเป็นครุกรรมฝ่ายอกุศล. | ค่านิยม | น. สิ่งที่บุคคลหรือสังคมยึดถือเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจ และกำหนดการกระทำของตนเอง. | ค่าสินไหมทดแทน | น. สิ่งที่ให้หรือการกระทำที่ทำ เพื่อชดใช้หรือทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินหรือแก่บุคคลอันเนื่องมาจากการละเมิดหรือการผิดสัญญา รวมทั้งการคืนทรัพย์สินให้แก่ผู้เสียหายด้วย. | ค้าประเวณี | ก. ยอมรับการกระทำชำเราหรือยอมรับการกระทำอื่นใด หรือกระทำการอื่นใด เพื่อสำเร็จความใคร่ในทางกามารมณ์ของผู้อื่น อันเป็นการสำส่อนเพื่อสินจ้างหรือประโยชน์อื่นใด ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ยอมรับการกระทำและผู้กระทำจะเป็นบุคคลเพศเดียวกันหรือคนละเพศ. | เคล็ด ๑ | การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นวิธีปัดเป่าหรือกันภัยหรือเหตุร้ายที่จะมีมา เช่น ต้นไม้บางชนิดไม่มีลูก เชื่อกันว่าถ้าเอามีดไปสับต้นเป็นเคล็ดแล้วจะมีลูก | ชำเรา ๑ | การกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำโดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำกระทำกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น. | ชิงทรัพย์ | น. เป็นฐานความผิดอาญา ที่ผู้กระทำ ลักทรัพย์ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ (๑) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป (๒) ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น (๓) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ (๔) ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ (๕) ให้พ้นจากการจับกุม. | ใช้กำลังประทุษร้าย | ก. ทำการประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของบุคคล ไม่ว่าจะทำด้วยใช้แรงกายภาพหรือด้วยวิธีอื่นใด และหมายความรวมถึงการกระทำใด ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ไม่ว่าจะโดยใช้ยาทำให้มึนเมา สะกดจิต หรือใช้วิธีอื่นใดอันคล้ายคลึงกัน. | ซัดทอด | ให้การพาดพิงถึงบุคคลอื่นว่าได้ร่วมหรือมีส่วนในการกระทำความผิดหรือเป็นผู้กระทำความผิด. | ตอบโต้ | ก. โต้กลับไป, ตอบแทนการกระทำของฝ่ายตรงข้าม, แก้แค้น. | แตกแถว | ก. แยกตัวออกจากพวกด้วยการกระทำหรือด้วยความคิด | ทหารผ่านศึก | ทหารหรือบุคคลซึ่งทำการป้องกันหรือปราบปรามการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือความปลอดภัยแห่งราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงกลาโหมหรือสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนด. | ทัฬหีกรรม | (ทันฮีกำ) น. การกระทำให้มั่นคงขึ้น ได้แก่การที่ทำซํ้าลงไปเพื่อให้มั่นคงในกรณีที่การกระทำครั้งแรกไม่สมบูรณ์ มักใช้ในพิธีสงฆ์ เช่น พระภิกษุที่บวชในฝ่ายมหานิกาย เมื่อไปอยู่ในวัดที่เป็นธรรมยุติกนิกายบางวัดก็ต้องให้ทำทัฬหีกรรม. | ทางสายกลาง | น. มรรคมีองค์ ๘ อันเป็นทางสายเดียวที่จะนำไปสู่ความดับทุกข์ ประกอบด้วย ๑. สัมมาทิฐิ ความเห็นชอบ ๒. สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ ๓. สัมมาวาจา การเจรจาชอบ ๔. สัมมากัมมันตะ การกระทำชอบ ๕. สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีวิตชอบ ๖. สัมมาวายามะ ความพยายามชอบ ๗. สัมมาสติ ความระลึกชอบ ๘. สัมมาสมาธิ ความตั้งใจมั่นชอบ รวมเรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา แปลว่า ทางสายกลาง | ทารุณกรรม | (ทารุนนะกำ) น. การกระทำอย่างโหดร้าย. | ทำไม้ | ก. ตัด ฟัน กาน โค่น ลิด เลื่อย ผ่า ถาก ทอน ขุด ชักลากไม้ในป่า หรือนำไม้ออกจากป่าด้วยประการใด ๆ และหมายความรวมถึงการกระทำดังกล่าวกับไม้สักหรือไม้ยางที่ขึ้นอยู่ในที่ดินที่มิใช่ป่า หรือการนำไม้สักหรือไม้ยางออกจากที่ดินที่ไม้นั้น ๆ ขึ้นอยู่ด้วย. | ทุกรกิริยา | น. การกระทำกิจที่ทำได้โดยยาก ได้แก่ การทำความเพียรเพื่อบรรลุธรรมวิเศษ | นวัตกรรม | น. การกระทำหรือสิ่งที่ทำขึ้นใหม่หรือแปลกจากเดิมซึ่งอาจจะเป็นความคิด วิธีการ หรืออุปกรณ์ เป็นต้น. | น้ำมือ | ความสามารถในการทำ, การกระทำ เช่น เรือสินค้าจมลงด้วยน้ำมือโจรสลัด. | นิยัตินิยม | (นิยัดติ-) น. ลัทธิความเชื่อที่ว่า การกระทำทุกอย่างของมนุษย์หรือเหตุการณ์ทั้งหลายได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว. | นิรโทษกรรม | (นิระโทดสะกำ) น. ในทางแพ่ง หมายถึง การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น แต่กฎหมายยกเว้นให้ ไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เช่น การกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย การกระทำตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย | นิรโทษกรรม | ในทางกฎหมายอาญา หมายถึง การลบล้างการกระทำความผิดอาญาที่บุคคลได้กระทำมาแล้ว โดยมีกฎหมายกำหนดให้การกระทำนั้นไม่เป็นความผิด และให้ผู้ที่ได้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด. | บ่ง ๑ | ก. ชี้, ระบุ, อ้างหรือแสดงให้รู้โดยเจาะจง, เช่น การกระทำของเขาบ่งชัดอยู่แล้วว่าเขาเป็นผู้กระทำผิด. | บาป, บาป- | (บาบ, บาบปะ-) น. การกระทำผิดหลักคำสอนหรือข้อห้ามในศาสนา | บุคคลที่สาม | ในทางอาญา หมายถึง บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำความผิด แต่บุคคลอื่นนั้นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดโดยเป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบความผิด. | บุคคลล้มละลายทุจริต | น. บุคคลล้มละลายที่ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดบางประการเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายล้มละลายกำหนด หรือไม่สุจริตเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือหนี้สินตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายล้มละลาย หรือเป็นบุคคลล้มละลายอันเนื่องมาจากหรือเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดฐานยักยอกหรือฉ้อโกง หรือการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน. |
| perpetration | การกระทำความผิดด้วยตนเอง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | presence of the court | การกระทำต่อหน้าศาล [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | presence of the testator | การกระทำต่อหน้าผู้ทำพินัยกรรม [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | property acquired to an offence | ทรัพย์สินที่ได้มาโดยการกระทำผิด [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | pattern of action | แบบอย่างการกระทำ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | presence of an officer | การกระทำต่อหน้าเจ้าพนักงาน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | presence of defendant | การกระทำต่อหน้าจำเลย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | proportional action | การกระทำแบบสัดส่วน มีความหมายเหมือนกับ proportional control [ปรับอากาศ ๗ มี.ค. ๒๕๔๕] | preventive justice | มาตรการป้องกันการกระทำความผิด [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | piracy | การกระทำอันเป็นโจรสลัด [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | piracy | ๑. การกระทำอันเป็นโจรสลัด (ก. อาญา)๒. การละเมิดลิขสิทธิ์ (ก. แพ่ง) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | pattern, action-orientation | แบบอย่างการปรับทิศทางการกระทำ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | post-act | การกระทำภายหลัง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | public decency | การกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | physical cruelty | การกระทำทารุณต่อร่างกาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | legal cruelty | ๑. การกระทำทารุณโหดร้าย (ก. อาญา)๒. การกระทำทารุณ (ที่เป็นเหตุฟ้องหย่า) (ก. แพ่ง) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | legal fraud | การกระทำที่ถือเป็นการฉ้อฉล [ ดู constructive fraud ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | respondeat superior (L.) | นายจ้างต้องรับผิดในการกระทำของลูกจ้าง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | recidive | การกระทำความผิดอีก [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | reasonable act | การกระทำที่สมควรแก่เหตุ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | syndicalism, criminal | การสนับสนุนการกระทำความผิดอาญา [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | statutory duty, breach of | การกระทำผิดหน้าที่, การละเว้นหน้าที่ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | self-incrimination | การกระทำที่อาจทำให้ตนต้องรับผิดทางอาญา, คำให้การที่อาจทำให้ตนต้องรับผิดทางอาญา [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | sadism | การกระทำทารุณทางเพศ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | system, evidence of | พยานหลักฐานแสดงการกระทำความผิดติดนิสัย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | overt act | การกระทำอย่างชัดแจ้ง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | overt act | การกระทำอย่างเปิดเผย, การกระทำอย่างชัดแจ้ง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | order, cease-and-desist | คำสั่งทางราชการให้งดเว้นการกระทำ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | abanare (L.) | เปิดเผยการกระทำความผิดอาญาที่ซ่อนเร้น [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | action, pattern of | แบบอย่างการกระทำ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | action | ๑. การกระทำ, การปฏิบัติ, การทำงาน๒. กิริยา๓. การแสดงฤทธิ์ (ยา) [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | action | ๑. อรรถคดี๒. การฟ้องคดี๓. การกระทำ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | animus et factum (L.) | เจตนาประกอบกับการกระทำ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | accessory | ๑. ผู้สนับสนุนการกระทำผิด (ก. อาญา)๒. อุปกรณ์ (ก. แพ่ง) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | actus reus (L.) | การกระทำอันจะเป็นความผิดอาญา [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | administrative act | การกระทำทางปกครอง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | action-orientation pattern | แบบอย่างการปรับทิศทางการกระทำ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | automatism | ภาวะอัตโนมัติ, การกระทำโดยอัตโนมัติ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | act, overt | การกระทำอย่างชัดแจ้ง [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | act, overt | การกระทำอย่างเปิดเผย, การกระทำอย่างชัดแจ้ง [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | adjuration | การกระทำสัตย์สาบาน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | assault, indecent | การกระทำอนาจาร (ต่อร่างกาย) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | art and part | ผู้สนับสนุนการกระทำความผิดอาญา (ก. สกอตแลนด์) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | act of cruelty | การกระทำทารุณโหดร้าย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | act of parties | การกระทำของคู่กรณี, การกระทำของคู่สัญญา [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | act of state | การกระทำของรัฐ (ที่จะฟ้องร้องไม่ได้) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | amiable action | การกระทำฉันมิตร [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | acquisition offence | การกระทำผิดที่ทำให้ได้ทรัพย์มา [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | abuse of children | การกระทำทารุณต่อเด็ก [ ดู child abuse ] [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | act | ๑. การกระทำ๒. พระราชบัญญัติ, รัฐบัญญัติ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| Direct action | การกระทำโดยตรง, Example: การที่รังสีถ่ายเทพลังงานโดยตรงให้กับชีวโมเลกุลขนาดใหญ่ เช่น ดีเอ็นเอ และโปรตีน แล้วก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโมเลกุลนั้น [เศรษฐศาสตร์] | กริยา | กิริยา อาการ การกระทำ เช่น ปฏิกิริยา, Example: คำที่มักเขียนผิด คือ กิริยา [คำที่มักเขียนผิด] | หัวเกรียน | ใช้เรียกการกระทำที่ดูไร้สาระ ทำแล้วไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา หรือใช้เรียก พวกที่ก่อกวนคนอื่นหรือทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน [ศัพท์วัยรุ่น] | direct action | การกระทำโดยตรง, รังสีถ่ายเทพลังงานโดยตรงให้กับชีวโมเลกุลขนาดใหญ่ เช่น ดีเอ็นเอ และโปรตีน แล้วก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโมเลกุลนั้น [นิวเคลียร์] | Accomplices | ผู้สนับสนุนการกระทำผิด [TU Subject Heading] | Act of state | การกระทำของรัฐ [TU Subject Heading] | Administrative acts | การกระทำในทางปกครอง [TU Subject Heading] | Atrocities | การกระทำโหดร้ายป่าเถื่อน [TU Subject Heading] | Communication in social action | การสื่อสารในการกระทำทางสังคม [TU Subject Heading] | Criminal act | การกระทำในทางอาญา [TU Subject Heading] | Indecent assault | การกระทำอนาจาร [TU Subject Heading] | Indirect action | การกระทำโดยอ้อม, การที่รังสีถ่ายเทพลังงานให้กับโมเลกุนของน้ำ มีผลให้เกิดอนุมูลเสรี ซึ่งมีความไวในการทำปฏิกิริยาทางเคมีกับชีวโมเลกุล แล้วก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโมเลกุลนั้น [นิวเคลียร์] | Judicial review of administrative acts | การควบคุมความชอบด้วยกฎหมายของการกระทำในทางปกครอง [TU Subject Heading] | Juvenile delinquency | การกระทำผิดของเยาวชน [TU Subject Heading] | Piracy | การกระทำอันเป็นโจรสลัด [TU Subject Heading] | Provocation (Criminal law) | การกระทำโดยบันดาลโทสะ (กฎหมายอาญา) [TU Subject Heading] | Recidivism | การกระทำผิดซ้ำ [TU Subject Heading] | Self-incrimination | การกระทำที่อาจทำให้ตนต้องรับผิดทางอาญา [TU Subject Heading] | Social action | การกระทำทางสังคม [TU Subject Heading] | Supererogation | การกระทำเหนือหน้าที่ [TU Subject Heading] | Commission on Human Rights | คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิมนุษยชน แต่งตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1946 ตามมติของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมของสหประชาชาติ มีหน้าที่รับผิดชอบในการเสนอข้อเสนอแนะและรายงานการสอบสวนต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนไปยังสมัชชา (General Assembly) สหประชาชาติ โดยผ่านคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม คณะกรรมาธิการประกอบด้วยผู้แทนประเทศสมาชิก 53 ประเทศ ซึ่งได้รับเลือกตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ตามวาระ 3 ปี มีการประชุมกันทุกปี ปีละ 6 สัปดาห์ ณ นครเจนีวา และเมื่อไม่นานมานี้ คณะกรรมาธิการได้จัดตั้งกลไกเพื่อให้ทำหน้าที่สอบสวนเกี่ยวกับปัญหาสิทธิ มนุษยชนเฉพาะในบางประเทศ กลไกดังกล่าวประกอบด้วยคณะทำงาน (Working Groups) ต่าง ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่พิเศษที่สหประชาชาติแต่งตั้งขึ้น (Rapporteurs) เพื่อให้ทำหน้าที่ศึกษาและสอบสวนประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะในบาง ประเทศมีเรื่องน่าสนใจคือ ใน ค.ศ. 1993 ได้มีการประชุมในระดับโลกขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งแสดงถึงความพยายามของชุมชนโลก ที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นมูลฐานไม่ว่าที่ไหน ในระเบียบวาระของการประชุมดังกล่าว มีเรื่องอุปสรรคต่างๆ ที่เห็นว่ายังขัดขวางความคืบหน้าของการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการหาหนทางที่จะเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้น เรื่องความเกี่ยวพันกันระหว่างการพัฒนาลัทธิประชาธิปไตย และการให้สิทธิมนุษยชนทั่วโลก เรื่องการท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งทำให้ไม่อาจปฏิบัติให้บรรลุผลอย่างสมบูรณ์ในด้านสิทธิมนุษยชน เรื่องการหาหนทางที่จะกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านสิทธิมนุษยชน และการที่จะส่งเสริมศักยภาพของสหประชาชาติในการดำเนินงานในเรื่องนี้ให้ได้ ผล ตลอดจนเรื่องการหาทุนรอนและทรัพยากรต่างๆ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานดังกล่าวในการประชุมระดับโลกครั้งนี้มีรัฐบาลของ ประเทศต่างๆ บรรดาองค์กรของสหประชาชาติ สถาบันต่างๆ ในระดับประเทศชาติ ตลอดจนองค์การที่มิใช่ของรัฐบาลเข้าร่วมรวม 841 แห่ง ซึ่งนับว่ามากเป็นประวัติการณ์ ช่วงสุดท้ายของการประชุมที่ประชุมได้พร้อมใจกันโดยมิต้องลงคะแนนเสียง (Consensus) ออกคำปฏิญญา (Declaration) แห่งกรุงเวียนนา ซึ่งมีประเทศต่าง ๆ รับรองรวม 171 ประเทศ ให้มีการปฏิบัติให้เป็นผลตามข้อเสนอแนะต่างๆ ของที่ประชุม เช่น ข้อเสนอแนะให้ตั้งข้าหลวงใหญ่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนหนึ่งตำแหน่งให้มีการรับ รู้และรับรองว่า ลัทธิประชาธิปไตยเป็นสิทธิมนุษยชนอันหนึ่ง ซี่งเป็นการเปิดโอกาสให้ลัทธิประชาธิปไตยได้รับการสนับสนุนส่งเสริมให้มั่น คงยิ่งขึ้น รวมทั้งกระชับหลักนิติธรรม (Rule of Law) นอกจากนี้ยังมีเรื่องการรับรองว่า การก่อการร้าย (Terrorism) เป็นการกระทำที่ถือว่ามุ่งทำลายสิทธิมนุษยชน ทั้งยังให้ความสนับสนุนมากขึ้นในนโยบายและแผนการที่จะกำจัดลัทธิการถือเชื้อ ชาติและเผ่าพันธุ์ การเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับเชื้อชาติ การเกลียดคนต่างชาติอย่างไร้เหตุผล และการขาดอหิงสา (Intolerance) เป็นต้นคำปฎิญญากรุงเวียนนายังชี้ให้เห็นการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) และการข่มขืนชำเราอย่างเป็นระบบ (Systematic Rape) เป็นต้น [การทูต] | Consular office Declared ?Non grata? | เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลจะถูกประกาศว่าไม่พึงปรารถนา หรือไม่พึงโปรดได้ ดังข้อ 23 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาได้บัญญัติไว้ด้วยข้อความดังนี้?1. รัฐผู้รับอาจบอกกล่าวแก่รัฐผู้ส่งในเวลาใดก็ได้ว่าพนักงานฝ่ายกงสุลเป็น บุคคลที่ไม่พึงโปรด หรือบุคคลอื่นใดในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลเป็นที่ไม่พึงยอมรับได้ ในกรณีนั้นรัฐผู้ส่งจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นกลับ หรือเลิกการหน้าที่ของผู้นั้นต่อสถานที่ทำการทางกงสุล แล้วแต่กรณี2. ถ้ารัฐผู้ส่งปฏิเสธหรือไม่นำพาภายในเวลาอันสมควรที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีของ ตนตามวรรค 1 ของข้อนี้ รัฐผู้รับอาจเพิกถอนอนุมัติบัตรจากบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น หรือเลิกถือว่าบุคคลนั้นเป็นบุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลก็ได้ แล้วแต่กรณี3. รัฐผู้รับอาจประกาศว่า บุคคลหนึ่งบุคคลใดซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล เป็นผู้ที่ไม่อาจยอมรับได้ ก่อนที่บุคคลนั้นจะมาถึงอาณาเขตของรัฐผู้รับ หรืออยู่ในรัฐผู้รับแล้ว แต่ก่อนเข้ารับหน้าของตนต่อสถานที่ทำการทางกงสุลก็ได้ ในกรณีใด ๆ เช่นว่านั้น รัฐผู้ส่งจะเพิกถอนการแต่งตั้งบุคคลนั้น4. ในกรณีที่ได้บ่งไว้ในวรรค 1 และ 3 ของข้อนี้ รัฐผู้รับไม่มีพันธะที่จะต้องให้เหตุผลในการวินิจฉัยของตนแก่รัฐผู้ส่ง?การ ที่รัฐผู้รับปฏิเสธที่จะออกอนุมัติบัตร หรือเพิกถอนอนุมัติบัตรหลังจากที่ได้ออกให้ไปแล้วนั้น เป็นสิทธิของรัฐผู้รับอันจะถูกโต้แย้งมิได้ ประเด็นที่เป็นปัญหาก็คือ รัฐผู้รับมีพันธะที่จะต้องอธิบายเหตุผลอย่างใดหรือไม่ ในการที่ปฏิเสธไม่ยอมออกอนุมัติบัตร หรือเพิกถอนอนุมัติบัตร หลังจากที่ได้ออกให้ไปแล้วข้อนี้ น้ำหนักของผู้ทรงอำนาจหน้าที่ดูแลจะเห็นคล้อยตามทรรศนะที่ว่า รัฐผู้รับไม่จำเป็นต้องแสดงเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้นในการกระทำดังกล่าวเหตุผลของการไม่ยอมออกอนุมัติบัตรให้นั้นคือว่า ผู้ที่ไม่เห็นด้วย หรือไปแสดงสุนทรพจน์อันมีข้อความเป็นที่เสื่อมเสียแก่รัฐผู้รับ หรือเคยมีส่วนร่วมในการก่อการกบฏต่อรัฐผู้รับหรือเข้าไปแทรกแซงกิจการการ เมืองภายในของรัฐผู้รับ เป็นต้น [การทูต] | Declaration | คำประกาศ หรือ ปฏิญญา ตามความเห็นของผู้ทรงคุณความรู้ทางกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนมากได้ให้ความเห็นว่า คำนี้มีความหมายต่างกันอยู่สามประการ คือประการแรก ใช้เป็นชื่อเรียกข้อกำหนดต่าง ๆ ของสนธิสัญญา กล่าวคือ ตามสนธิสัญญานี้ ภาคีคู่สัญญารับที่จะปฏิบัติตามแนวทางบางประการในอนาคตประการที่สอง เป็นคำประกาศถ่ายเดียว (Unilateral Declaration) ซึ่งก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่แก่รัฐอื่นๆ เช่น คำประกาศสงครามประการสุดท้าย หมายถึง การกระทำซึ่งรัฐหนึ่งหรือหลายรัฐได้ติดต่อแจ้งไปยังรัฐอื่น ๆ ซึ่งเป็นการอธิบายหรือให้เหตุผลสนับสนุนพฤติกรรมของฝ่ายตนในอดีต หรืออธิบายทรรศนะและเจตจำนงเกี่ยวกับเรื่องบางเรื่อง คำประกาศสำหรับความหมายสองประการหลังไม่ถือว่ามีลักษณะเป็นสนธิสัญญาอนึ่ง ในกรณีคำประกาศถ่ายเดียว (Unilateral Declaration) นั้น บางทีรัฐหนึ่งต้องการเสนอนโยบายหรือหนทางปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งของตน โดยประกาศนโยบายหรือหนทางปฏิบัตินั้นไปให้รัฐอื่นๆ ทราบกันไว้ อาทิเช่น ลัทธิมอนโร (Monroe Doctrine) ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้ประกาศออกไปในรูปคำประกาศถ่ายเดียว เป็นต้น [การทูต] | Diplomatic Expressions | ถ้อยคำสำนวนที่ใช้ในวงการทูต กล่าวคือ ในวงการทูตจะมีการนิยมใช้ถ้อยคำสำนวนการทูต ถือกันว่าเป็นภาษาที่สุภาพ ซึ่งจะมีความหมายลึกซื้งเพียงใดนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทูตจะทราบกันดี อาทิเช่น?My Government views with concern หรือ with grave concern? จะแสดงถึงท่าทีที่ไม่เห็นด้วย หรือแสดงการประท้วง?My Government cannot remain indifferent to the matter? จะส่อถึงเจตนาที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปส่วนถ้อยคำสำนวนที่ว่า ?In such event my Government would feel bound to reconsider its position หรือ to consider its own interest??My Government will have to claim a free hand? หรือ ?feel obliged to formulate express reservations regarding?เหล่านี้เป็นถ้อยคำสำนวนที่เตือนให้ทราบว่า อาจเกิดการแตกร้าว หรือตัดขาดในพันธไมตรีที่มีต่อกันได้เมื่อรัฐบาลหนึ่งประกาศถือว่าการกระทำ ของอีกรัฐบาลหนึ่งเป็น ?an unfriendly act? หรือการกระทำที่ไม่เป็นมิตรเช่นนี้ ย่อมหมายถึงการเตือนให้ทราบว่า การกระทำเช่นนั้นอาจนำไปสู่สงครามได้ถ้าหากในตอนเสร็จสิ้นการประชุมกันมีการ แถลงการณ์หรือโฆษกของที่ประชุมแจ้งให้ทราบว่า ที่ประชุมได้ทำความตกลงกันโดยสมบูรณ์ (Full agreement) แต่ไม่มีการเปิดเผยให้ทราบว่ามีการตกลงอะไรกันบ้าง จะทำให้เป็นที่สงสัยกันว่าได้มีการตกลงกันโดยสมบูรณ์จริงละหรือ ถ้าหากคำประกาศนั้นใช้ถ้อยคำว่า มี ?substantial agreement? ก็พอจะอนุมานได้ว่าแท้ที่จริงยังมีเรื่องสำคัญ ๆ ที่ยังตกลงกันไม่ได้อีกบางเรื่อง อนึ่ง หากว่ามีการแถลงว่า ?there was a full exchange of views? ก็เท่ากับพูดว่า มิได้มีการตกลงกันแต่อย่างใดทั้งสิ้น [การทูต] | Duration of Diplomatic Privileges and Immunities | ระยะเวลาของการอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทาง การทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตราที่ 39 ว่า?1. บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ที่จะได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันนั้นตั้งแต่ขณะที่บุคคลนั้นเข้ามาใน อาณาเขตของรัฐผู้รับในการเดินทางไปรับตำแหน่งของตน หรือถ้าอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับแล้ว ตั้งแต่ขณะที่ได้บอกกล่าวการแต่งตั้งของตนต่อกระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงกัน 2. เมื่อภารกิจหน้าที่ของบุคคล ซึ่งอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันยุติลง เอกสิทธิ์และความคุ้มกันตามปกติให้สิ้นสุดลงขณะที่บุคคลนั้นออกไปจากประเทศ หรือเมื่อสิ้นกำหนดอันสมควรที่จะทำเช่นนั้น แต่จะยังมีอยู่จนกระทั่งเวลานั้น แม้ในกรณีของการขัดแย้งด้วยอาวุธ อย่างไรก็ดี ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำที่ได้ปฏิบัติไปโดยบุคคลเช่นว่านั้น ในการปฏิบัติการหน้าที่ของตนในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน ความคุ้มกันนั้นให้มีอยู่สืบไป 3. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามีสิทธิที่จะได้สืบไป จนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป 4. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นอยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว รัฐผู้รับสามารถอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่การส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดก และการรับมรดกนั้น ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับเพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่เพียงถ่ายเดียวของผู้วายชนม์ ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน หรือในฐานะเป็นคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน? [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | Inter-Governmental Maritime Consultative Organization | องค์การที่ปรึกษาทางทะเลระหว่างรัฐบาล หมายถึงองค์การที่ปรึกษาเกี่ยวกับการเดินเรือทางทะเล ระหว่างรัฐบาล องค์การนี้มีฐานะเป็นองค์การชำนัญพิเศษแห่งหนึ่งขององค์การสหประชาชาติ ประเทศทั้งหมดรวม 35 ประเทศ ได้ประชุมร่วมกันจัดทำอนุสัญญาขององค์การนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก ในการประชุมขององค์การที่ปรึกษาการเดินเรือทางทะเล ณ กรุงเจนีวา เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1948 อนุสัญญามีผลบังคับใช้เมื่อ วันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1958 เมื่อมีประเทศต่าง ๆ รวม 21 ประเทศได้ให้สัตยาบัน ซึ่งในจำนวนนี้ 7 ประเทศเป็นอย่างน้อยจะต้องมีเรือเดินทะเลของตนไม่น้อยกว่า 1 ล้านตัน (Gross tons) วัตถุประสงค์ขององค์การ IMCO คือ1. จัดวางกลไกเพื่อความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลประเทศสมาชิก ในด้านการวางระเบียบข้อบังคับของราชการ และการปฏิบัติซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องทางวิชาการหรือเทคนิค รวมทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยทางทะเล2. สนับสนุนให้มีการยกเลิกการกระทำที่เลือกที่รักมักที่ชัง และข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นของรัฐบาล3. รับพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติในทำนองตั้งข้อจำกัดอย่างไม่ยุติธรรมของบริษัท หรือองค์การเดินเรือทั้งหลาย4. รับพิจารณาเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ ที่องค์การหนึ่งใดหรือองค์การชำนัญพิเศษของสหประชาชาติส่งมาให้พิจารณา 5. จัดให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อสนเทศใด ๆ ระหว่างรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องที่องค์การ IMCO กำลังพิจารณาอยู่องค์การนี้ยังจัดให้มีการร่างอนุสัญญาและความตกลงต่าง ๆ รวมทั้งส่งข้อเสนอแนะเหล่านี้ไปให้รัฐบาล และองค์การระหว่างรัฐบาลทั้งหลาย รวมทั้งจัดการประชุมเท่าที่พิจารณาเห็นว่าจำเป็นองค์การนี้ประชุมกันทุกสอง ปี มีหน้าที่วางนโยบายเกี่ยวกับการเดินเรือทางทะเล ระหว่างสมัยประชุมจะมีคณะเจ้าหน้าที่ขององค์การ เรียกว่า คณะมนตรี (Council) ทำหน้าที่บริหารงานในองค์การ คณะมนตรีประกอบด้วยสมาชิก 16 คน ในจำนวนนี้ 8 คน เป็นผู้แทนจากประเทศที่สนใจให้การบริการเกี่ยวกับการเดินเรือระหว่างประเทศ และอีก 8 คนเป็นตัวแทนจากประเทศที่สนใจการค้าทางทะเลระหว่างประเทศ องค์การมีสำนักเลขาธิการ ประกอบด้วยตัวเลขาธิการ เลขานุการคณะกรรมการเกี่ยวกับความปลอดภัยทางทะเล และเจ้าหน้าที่ประจำตามจำนวนที่องค์การต้องการแล้วแต่กรณี สำนักงานใหญ่ขององค์การตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ [การทูต] | Marshall Plan | แผนการมาร์แชล ในโอกาสวันประสาทปริญญาของนักศึกษามหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1947 ยอร์ช ซี.มาร์แชล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สมัยนั้น ได้กล่าวอยู่ตอนหนึ่งในสุนทรพจน์ว่า?สหรัฐอเมริกาควรจะทำทุกอย่างเท่าที่จะ สามารถกระทำได้ เพื่อช่วยให้ดินแดนต่าง ๆ ในโลกได้กลับคืนสู่ภาวะปกติทางเศรษฐกิจ เพราะหากปราศจากภาวะดังกล่าว โลกก็จะไม่มีเสถียรภาพที่สถาพร นโยบายของสหรัฐฯ มิได้มุ่งจะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศใดหรือลัทธิใด หากมุ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อความหิวโหย ความยากจน ความสิ้นหวัง และความยุ่งเหยิง การที่จะให้สหรัฐอเมริการับภาระในการจัดวางโครงการแต่ฝ่ายเดียว เพื่อช่วยให้ทวีปยุโรปสามารถช่วยตนเองทางเศรษฐกิจขึ้นใหม่ นับว่ายังไม่เหมาะสมและถูกต้องนัก ควรจะให้เป็นภาระหน้าที่ของชนชาวยุโรปทั้งหลายเอง บทบาทของสหรัฐฯ ควรจะเป็นเพียงผู้เสนอให้ความความช่วยเหลือฉันมิตร ในการร่างโครงการช่วยเหลือทวีปยุโรป และให้ความสนับสนุนแก่โครงการนั้น ตราบที่โอกาสจะเอื้ออำนวยต่อการกระทำเช่นนั้นได้?จากสุนทรพจน์ข้างต้น พอจะเข้าใจจุดประสงค์สำคัญของสหรัฐอเมริกาได้ไม่ยากว่า ไม่ต้องการให้ทวีปยุโรป ซึ่งกำลังอ่อนแอโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจหลังจากเสร็จสงครามใหม่ ๆ ต้องตกไปอยู่ใต้อำนาจครอบงำของฝ่ายคอมมิวนิสต์นั่นเอง [การทูต] | Niccolo Machiavelli (1469-1527) | คือรัฐบุรุษและปรัชญาเมธีทางการเมืองของสาธารณรัฐ ฟลอเรนส์ (Florence) ระหว่างรับราชการ ท่านดำรงตำแหน่งฝ่ายธุรการหลายตำแหน่งซึ่งไม่สู้มีความสำคัญเท่าใด แต่สิ่งที่ท่านสนใจมากที่สุดได้แก่ศิลปะของการเมือง หนังสือสำคัญ ๆ ที่ท่านประพันธ์ขึ้นไว้คือ The Prince เล่มหนึ่ง อีกเล่มหนึ่งชื่อ The Art of War และอีกเล่มหนึ่งคือ Discourses on the First Ten Books of Livyมีนักเขียนหลายคนวิพากษ์ Machiavelli ที่แสดงความเห็นสนับสนุนว่า รัฐบาลใดก็ตมที่ต้องการรักษาอำนาจการปกครองตนให้เข้มแข็งไว้ ย่อมจะใช้วิถีทางใด ๆ ก็ได้ ถึงแม้หนทางเช่นนั้นจะผิดกฎหมายหรือไร้ศีลธรรมก็ตาม และก็มีนักเขียนอีกหลายคนสนับสนุนท่าน โดยชี้ให้เห็นว่า ท่านเป็นแต่เพียงตีแผ่ให้เห็นพฤติกรรมที่แท้จริงของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ในยุคสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่มากกว่าอย่างอื่น อาทิเช่น ในหนังสือ The Prince ของท่านตอนหนึ่งอ้างว่า การต่อสู้นั้นมีอยู่สองวิธี วิธีแรกเป็นการต่อสู้โดยวิถีทางกฎหมาย อีกวิธีหนึ่งคือการต่อสู้โดยใช้กำลัง (Force) วิธีแรกนั้นเป็นวิธีที่มนุษย์พึงใช้ ส่วนวิธีที่สองเป็นวิธีเยี่ยงสัตว์ป่า แต่การใช้วิธีแรกมักจะไม่ค่อยได้ผลเสมอไป เพราะไม่เพียงพอ ก็ย่อมจะหันเข้าใช้วิธีที่สองได้ ฉะนั้น ผู้ปกครองประเทศสมัยนั้น ซึ่ง Machiavelli เรียกว่า Prince จึงจำเป็นต้องรู้ดีว่าจะใช้ทั้งวิธีที่มนุษย์จะพึงใช้ และวิธีเยี่ยงสัตว์ป่าอย่างไร ด้วยเหตุนี้ ผู้ปกครองประเทศสมัยนั้นไม่จำเป็นต้องมีสัจธรรม หากการกระทำนั้น ๆ จะทำความเสียหายแก่ผลประโยชน์ของประเทศ ท่านเห็นว่า หากมนุษย์ทุกคนเป็นคนดี กฎเช่นนี้ก็เป็นกฎที่ไม่ถูกต้อง แต่โดยที่มนุษย์ไม่ใช่คนดีทั้งหมด ในเมื่อเขาไม่ยอมให้ความศรัทธาความไว้วางใจในตัวท่าน ก็ไม่มีอะไรที่จะมาห้ามมิให้ท่านเลิกศรัทธากับเขาเหล่านั้นได้ [การทูต] | peace enforcement | การบังคับให้เกิดสันติภาพ " เป็นมาตรการใช้กำลังบังคับผู้ที่กำลังดำเนินการที่เป็นการละเมิด สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศให้ยุติการกระทำดังกล่าว " [การทูต] | Personal Diplomacy | คือการเจรจากันโดยตรงระหว่างรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงต่างประเทศด้วยกัน ส่วนการเจรจากันโดยตรงระหว่างประมุขของรัฐ หรือหัวหน้าของรัฐบาล แต่เดิมก็จัดอยู่ในประเภทการมทูตส่วนบุคคล แต่มาในปัจจุบันนี้ มักนิยมเรียกกันว่าเป็นทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) แยกออกต่างหากจากการทูตส่วนบุคคลมีผู้สังเกตการณ์หลายคนเตือนว่า ในกรณีที่เกิดเรื่องหรือปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่นั้น ไม่ควรหันเข้าใช้วิธีส่งผู้แทนพิเศษจากนครหลวงไปแก้ปัญหา ควรให้เอกอัครราชทูตเป็นผู้ดำเนินการมากกว่า เพราะประการแรก การกระทำเช่นนั้นยังผลเสียหายต่อศักดิ์ศรีของตัวเอกอัครราชทูตเอง ทั้งยังกระทบกระเทือนต่อการที่เขาจะปฏิบัติงานให้ประสบผลอย่างเต็มที่ ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในประเทศนั้นในภายหน้าด้วย อีกประการหนึ่ง จะพึงคาดหมายได้อย่างไรว่า ตัวผู้แทนพิเศษที่ส่งไปนั้นจะมีความรอบรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของปัญหา รวมทั้งตัวบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเท่ากับตัวเอกอัครราชทูตเอง ซึ่งได้ประจำทำงานอยู่ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ณ ที่นั่น แม้แต่ แฮโรลด์ นิโคลสัน ก็ไม่เห็นด้วย และได้เตือนว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศหนึ่งไปเยือนและพบปะกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอีกประเทศหนึ่งบ่อย ๆ นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำและไม่ควรสนับสนุน เพราะการกระทำเช่นนี้ นอกจากจะทำให้ประชาชนคาดหมายไปต่าง ๆ นานาแล้ว ยังจะทำให้เกิดเข้าใจผิด และเกิดความสับสนขึ้นมาได้แม้แต่ผู้รอบรู้ในเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติทางการ ทูตบางคนก็ยังแคลงใจว่า การทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) จะได้ประโยชน์และให้ผลจริง ๆ หรือไม่ นอกจากเฉพาะในกรณียกเว้นจริง ๆ เท่านั้น บ้างเห็นว่า การพบปะเจรจาแบบสุดยอดมักจะกลายสภาพเป็นการโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์มากกว่า ที่จะเป็นการเจรจากันอย่างแท้จริง เพราะมีอันตรายอยู่ว่า ผู้ร่วมเจรจามักจะแสดงความคิดเห็นตามความรู้สึกมากกว่าตามข้อเท็จจริง เพราะมัวแต่เป็นห่วงและคำนึงถึงประชามติในประเทศของตนมากเกินไปนอกจากนี้ ผู้เจรจาไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ข้อลดหย่อนหรือทำการประนีประนอม ( ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งหากจะให้เจรจาบังเกิดผล) เพราะกลัวเสียหน้าหากกระทำเช่นนั้น ตามปกติ ถ้าให้นักการทูตเป็นผู้เจรจา เขาจะมีโอกาสมากกว่าที่จะใช้วิธีหลบหลีกอันชาญฉลาดในการเจรจาต่อรอง เพื่อให้เป็นผลตามที่มุ่งประสงค์ [การทูต] | Persons Entitled to Diplomatic Privileges and Immunities | บุคคลทีมีสิทธิที่จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้ม ครองกันทางการทูต มาตรา 37 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ว่า ?1. คนในครอบครัวของตัวแทนทางการทูต ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของตัวแทนทางการทูต ถ้าไม่ใช่คนในชาติของรัฐผู้รับ ให้ได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ระบุไวในข้อ 29 ถึง 36 2. บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการและฝ่ายวิชาการของคณะผู้แทน รวมทั้งคนในครอบครัวของตน ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของตน ตามลำดับ ถ้าไม่ใช่คนในชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับ ให้ได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ได้ระบุไว้ในข้อ 29 ถึง 35 เว้นแต่ว่าความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่งและทางปกครองของรัฐผู้รับ ที่ได้ระบุไว้ในวรรค 1 ของข้อ 31 นั้น ไม่ให้ขยายไปถึงการกระทำที่ได้ปฏิบัติไปเกินภารกิจหน้าที่ของตน ให้บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการและฝ่ายวิชาการได้อุปโภคเอกสิทธิ์ ที่ได้ระบุไว้ในข้อ 36 วรรค 1 ในส่วนที่เกี่ยวกับสิ่งของที่ได้นำเข้าเมื่อเข้ารับหน้าที่ครั้งแรกด้วย 3. บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการของคณะผู้แทนซึ่งไม่ใช่คนในชาติของรัฐผู้ รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับให้ได้อุปโภคความคุ้มกัน ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำที่ได้ปฏิบัติตามภารกิจหน้าที่ตน การยกเว้นจากค่าภาระผูกพันรวมทั้งภาษีสำหรับค่าบำเหน็จที่ตนได้รับโดยเหตุผล จากการรับจ้างของตน และการยกเว้นที่ได้บรรจุไว้ในข้อ 33 4. คนรับใช้ส่วนตัวของบุคคลในคณะผู้แทน ถ้าไม่ใช่คนในชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ประจำในรัฐผู้รับ ให้ได้รับการยกเว้นจากค่าภาระผูกพัน หรือภาษีสำหรับค่าบำเหน็จที่เขาได้รับโดยเหตุผลจากการรับจ้างของตนในส่วน อื่น คนรับใช้ส่วนตัวเช่นว่านี้ อาจได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันเท่าที่รัฐผู้รับยอมให้เท่านั้น อย่างไรก็ดี รัฐผู้รับต้องใช้อำนาจของตนเหนือบุคคลเช่นว่านี้ ในการที่จะไม่แทรกสอดโดยไม่สมควรในการปฏิบัติการหน้าที่ของคณะผู้แทน [การทูต] | proceeds of crime | ทรัพย์สินที่เป็นผลได้จากการกระทำความผิด [การทูต] | punishable offence | การกระทำผิดที่มีโทษตามกฎหมาย [การทูต] | Recall of Diplomats | การเรียกตัวนักการทูตกลับประเทศของตน คือ ผู้แทนทางการทูตอาจถูกรัฐบาลของตนริเริ่มเรียกตัวกลับประเทศได้ด้วยเหตุผล ต่าง ๆ เช่น ผู้แทนทางการทูตนั้นขอลาออก หรือลาออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญ หรือถูกโยกย้ายไปประจำอีกแห่งหนึ่ง หรือเกิดความไม่พอใจอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ถ้าหากรัฐบาลปรารถนาจะเรียกหัว หน้าคณะผู้แทนทางการทูตกลับโดยถาวรเนื่องจากไม่พอใจในตัวเขา โดยมากเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกัน คือ รัฐบาลจะเปิดโอกาสให้หัวหน้าคณะทูตผู้นั้นทำหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งเสีย มากกว่าที่จะใช้วิธีสั่งปลด อันเป็นการกระทำที่รุนแรงกว่ามากนอกจากนี้ หัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตหรือเอกอัครราชทูตอาจถูกรัฐบาลเรียกตัวกลับตามคำ ขอร้องของรัฐบาลประเทศผู้รับ เนื่องจากกระทำตนไม่เป็นที่พึงปราถนาของประเทศผู้รับ (Persona non grata) ก็ได้ ตามปกติ คำขอร้องจากรัฐผู้รับขอให้เรียกตัวกลับนั้น มักได้รับการตอบสนองโดยดีในทันทีจากรัฐผู้ส่ง แต่ถ้าหากรัฐผู้ส่งปฏิเสธคำขอร้องดังกล่าวนั้น รัฐผู้รับอาจขับให้ออก (Dismiss) จากประเทศก็ได้ [การทูต] | reprisal | การตอบโต้การกระทำของรัฐอื่นซึ่งเป็นความผิดในทาง กฎหมายระหว่างประเทศ กล่าวคือเป็นการตอบโต้การกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่นกัน [การทูต] | retortion | การตอบโต้การกระทำของรัฐอื่นซึ่งมิได้เป็นความผิดในทาง กฎหมายระหว่างประเทศ แต่มีลักษณะที่ไม่เป็นมิตร [การทูต] | sanction | การคว่ำบาตร (ในกรอบสหประชาชาติ) " หมายถึง มาตรการลงโทษที่คณะมนตรีความมั่นคง ใช้ต่อประเทศสมาชิกที่มีการกระทำที่ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ รวมทั้งเป็นภัยต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศโดยการจำกัด หรือห้ามประเทศสมาชิกอื่น ๆ ติดต่อในด้านต่าง ๆ (เช่น ด้านการค้า การคมนาคมขนส่ง) อย่างเป็นทางการกับประเทศนั้น ๆ เพื่อบีบบังคับให้มีการปฏิบัติตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคง มาตรการห้ามการ ติดต่อเหล่านี้ บางครั้งเรียกว่า ปิดล้อม (embargo) เช่น ปิดล้อมด้านอาวุธ ปิดล้อมด้านการค้า เป็นต้น " [การทูต] | Security Council of the United Nations | คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คณะมนตรีนี้ประกอบด้วยสมาชิกถาวร (Permanent members) 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต อังกฤษ และสหรัฐฯ และมีสมาชิกไม่ถาวร (Non-permanent members) อีก 10 ประเทศ ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นผู้เลือกตั้ง และให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งประเทศละ 2 ปี สมาชิกประเภทนี้ไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งใหม่ในทันที และในการเลือกตั้งจะคำนึงส่วนเกื้อกูลหรือบทบาทของประเทศผู้สมัครที่มีต่อ การธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมทั้งที่มีต่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ขององค์การสหประชาชาติด้วย ในการเลือกตั้ง จะคำนึงถึงการแบ่งกลุ่มประเทศสมาชิกดังนี้คือ ก. 5 ประเทศจากแอฟริกาและเอเชียข. 1 ประเทศจากยุโรปตะวันออกค. 2 ประเทศจากละตินอเมริกาง. 2 ประเทศจากยุโรปตะวันตก และประเทศอื่น ๆหน้าที่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีดังนี้1. ธำรงรักษาสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศตามวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ2. สอบสวนเกี่ยวกับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งระหว่างประเทศ3. เสนอแนะวิธีที่จะใช้กรณีพิพาทเช่นว่านั้น หรือ เงื่อนไขที่ให้มีการตกลงปรองดองกัน4. วางแผนเพื่อสถาปนาระบบการควบคุมกำลังอาวุธ5. ค้นหาและวินิจฉัยว่ามีภัยคุกคามต่อสันติภาพ หรือ เป็นการกระทำที่รุกรานหรือไม่ แล้วเสนอแนะว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร 6. เรียกร้องให้สมาชิกประเทศที่ทำการลงโทษในทางเศรษฐกิจ และใช้มาตรการอื่น ๆ ที่ไม่ถึงขั้นทำสงคราม เพื่อป้องกันมิให้เกิดหรือหยุดยั้งการรุกราน7. ดำเนินการทางทหารตอบโต้ฝ่ายที่รุกราน8. เสนอให้รับประเทศสมาชิกใหม่ รวมทั้งเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ ในการที่จะเข้าเป็นภาคีตามกฎหมายของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ 9. ทำหน้าที่ให้ภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ ในเขตที่ถือว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์10. เสนอแนะให้สมัชชาสหประชาชาติ แต่งตั้งตัวเลขาธิการและร่วมกับสมัชชาในการเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลโลก11. ส่งรายงานประจำปีและรายงานพิเศษต่อสมัชชาสหประชาชาติบรรดาประเทศสมาชิกของสห ประชาชาติ ต่างตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อมติใด ๆ ของคณะมนตรีความมั่นคง ทั้งยังรับรองที่จะจัดกำลังกองทัพของตนให้แก่คณะมนตรีความมั่นคงหากขอร้อง รวมทั้งความช่วยเหลือและและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ [การทูต] | United Nations Emergency Force | กองกำลังฉุกเฉินของสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1956 สมัชชาแห่งสหประชาชาติได้ขอรัองให้เลขาธิการสหประชาชาติเสนอแผนการภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อจัดตั้งกองกำลังระหว่างชาติของสหประชาชาติ โดยได้รับอนุมัติจากชาติที่เกี่ยวข้อง ให้ทำหน้าที่ยุติและควบคุมดูแลการหยุดรบในประเทศอียิปต์ วันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 5 พฤศจิกายน สมัชชาก็ได้ลงมติให้จัดตั้งกองบัญชาการแห่งสหประชาชาติขึ้นปรากฏว่า ผู้แทนของสหภาพโซเวียตได้กล่าวอ้างว่า การจัดตั้งกองกำลังดังกล่าวเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ โดยยกบทที่ 7 ของกฎบัตรขึ้นมาอ้างว่า คณะมนตรีความมั่นคงองค์กรเดียวเท่านั้น ที่กฎบัตรให้อำนาจจัดตั้งกองกำลังระหว่างชาติได้ ด้วยเหตุนี้ สหภาพโซเวียตและอีกบางประเทศจึงแถลงว่า จะไม่ยอมมีส่วนร่วมในการออกเงินค่าใช้จ่ายสำหรับกองกำลังดังกล่าวโดยเด็ดขาด พึงสังเกตว่า การที่สหภาพโซเวียตอ้างยืนยันว่า คณะมนตรีความมั่นคงเท่านั้นที่กฎบัตรสหประชาชาติให้อำนาจตั้งกองกำลังสห ประชาชาติได้ ก็เพราะหากยินยอมตามข้ออ้างของสหภาพโซเวียตดังกล่าว จะไม่มีทางจัดตั้งกองกำลังขึ้นได้เลย เพราะสหภาพโซเวียตจะใช้สิทธิยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคงอย่างไม่ต้องสงสัย [การทูต] | Unfriendly Act | การกระทำที่ไม่เป็นมิตร กล่าวคือ เมื่อรัฐหนึ่งประกาศว่า จะถือว่าการปฏิบัติบางอย่างของอีกประเทศหนึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตร นั่นหมายความว่า เป็นการเตือนว่าการกระทำเช่นนั้นอาจนำไปสู่สงครามได้ [การทูต] | unilateralism | การกระทำฝ่ายเดียว [การทูต] | Visa | การตรวจลงตรา กล่าวคือ เป็นเครื่องหมายแสดงการรับรองที่ประทับอยู่ในหนังสือเดินทางว่า หนังสือเดินทางฉบับนั้นได้รับการตรวจตราแล้ว ในกรณีที่ผู้ถือหนังสือดังกล่าวยื่นขอเดินทางเข้าไปในประเทศที่ให้การตรวจลง ตรา และทุกอย่างถูกต้องจึงให้ผู้นั้นเดินทางไปยังประเทศดังกล่าวได้อนุสัญญากรุง เวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุลได้บัญญัติไว้ในข้อ 5 ของวรรค D ว่า หน้าที่ทางกงสุลข้อหนึ่งคือ ?ออกหนังสือเดินทางและเอกสารเดินทางให้แก่คนชาติของรัฐผู้ส่ง และตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือออกเอกสารที่เหมาะสมให้แก่บุคคลที่ประสงค์จะเดินทางไปยังรัฐผู้ส่ง?พึง เข้าใจว่า แม้หนังสือเดินทางจะได้รับการตรวจลงตราแล้วก็ตาม ก็มิได้เป็นการประกันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ผู้ถือหนังสือนั้นจะได้รับการยินยอมให้เดินทางเข้าไปในรัฐที่ให้การตรวจลง ตรา คือ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในรัฐนั้นอาจห้ามมิให้เข้าประเทศได้ ทั้ง ๆ ที่ได้รับการตรวจตราแล้วก็ตาม แต่การกระทำเช่นนี้เป็นกรณีที่เกิดขึ้นน้อยมากการตรวจลงตราหรือวีซ่านั้น แบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 3 ประเภท คือ1) การตรวจลงตราทางการทูต ซึ่งออกให้แก่บุคคลในคณะทูตและกงสุล รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของต่างประเทศ2) การตรวจลงตราทางราชการ ออกให้แก่ข้าราชการที่ไม่รวมอยู่ในประเภทที่ 1) ซึ่งจะเดินทางไปธุระราชการ และ3) การตรวจลงตราธรรมดา ออกให้แก่บุคคลทั่วไปที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และไม่รวมอยู่ในประเภทที่ 1) และ 2) มีหลายประเทศได้ให้การตรวจลงตราชั่วคราว การตรวจลงตราสำหรับลูกเรือเดินทะเล การตรวจลงตราสำหรับพ่อค้าต่างประเทศ การตรวจลงตราสำหรับนักศึกษา และการตรวจลงตราสำหรับผู้อพยพลี้ภัย เป็นต้น [การทูต] | War Crimes | อาชญากรรมสงคราม ตามกฎบัตรต่อท้ายความตกลงว่าด้วยการพิจารณาลงโทษ อาชญากรสางคามที่สำคัญ ๆ ของฝ่ายอักษะยุโรป (European Axis) การกระทำต่อไปนี้ถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามคือ การละเมิดกฎหมายหรือประเพณีของการสงคราม เช่น การฆ่า การปฏิบัติอันโหดร้าย หรือการขับคนไปทำงานเยี่ยงทาส หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด ซึ่งกระทำต่อราษฎรพลเรือนของดินแดนที่ถูกยึดครอง การฆ่าหรือปฏิบัติอย่างโหดร้ายต่อเชลยศึกหรือบุคคลในท้องทะเล การฆ่าตัวประกัน การปล้นสะดมทรัพย์สินสาธารณะหรือส่วนบุคคล การทำลายล้างตัวเมืองหรือหมู่บ้าน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่จำเป็นในแง่การทหาร [การทูต] | Mechanical stability time | ความเสถียรเชิงกลของน้ำยาง หมายถึง ความเสถียรของน้ำยางต่ออิทธิพลทางกล เช่น การกวน การปั๊ม การเคลื่อนย้าย หรือการกระทำทางกลโดยวิธีอื่นๆ สามารถทำได้โดยวัดระยะเวลาที่เริ่มปั่นกวนน้ำยางจนกระทั่งสังเกตเห็นน้ำยาง เริ่มจับตัวเป็นเม็ดเล็กๆ ในหน่วยของวินาที ค่า MST สูงจะบ่งชี้ว่า น้ำยางมีความเสถียรต่ออิทธิพลทางกลได้สูง แต่ถ้าค่า MST ต่ำแสดงว่าน้ำยางนั้นจะสูญเสียความเสถียร สามารถจะจับเป็นเม็ดได้ง่าย เมื่อน้ำยางถูกกระทบกับอิทธิพลทางกล [เทคโนโลยียาง] | Potassium hydroxide number | จำนวนโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ หมายถึง จำนวนกรัมของโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ที่สมมูลย์พอดีกับอนุมูลของกรดทั้งหมดที่ รวมกับแอมโมเนียในน้ำยาง ที่มีปริมาณของแข็งทั้งหมด 100 กรัม นั่นคือ จำนวนโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์เป็นตัวระบุปริมาณของสบู่แอมโมเนียมที่เกิดขึ้น ระหว่างการเปลี่ยนแปลงในน้ำยาง การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดจากการกระทำของแบคทีเรียต่อสารที่ไม่ใช่เนื้อยาง ในขณะก่อนการใส่แอมโมเนียลงในน้ำยาง และเกิดขึ้นจากการไฮโดรไลซิสของโปรตีนในระหว่างการเก็บน้ำยาง ค่า KOH ที่สูงแสดงถึง ความเปลี่ยนแปลงมากและอาจบ่งชี้ว่าน้ำยางข้นมีอายุหลังการผลิตนานอีกด้วย [เทคโนโลยียาง] | Abortion, Induced | การทำให้แท้ง, การทำแท้ง, การทำแท้งโดยเจตนา, การแท้งที่เกิดจากการกระทำ, แท้งจากการกระทำ [การแพทย์] | Acting | ชอบเล่นแสดงบทบาทมาก, การกระทำ [การแพทย์] | Action | การกระทำ, การออกฤทธิ์, พฤติการณ์, ลงมือทดลองปฏิบัติ, การเคลื่อนไหว, การทำงาน [การแพทย์] | Activities | กิจกรรม, กัมมันตภาพ, การออกฤทธิ์, การกระทำของบุคคล, ความแรงฤทธิ์, กิจวัตรประจำวัน, การปฎิบัติกิจกรรม, การทำงาน, ความไว [การแพทย์] |
| If he did, he may not have connected it with his own acts. | ถ้าเขาทำเขาอาจจะไม่ได้เชื่อมต่อกับการกระทำของตัวเอง 12 Angry Men (1957) | Seen any Musketeers swanning about, trooper? | การกระทำใด ๆ ที่จับกลุ่ม ทหารถือปืนคาบศิลา เกี่ยวกับทหารม้า? มานี่สิ. How I Won the War (1967) | It's a shame the Italian nation has to be brought into disrepute by the lunatic actions of a pitiful few fascist pimps. | ไม่ให้ความอัปยศประณาม ประเทศอิตาลี ได้รับการซื้อเข้ามาในความเสีย ชื่อเสียง โดยการกระทำของคนบ้าไม่กี่ How I Won the War (1967) | Action stations! | สถานีการกระทำ! Yellow Submarine (1968) | Full speed it is, sir. | สถานีการกระทำ! Yellow Submarine (1968) | So may I introduce to you, The act you've known for all these years | ดังนั้นฉันอาจจะแนะนำให้คุณ การกระทำที่คุณได้รู้จักกันสำหรับทุก ปีเหล่านี้ Yellow Submarine (1968) | He'll give a piece of the action. I don't know how much. | เขาจะให้ชิ้นส่วนของการกระทำ ผมไม่ทราบว่าเท่าไหร่ The Godfather (1972) | If we don't get a piece of that action, we risk everything in 10 years' time. | ถ้าเราไม่ได้รับชิ้นส่วนของการกระทำที่เรามีความเสี่ยงทุกอย่างในเวลา 10 ปีที่ผ่านมา The Godfather (1972) | The boy's hopeless at masturbation, he needs a lesson | ที่ไร้ความหวังของเด็กผู้ชายที่การกระทำกามอัตโนมัติ, \ Nhe ความต้องการบทเรียน Salò, or the 120 Days of Sodom (1975) | He covered me up, making me lie down | เขาครอบคลุมฉันขึ้น, การกระทำที่ฉันนอนลง Salò, or the 120 Days of Sodom (1975) | I believe by masturbation of the requisite body areas | ฉันเชื่อโดยการกระทำกามอัตโนมัติของพื้นที่ร่างกาย the requisite Salò, or the 120 Days of Sodom (1975) | After making me undress, he ordered me on all fours, like an animal | การกระทำหลังจากที่ที่ฉันถอดเสื้อผ้า, เขา order me บนทั้งหมดสี่, เหมือนสัตว์ Salò, or the 120 Days of Sodom (1975) | That stupid girl's making a scene over such a delicacy | สิ่งนั้นการกระทำของเด็กผู้หญิงโง่ความละเอียดอ่อนจน scene over Salò, or the 120 Days of Sodom (1975) | Our guide restored the divine character of monstrosity thanks to reiterated actions, that is to say: rites | ไกด์ของเราที่ตั้งอยู่อีกครั้ง divine character ของความเป็นอสูรกาย... ...การขอบคุณที่จะการกระทำที่กล่าวซ้ำ, \ Nthat จะพูด: พิธีศาสนา Salò, or the 120 Days of Sodom (1975) | "...without making a last homage to the object of his adoration | โดยปราศจากการกระทำความเคารพล่าสุด to the วัตถุของการบูชาของเขา . Salò, or the 120 Days of Sodom (1975) | For if we knew we were looking at a boy rather than a girl we might be influenced in making our decision | สำหรับถ้าเรารู้เรากำลังดูเด็กผู้ชาย at a ค่อนข้างดีกว่าเด็กผู้หญิง... ...เราอาจจะ influence in การกระทำการตัดสินใจของเรา Salò, or the 120 Days of Sodom (1975) | Break up this illegal gathering! | หยุดการกระทำที่ไม่ถูกกฎหมายนี้! Akira (1988) | Terrorist activities carried out by anti-government elements have skyrocketed this month. | การกระทำที่น่ากลัวเกิดจาก... ...กลุ่มต่อต้านรัฐบาล ที่มีจรวดเดือนนี้ Akira (1988) | We're partly to blame for his actions. | เรามีส่วนต้องรับผิดชอบสำหรับการกระทำของเขา Akira (1988) | She was ill and coughing from the abuse of you and your men. | เขาป่วยจากการกระทำของคุณกับพวก Casualties of War (1989) | Oh, man, I could really go for a little deep-dish action right about now. | โอ้คนที่ฉันสามารถจริงๆไป ... ... สำหรับการกระทำจานลึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนนี้เลย Teenage Mutant Ninja Turtles (1990) | The only change that's going to come from that is more heartache and anger and bigger and deeper canyons between the white folks and the black folks. | การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก การกระทำแบบนั้น คือความเศร้าใจและความโกรธ เหมือนหุบเขาที่ใหญ่ขึ้น และลึกขึ้น ระหว่างคนขาวและคนดำ The Young Indiana Jones Chronicles (1992) | What do you mean, cutting down the homeless? | นายน่าจะรู้สึกอายกับการกระทำของตัวเองนะ Hero (1992) | Must have been a Satan cult or something. | หยั่งกับการกระทำของซาตาน The Lawnmower Man (1992) | But I saw the FBI as a place where I could distinguish myself. | อืม... . พ่อแม่ฉัน ยังคงคิดว่า เป็นการกระทำที่รั้นจริงๆ Deep Throat (1993) | You can ask me what you're gonna ask me, and my natural response could be to get offended. | คุณสามารถถามฉันว่าคุณ gonna ถามและการตอบสนองธรรมชาติของฉันอาจจะได้รับการกระทำผิดกฎหมาย Pulp Fiction (1994) | Am I the only one that thinks this smacks of sharp practice of cheating? | พ่อเป็นคนเดียวรึเปล่าที่คิดว่า การกระทำเช่นนี้เป็นการโกง The Englishman Who Went Up a Hill But Came Down a Mountain (1995) | I urged you not to make Wickham's bad conduct known. Now poor Lydia is suffering for it. | ฉันแนะนำเธอไม่ให้บอกใครถึงการกระทำเลวๆ ของวิคแฮม ตอนนี้ลิเดียที่น่าสงสารก็ต้องมาเป็นทุกข์กับมัน Episode #1.5 (1995) | They agree with me in apprehending that this false step in one sister must be injurious to the fortunes of all the others. | พวกเขาเห็นด้วยกับผมที่ว่า เมื่อมีการกระทำผิดของน้องสาวเพียงคนเดียว ก็จะทำให้พวกที่เหลือต้องร้าวรานใจในโชคชะตา Episode #1.5 (1995) | Who should suffer but myself? It has been my own doing, and I ought to feel it. | ใครที่จะต้องทุกข์ทนนอกจากพ่อเอง มันเป็นการกระทำของพ่อเอง พ่อควรจะรู้สึกอย่างนั้น Episode #1.5 (1995) | There is a lengthy legal precedent, Your Honor, going back to 1789, whereby a defendant can claim self-defense against an agent of the government... if that act is deemed a defense against tyranny, a defense of liberty. | มีรายละเอียด สิทธิตามกฎหมาย ครับใต้เท้าเมื่อปี 1 789 ในการที่จำเลยสามารถอ้างสิทธิ์ป้องกัน ตนเองต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถ้าการกระทำนั้นถือว่าเป็นการถูกข่มเหง สิทธิในการป้องกันตัว Good Will Hunting (1997) | Well, that's my point. It's an irrational act. | อืม นั่นแหละประเด็น / มันเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผล American History X (1998) | Calling a riot an irrational expression of rage. | เราเรียกการจลาจลนั้นว่า /การกระทำที่ปราศจากเหตุผล American History X (1998) | A few new books doesn't qualify as affirmative black action. | หนังสือใหม่ๆ แค่ไม่กี่เล่ม ไม่ได้หมายถึงคุณภาพ/ของการกระทำของพวกผิวดำซะหน่อย American History X (1998) | There's like some hidden agenda or something going on. | มันเหมือนกับการกระทำบางอย่างที่ต้องปิดบัง / หรือมีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้น American History X (1998) | It's a word that describes a chemical react... | มันเป็นคำคำหนึ่ง... ...ที่อธิบายด้วยการกระทำที่หลายหลาย City of Angels (1998) | He had his reasons to do what he did. | มันต้องมีเหตุผลในการกระทำของมัน Blues Harp (1998) | Only by taking full responsibility... for your actions and their solutions... will you ever break free from the constant cycle of victimhood. | เพียงแสดงความรับผิดชอบ ต่อการกระทำของเรา และต่อทางแก้ปัญหาของผู้อื่น คุณต้องแหกวงจรของการเป็นผู้รับเคราะห์ American Beauty (1999) | His actions are unpredictable | การกระทำของเขาคาดเดาได้ยาก GTO (1999) | You are responsible for it - I'm responsible? | คุณต้องรับผิดชอบการกระทำของคุณ การรับผิดชอบของผม? GTO (1999) | And that kind of act leaves a mark. | และการกระทำนั้นทิ้งร่องรอยไว้ Harry Potter and the Sorcerer's Stone (2001) | What God lets you do is decide for yourself what you will do. | สิ่งที่พระองค์ทำคือ ปล่อยให้ลูกตัดสินใจการกระทำด้วยตัวเอง Frailty (2001) | "First Party shall pay 1 million performance fee per film to Second." | คนที่เกี่ยวข้องกับเธออันแรก จะต้องจ่ายเงิน1ล้านเยนเป็นค่าธรรมเนียมในการกระทำของเธอต่อไปอีกในฟิล์มที่สอง Platonic Sex (2001) | Jeremy, you need to stop this. | เจอมี นายต้องหยุดการกระทำนั่น Pilot (2001) | We have some action? | เรามีการกระทำบางอย่าง? Showtime (2002) | We have some action, finally. | เรามีการกระทำบางอย่างในที่สุด Showtime (2002) | I got Johnnie Cochran. No offense, bro. | ผมได้รับจอห์นนีค็อชฮาน ไม่มีการกระทำผิดกฎหมายครับ Showtime (2002) | Fame is a fickle friend, Harry. Celebrity is as celebrity does. | ชื่อเสียงมันไม่ถาวรหรอกนะ แฮร์รี่ ความมีชื่อเสียงเกิดจากการกระทำ Harry Potter and the Chamber of Secrets (2002) | I spoke to the other captains. I wanted to offer you a chance to explain your actions. | ผมคุยกับกัปตันคนอื่นล้ว /ผมอยากให้คุณอธิบายการกระทำของคุณ The Matrix Reloaded (2003) | I wasn't aware that my actions required any explanation. | ผมไม่คิดว่าการกระทำของผมจำเป็นต้องมีคำอธิบาย The Matrix Reloaded (2003) |
| การกระทำ | [kān kratham] (n) EN: action ; act FR: action [ f ] ; acte [ m ] ; geste [ m ] ; activité [ f ] | การกระทำอันไม่สุจริต | [kān kratham an mai sutjarit] (n, exp) EN: dishonest action | การกระทำการ | [kān krathamkān] (n) EN: execution ; performance | การกระทำความผิด | [kān kratham khwāmphit] (n, exp) EN: offence | การกระทำความผิดอีก | [kān kratham khwāmphit īk] (n, exp) EN: recidivism | การกระทำความผิดทางอาญาของเยาวชน | [kān kratham khwāmphit thāng āyā khøng yaowachon] EN: juvenile delinquency FR: délinquance juvénile [ f ] | การกระทำในทางที่ไม่ถูกต้อง | [kān kratham nai thāng thī mai thūktǿng] (n, exp) EN: wrongdoing | การกระทำผิด | [kān kratham phit] (n, exp) EN: making a mistake | การกระทำผิดอาญา | [kān kratham phit āyā] (n, exp) EN: delingquency | การกระทำผิดกฎหมาย | [kān kratham phit kotmāi] (n, exp) EN: criminal offence ; violation FR: violation [ f ] | การกระทำผิดหน้าที่ | [kān kratham phit nāthī] (n, exp) EN: breach of duty | การกระทำทางสังคม | [kān kratham thāng sangkhom] (n, exp) EN: social action FR: action sociale [ f ] | การกระทำทารุณ | [kān kratham thārun] (n, exp) EN: abuse FR: maltraitance [ f ] | การกระทำทารุณทางเพศ | [kān kratham thārun thāng phēt] (n, exp) EN: sexual abuse FR: abus sexuel [ m ] | การกระทำทารุณต่อเด็ก | [kān kratham thārun tø dek] (n, exp) EN: child abuse ; abuse of children FR: maltraitance des enfants [ f ] ; maltraitance infantile [ f ] | การกระทำทารุณต่อสัตว์ | [kān kratham thārun tø sat] (n, exp) FR: maltraitance des animaux [ f ] | การกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมาย | [kān kratham thī lamoēt tø kotmāi] (n, exp) EN: violation of the law | ความรับผิดในการกระทำของผู้อื่น | [khwām rapphit nai kān kratham khøng phū eūn] (n, exp) EN: vicarious liability | กฎหมายเกี่ยวกับการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชน | [kotmāi kīokap kān kratham khwāmphit khøng dek lae yaowachon] (n, exp) EN: law of juvenile delinquency |
| cyber crime | (n) [ cybercrime; cyber-crime; computer crime ] อาชญากรรมไซเบอร์, อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ๑. การกระทำผิดกฎหมายโดยใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือ เช่น ทำลาย เปลี่ยนแปลง หรือขโมยข้อมูล ๒. การทำให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่าย ถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทํางานตามปรกติได้ [ ศัพท์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ฉบับราชบัณฑิตยสภา ] | condescension | (n) การกระทำที่แสดงให้เห็นว่าผู้กระทำเชื่อว่าตนเองสำคัญหรือฉลาดกว่าผู้อื่น เช่น He gave us very friendly advice without a trace of condescension. เขาให้คำแนะนำที่เป็นมิตรมากๆ กับพวกเรา โดยไม่ได้มีท่าทีว่าเขาคิดว่าตนเองสำคัญหรือฉลาดกว่าเราแต่อย่างใด | mansplaining | (n, slang) การกระทำที่ผู้พูด (มักเป็นผู้ชาย) อธิบายหรือแสดงความคิดเห็นต่อสิ่งต่างๆ ให้แก่ผู้ฟัง (มักเป็นผู้หญิง) ในลักษณะที่ทำตัวเหนือกว่า, คิดว่าฝ่ายผู้ฟังไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ หรือ ใช้คำอธิบายในลักษณะที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจง่ายจนเกินสมควรเช่นเหมือนอธิบายเด็ก ดูคำอธิบายเพิ่มเติม https://dict.longdo.com/blog/word-of-the-day-mansplaining/ |
| abuse | (n) การข่มเหง, See also: การกระทำทารุณ, การปฏิบัติไม่ดีต่อ, Syn. mistreatment, harm, damage, Ant. help | act | (n) การกระทำ, See also: พฤติกรรม, Syn. action, deed, performance | action | (n) การกระทำ, See also: ปฏิบัติการ, Syn. activity, operation, performance | activity | (n) การกระตือรือร้น, See also: การกระทำอย่างมีชีวิตชีวา, Syn. liveliness | activity | (n) การกระทำ, See also: กิจกรรม, Syn. movement, motion | actor | (n) ผู้กระทำ, See also: ผู้ที่มีส่วนร่วมในการกระทำ, Syn. doer, performer, participant | actuate | (vt) กระตุ้นให้ทำ, See also: กระตุ้นให้ดำเนินการ, ทำให้เกิดการกระทำบางอย่าง | anticlerical | (adj) ต่อต้านอิทธิพลและการกระทำของพระ | apery | (n) การกระทำที่งี่เง่า | attention | (n) การเอาอกเอาใจ, See also: การกระทำอย่างรักใคร่ | abet in | (phrv) ช่วยให้พ้นจาก (สิ่งที่ไม่ดีหรือการกระทำผิด), See also: ช่วย, ทำให้รอดพ้น | alternate between | (phrv) เปลี่ยนจากบางสิ่ง (การกระทำ) ไปสู่บางสิ่ง (การกระทำ), See also: เปลี่ยนกันระหว่าง | bad | (adj) (งาน, การกระทำ) ไม่เป็นที่น่าพอใจ, Syn. unsatisfactory, Ant. satisfactory | behavior | (n) พฤติกรรม, See also: การกระทำตัว, พฤติการณ์, การแสดงอาการ, ท่าที, Syn. conduct, manners, behaviour | behaviour | (n) พฤติกรรม, See also: การกระทำตัว, พฤติการณ์, การแสดงอาการ, ท่าที, Syn. conduct, manners, behavior | better | (n) เรื่องราวที่ค่อนข้างดี (เงื่อนไข, การกระทำ) | blind | (adj) (ความเชื่อ, การกระทำ) ที่ขาดเหตุผล, Syn. unreasoning, irrational | breakthrough | (n) เหตุการณ์หรือการกระทำที่ทำให้อุปสรรคหมดไป | bumble | (n) การกระทำที่ผิด, Syn. mistake | be at each other's throats | (idm) ทำให้กลัว (ด้วยการกระทำหรือคำพูด), See also: กล่าวโจมตี, ขู่ให้กลัว | be better off without | (phrv) (สถานภาพหรือตำแหน่ง) แย่ลงกับ (การกระทำบางสิ่ง) | bring back | (phrv) กลับไปใช้วิธี ความคิดหรือการกระทำเแบบเดิม, Syn. come back | campaign | (n) การรณรงค์, See also: การกระทำการหรือวางแผนเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย | champion | (n) นักต่อสู้, See also: นักสู้เพื่อป้องกัน คน การกระทำ การทำงาน หลักการ, คนที่ต่อสู้เพื่อป้องกัน คน การกระทำ หลั, Syn. defender, fighter, hero, paladin, protector | coaction | (n) การกระทำการร่วมกัน | counterinsurgency | (n) การกระทำทางการทหารหรือการเมืองที่ใช้ต่อต้านการกบฏ | countermeasure | (n) การกระทำตอบโต้, See also: การโต้กลับ | crime | (n) การกระทำที่ผิดศีลธรรม | cruelty | (n) การกระทำที่โหดร้าย, See also: การกระทำที่ทารุณ | crack out | (phrv) เริ่มการกระทำบางอย่างทันที (คำไม่เป็นทางการ), Syn. break into, break out in | drop it | (phrv) หยุดการกระทำ (คำไม่เป็นทางการ) | fall in with | (phrv) ตกลงไปพร้อมกับ (การกระทำ, การสวมใส่บางสิ่ง) | fetch up | (phrv) จบลงด้วยการกระทำ (บางอย่าง) (คำไม่เป็นทางการ), Syn. end up, finish up, land up, wind up | finish up | (phrv) ยุติ (การกระทำ), Syn. end up | fire into | (phrv) ทำให้ตื่นเต้นใน (การกระทำ) | deathblow | (n) เหตุการณ์หรือการกระทำที่ทำให้ตายหรือทำให้บางอย่างจบสิ้น | deed | (n) การกระทำ, See also: กรรม, Syn. action | defeatism | (n) แนวคิดหรือการกระทำของผู้ยอมรับหรือคาดว่าจะพ่ายแพ้หรือไม่ประสบความสำเร็จ, See also: การยอมรับความล้มเหลว | delinquency | (n) การกระทำผิดกฎหมาย (โดยเฉพาะกับเด็ก) (ทางกฎหมายอาญา), Syn. criminality, illegality, wrongdoing, Ant. care, observance | desist | (vi) หยุดการกระทำ, See also: ระงับ, ยุติ, เลิก, งดเว้น, Syn. cease, refrain, hold, stop | desistance | (n) การหยุดการกระทำ, See also: การระงับ, การยุติ, การเลิก, การงดเว้น, Syn. astinenee | disservice | (n) การกระทำที่เป็นอันตราย, See also: การเสียประโยชน์, Syn. injury, harm | doing | (n) การกระทำ, Syn. performing, achieving | effrontery | (n) ความไร้ยางอาย, See also: ความทะลึ่ง, การกระทำที่ทะลึ่งหรือหน้าด้านไร้ยางอาย, Syn. chutzpa, insolence, shamelessness | elegant | (adj) (การกระทำ) ที่มีส่วนผสมระหว่างความเรียบง่าย ทักษะและความสวยงาม | empiricism | (n) การนำประสบการณ์หรือการทดลองมาประยุกต์ใช้, See also: การกระทำสิ่งต่างๆ โดยอาศัยประสบการณ์ | entrain | (vt) ทำให้ (ผลของการกระทำ) เกิดขึ้น | errancy | (n) ความโน้มเอียงในการกระทำผิดหรือประพฤติตัวไม่เหมาะสม, Syn. deviation | escapade | (n) การกระทำที่น่าตื่นเต้นและกล้าบ้าบิ่น, Syn. adventure, prank | exploit | (n) การกระทำที่กล้าหาญ, See also: พฤติการณ์ที่กล้าหาญ, ความกล้าหาญ, Syn. deed, escapade, venture |
| acrobatics | (แอคโรแบท' ทิคซฺ) n. กายกรรม, ศิลปกายกรรม, การกระทำที่โลดโผน, Syn. gymnastics | act | (แอคทฺ) n., vt., vi. การกระทำ, พฤติการณ์, ฉาก, องก์ (ละคร) , การเล่นละคร, ฤทธิ์, อำนาจ, การดำเนินคดี, การปฏิบัติหน้าที่, การบังเกิดผล, การแกล้งทำ, เหตุการณ์ในละครหรือหนังสือ, เครื่องจักร, การเคลื่อนไหว, การรบ, Syn. perform, do, pl abbr. activated clotting enzyme | action | (แอค' เชิน) n. การกระทำ, การปฏิบัติ, การดำเนินการ, ท่าทาง, ขั้นตอน, การฟ้องร้อง, ฤทธิ์, อำนาจ, เหตุการณ์, การใช้กำลัง, การเดิน, การเคลื่อนไหว, การรบ, การพนัน, การกระทำที่ตื่นเต้น. -actions ความประพฤติ | adventurism | (แอดเวน' เซอริสซึม) n. (นโยบาย, วิธีการ, การกระทำ) ที่เสี่ยง. -adventurist n., -adventuristic adj. | antedate | (แอน' ทิเดท) n., vt. การลงวันที่ก่อนวันจริง, การมาก่อน, การทำให้เกิดก่อน, การเร่ง, การกระทำหรือมีล่วงหน้า (antecede, precede) | asyndeton | (อะซิน'ดีทัน) n. การตัดสันธาน (conjunction) ออก. -asyndetic อสมวาร <คำแปล>หมายถึง กระบวนการหรือการกระทำใด ๆ ก็ตามที่ไม่สอดประสานหรือสมนัยกัน (ใช้ในการรับและส่งข้อมูลทางโทรศัพท์) | atrocity | (อะทรอส'ซิที) n. ความโหดร้าย, ความชั่วภัย, ความน่ากลัว, ความดุร้าย, สิ่งชั่วร้าย, การกระทำที่ชั่วร้าย, Syn. enormity, outrage, crime | barbarity | (บาร์แบร์'ริที) n. ความโหดร้าย, การกระทำที่โหดร้าย, ความทารุณ, ความหยาบ, Syn. savagery | behavior | (บิเฮฟ'วิเออะ) n. ความประพฤติ, การกระทำตัว, พฤติกรรม, อาการ, ท่าที, Syn. manners | behaviour | (บิเฮฟ'วิเออะ) n. ความประพฤติ, การกระทำตัว, พฤติกรรม, อาการ, ท่าที, Syn. manners | bit | (บิท) 1. n. ดอกสว่าน, สิ่งค้ำ, ของเล็ก ๆ น้อย ๆ , ครู่เดียว, การกระทำ, บทบาทเล็กน้อย, เหรียญเล็ก ๆ , หน่วย, กริยาช่อง 2 และ 3 ของ bite, บิต, 2. ในระบบเลขฐาน 2 หมายถึงตัวเลข 0 และ 1, หน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุด โดยที่หนึ่งบิตจะต้องเพียงพอต่อการบอกความแตกต่างระหว่างข้อมูลประเภท "ใช้" ในปัจจุบันมักใช้บิตเป็นหน่วยวัดตัวประมวลผล (microprocessor) ของไมโครคอมพิวเตอร์ ว่าเป็นขนาด 8 บิต 16 บิต หรือ 32 บิต ถ้าจัดบิตเป็นชุดที่เรียกว่าไบต์ (byte) ซึ่งปกติจะมี 8 บิต จะใช้เป็นรหัสเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลข ตัวอักษร ฯ ดู byte ประกอบ | bout | (เบาทฺ) n. การแข่งขัน, ยกหนึ่ง (มวย) , พักหนึ่ง (ไข้) , การกระทำครั้งหนึ่ง, เพลงหนึ่ง, ระยะหนึ่ง | brutality | (บรูแทล'ลิที) n. ความโหดร้าย, ความทารุณ, การกระทำที่โหดร้าย, การกระทำที่ทารุณ, Syn. cruelty | bumble | (บัม'เบิล) { bumbled, bumbling, bumbles } vt. กระทำผิดอย่างมาก, เดินโซเซ, พูดตะกุกตะกัก vi. ทำเสียงคล้ายผึ้ง n. การกระทำที่ผิด | categorical imperative | n. กฎที่ว่าการกระทำของคนนั้นควรเป็นการบริหารซึ่งเป็นพื้นฐานของกฎทั่วไป | coaction | (โคแอค'-) n. การกระทำร่วมกัน, แรงดัน, ปฎิกริยาระหว่างสิ่งมีชีวิต | commitment | (คะมิท'เมินทฺ) n. การมอบ, การมอบหมาย (หน้าที่ความไว้วางใจ) , การส่งให้พิจารณา, การกักตัวไว้ในโรงพยาบาลโรคจิต, การส่งเข้าคุก, การให้คำมั่นสัญญา, คำสั่งศาลให้กักหรือเข้าคุก, การกระทำความผิด, การพัวพัน, การเข้าสู่สงคราม., Syn. committal, delive | compunction | (คัมพังคฺ'เชิน) n. ความเสียใจต่อการกระทำ, ความไม่สบายใจหรือกระสับกระส่ายต่อสิ่งที่ได้กระทำไป., See also: compunctious adj., Syn. guilt, regret, repentance | consensual | (คันเซน'?วล) adj. เกี่ยวกับการเห็นชอบด้วยทั้งสองฝ่าย, เกี่ยวกับการกระทำที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจร่วมกัน | coup | (คู) n. การดำเนินการอย่างกะทันหัน, การกระทำที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก, รัฐประหาร -pl. coups | crime | (ไครมฺ) n. อาชญากรรม, การกระทำอาชญากรรมและผู้กระทำ, ความผิดร้ายแรง, บาป, การกระทำที่โง่ไร้ความสำนึกหรือน่าอับอาย, Syn. offense, tort, violation | criminalistics | (คริมมิแนลลิส'ทิคซฺ) n. อาชญากรรมวิทยา, See also: criminality คริมมิแนล'ลิที n. ความเป็นอาญา, การกระทำที่เป็นอาชญากรรม | deed | (ดีด) n. การกระทำ, พฤติการณ์, สารตรา, โฉนด, สัญญาหรือข้อตกลง, Syn. act | delinquency | (ดิลิง'เควินซี) n. ความเหลวไหล, การกระทำผิด, ความผิด, การกระทำผิดกฎหมายของเด็ก, Syn. offense | delinquent | (ดิลิง'เควินทฺ) adj. ซึ่งกระทำผิดกฎหมาย, เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายของเด็ก, เหลวไหล, ไม่ชำระหนี้. n. ผู้กระทำผิดกฎหมาย, เด็กผู้กระทำผิดกฎหมาย, Syn. remiss | derringdo | (เดอ'ริงโด') n. การกระทำที่อาจหาญ | disfavor | (ดิสเฟ'เวอะ) n. ความไม่ชอบ, ความไม่เห็นด้วย, การกระทำที่เป็นภัย. vt. ไม่ชอบ, ไม่โปรด, Syn. disgrace | disfavour | (ดิสเฟ'เวอะ) n. ความไม่ชอบ, ความไม่เห็นด้วย, การกระทำที่เป็นภัย. vt. ไม่ชอบ, ไม่โปรด, Syn. disgrace | dishonesty | (ดิสออน'นิสที) n. ความไม่ซื่อสัตย์, ความไม่สุจริต, การกระทำที่ไม่สุจริต, การหลอก, การลวง, Syn. fraud | do | (ดู) { did, done, does } vt. ทำ, กระทำ, ปฏิบัติ, จัดการ, แสดงท่า, ว่าด้วยvi. ทำ, กระทำ n. การกระทำ | doing | (ดู'อิง) n. การกระทำ, การปฏิบัติการ, พฤติการณ์, สิ่งที่กระทำ., See also: doings n., pl. เหตุการณ์, สิ่งที่ปรากฎขึ้น, สิ่งที่กระทำ, Syn. acts, actions | ego trip | n. การกระทำที่อวดดี, การกระทำที่โอ้อวด | error | (เอ'เรอะ) n. ความผิด, การกระทำผิด, บาป, สิ่งที่กระทำผิด, คำผิด, ข้อผิดพลาด, Syn. blunder | exaltation | (อิกซอลเท'เชิน) n. การยกระดับ, การทำให้สูงขึ้น, ความปลื้มปีติ, ความดีอกดีใจ, การกระทำที่มากเกินไป, ความใหญ่โตเกินไป | execution | (เอคซะคิว'เชิน) n. การปฎิบัติ, การทำให้สำเร็จ, การดำเนินการ, การกระทำ, การบริหาร, การประหารชีวิต, การแสดง (ดนตรี, ฝีมือขับร้องหรืออื่น ๆ) , การบังคับตามกฎหมาย. | execution phase | ช่วงกระทำการหมายถึง ช่วงเวลาที่คอมพิวเตอร์กระทำตามคำสั่งในชุดคำสั่งชุดหนึ่ง ๆ เริ่มนับแต่การไปนำข้อมูลมา (fetch) การถอดรหัส (decode) และการกระทำการ (execute) ตามข้อความสั่งนั้น ๆ ดู compilation phase เปรียบเทียบ | executive program | โปรแกรมกระทำการหมายถึง โปรแกรมระบบ (systems software) ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแล หรือควบคุมการกระทำการ (execution) ของคอมพิวเตอร์ให้สอดคล้องกัน เป็นต้นว่า ดูแลการทำงานของหน่วยรับข้อมูล หน่วยแสดงผล (input/output unit) การดำเนินการและกำหนดการใช้หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) หน่วยความจำ (memory unit) ให้ทำงานให้สอดคล้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระบบทำงานแบบหลายชุดคำสั่ง หรือระบบมัลติโปรแกรมมิ่ง (multiprogramming) ชุดคำสั่งชุดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ (operating system) มีหน้าที่หลักในการดูแลไม่ให้การประมวลผล โปรแกรมทีละหลาย ๆ โปรแกรม เกิดความสับสนกัน มีความหมายเหมือน supervisor | expedition | (เอคซฺพิดิช'เชิน) n. การเดินทาง, คณะผู้เดินทางดังกล่าว, ความว่องไวหรือรวดเร็วในการกระทำบางอย่าง., See also: expeditionary adj. | favor | (ฟะ'เวอะ) n. ความกรุณา, การกระทำที่กรุณา, ความสงเคราะห์, ความประทับใจ, ความนิยม, ความเข้าข้าง, ไมตรีจิต, บุญคุณ, การสนับสนุน, ความเห็นพ้อง, ของขวัญ, ของระลึก, เครื่องหมาย, โบ, สิทธิพิเศษ. -Phr. (in favo (u) r of สนับสนุน, เข้าข้าง) . -Phr. (in one's favo (u) r เพื่อผลประโยชน | favour | (ฟะ'เวอะ) n. ความกรุณา, การกระทำที่กรุณา, ความสงเคราะห์, ความประทับใจ, ความนิยม, ความเข้าข้าง, ไมตรีจิต, บุญคุณ, การสนับสนุน, ความเห็นพ้อง, ของขวัญ, ของระลึก, เครื่องหมาย, โบ, สิทธิพิเศษ. -Phr. (in favo (u) r of สนับสนุน, เข้าข้าง) . -Phr. (in one's favo (u) r เพื่อผลประโยชน | fitting | (ฟิท'ทิง) adj. เหมาะสม, เหมาะ, สมควร, สอดคล้อง. n. การกระทำที่เหมาะสม, สิ่งที่เหมาะสม, การสวมได้เหมาะ, ขนาดเสื้อผ้าที่เหมาะ, เครื่องมือ, อุปกรณ์., See also: fittingly adv. fittingness n., Syn. fit, appropriate, part, component | flounce | (เฟลาซฺ) vi. ขยับตัว, โยกตัว, สะบัดตัว, กระฟัดกระเฟียด, ดิ้นรน, เดินส่ายตัว. vt. เย็บรอยจีบหรือลายหยัก n. การกระทำดังกล่าว, จีบกระโปรง, ผ้าจีบ, รอยจีบ, ลายหยักขอบกระโปรง. | folly | (ฟอล'ลี) n. ความโง่, การกระทำที่โง่ ๆ , เรื่องที่สิ้นเปลืองมากแต่ไร้ประโยชน์ | football | (ฟุท'บอล) n. กีฬาฟุตบอล, กีฬารักบี้, สิ่งหรือบุคคลที่ได้รับการกระทำ อย่างหยาบ ๆ ลูกฟุตบอล | gallantry | n. ความกล้าหาญ, ความชอบช่วยเหลือคนอื่น, การชอบเอาอกเอาใจสตรี, การกระทำหรือการพูดที่กล้าหาญ, Syn. heroism, courage, courtesy, politeness | gest | (เจสทฺ) n. เรื่องราว, นิทาน, บทกวีเกี่ยวกับความรักหรือประวัติศาสตร์, การกระทำ, คนประพฤติ, ลักษณะท่าทาง, ขั้นตอนในการเดินทาง | honorarium | n. รางวัลการกระทำทางวิชาชีพ | honourarium | n. รางวัลการกระทำทางวิชาชีพ | hustle | (ฮัส'เซิล) vi. เร่งรีบ, รีบ, เบียดดัน, ผลัก, หากินโดยวิธีไม่สุจริต vt. ดัน, ผลัก, ผลักไล่, เร่ง, กระตุ้น. -n. การกระทำที่กระฉับกระเฉง, คนทำเร็ว, คนโกง, คนหลอกลวง, หญิงโสเภณี, คนเดินถนน, Syn. jostle, push, goad | impetuosity | (อิมเพช' ชุออส' ซิที) n. ความหุนหันพลันแล่น, ความบุ่มบ่าม, ความรุนแรง, ความใจร้อน, การกระทำที่ใจร้อนหรือหุนหันพลันแล่น, การกระทำที่มีแรงกระตุ้นมาก |
| act | (n) การกระทำ, พฤติการณ์, พระราชบัญญัติ, กฎหมาย, องก์(ละคร) | action | (n) การกระทำ, การปฏิบัติ, พฤติกรรม, กิริยา, การแสดง | agency | (n) ตัวแทน, ผู้แทน, องค์การ, หน่วยงานราชการ, การกระทำ | debauchery | (n) การกระทำชั่ว, การเสเพล, การมึนเมา, การเสพสุรา | deed | (n) การกระทำ, โฉนด, เอกสารสำคัญ, สารตรา, เกียรติประวัติ, สัญญา, ข้อตกลง | delinquency | (n) การหลีกเลี่ยงหน้าที่, ความไม่รับผิดชอบ, ความเหลวไหล, การกระทำผิด | demeanour | (n) ความประพฤติ, การวางตัว, ท่าทาง, การกระทำ, การปฏิบัติตัว | desperation | (n) ความหมดหวัง, ภาวะล่อแหลม, ความไม่กลัวอันตราย, การกระทำด่วน, ความสิ้นคิด | doings | (n) การปฏิบัติ, ความประพฤติ, พฤติกรรม, การกระทำ | elaboration | (n) การทำอย่างประณีต, การกระทำอย่างรอบคอบ, รายละเอียดเพิ่มเติม | exploit | (n) การกล้ากระทำ, ความสามารถ, การกระทำความดี | foolery | (n) การกระทำแบบโง่ๆ, การเล่นตลก | formalism | (n) ความเป็นพิธี, การกระทำตามแบบ, นิสัยเจ้าระเบียบ | function | (n) การกระทำ, หน้าที่, ภารกิจ, งาน, บทบาท, ประสิทธิภาพ | functional | (adj) เกี่ยวกับการกระทำ, เกี่ยวกับกิจธุระ, เกี่ยวกับหน้าที่ | make | (n) แบบ, สิ่งที่สร้างขึ้น, การกระทำ, ยี่ห้อ, กิริยามารยาท | maltreatment | (n) การทารุณ, การปฏิบัติไม่ดี, การกระทำผิด | measure | (n) ขนาด, เครื่องวัด, มาตราวัด, เครื่องมือ, จังหวะดนตรี, การกระทำ | offence | (n) การรุกราน, การละเมิด, การกระทำผิด | performance | (n) การแสดงละคร, การกระทำ, การปฏิบัติ, การเดินเครื่อง, การดำเนินการ | perversion | (n) ความรั้น, การกระทำผิดปกติ, ความดันทุรัง | teamwork | (n) การทำงานเป็นพวก, การทำงานเป็นทีม, การกระทำร่วมกัน | thing | (n) สิ่งของ, เรื่อง, แบบ, กรณี, จุดประสงค์, การกระทำ | treatment | (n) การกระทำ, การรักษา, การปฏิบัติ, การเลี้ยง | trip | (n) การหกล้ม, การเดินทาง, การเดินเร็ว, การกระทำผิดพลาด |
| Act of war | เหตุแห่งสงคราม คือการกระทำหรือเหตุการณ์ใดๆที่ทำให้อีกฝ่ายมีความชอบธรรมในการประกาศสงคราม, Syn. Casus belli | Anthropocene | [อันโธรพะซีน] (adv) เกี่ยวกับหรือหมายถึงยุคสมัยในทางธรณีวิทยาที่ซึ่งการกระทำของมนุษย์มีอิทธิพลมากที่สุดต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม | feat | (n) ความสามารถ, การกระทำ | floccinaucinihilipilification | [/ˌflɒksɪˌnɔːsɪˌnɪhɪlɪˌpɪlɪfɪˈkeɪʃ(ə)n/. [ flok-suh-naw-suh-nahy-hil-uh-pil-uh-fi-key-] (n, uncountable, noun) [ ส่วนใหญ่ใช้ในเชิงตลกขบขัน ] การกระทำหรือนิสัยที่มองว่าบางสิ่งบางอย่างนั้นไม่สำคัญ, ไม่มีค่า, หรือไร้ค่า., See also: disdaining, ignoring, A. esteeming, valuing, praising, Syn. devaluing | mansplaining | การกระทำที่ผู้พูด อธิบายหรือแสดงความคิดเห็นต่อสิ่งต่างๆ ให้แก่ผู้ฟังในลักษณะที่ทำตัวเหนือกว่า, คิดว่าฝ่ายผู้ฟังไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ หรือ ใช้คำอธิบายในลักษณะที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจง่ายจนเกินสมควรเช่นเหมือนอธิบายเด็ก ดูคำอธิบายเพิ่มเติม | oligopolistic | ลักษณะทางการตลาดแบบหนึ่งที่มีผู้ขายหรือผู้ให้บริการจำนวนน้อย ซึ่งทำให้การกระทำการใดๆของบริษัทผู้ให้บริการเพียงบริษัทเดียวอาจมีผลกระทบต่อราคาของสินค้าหรือบริการนั้นๆในท้องตลาด และอาจรวมถึงส่งผลกระทบถึงคู่แข่งด้วย ตัวอย่าง เช่นธุรกิจสายการบิน ในยุคแรกๆ | recalibrate | [riːˈkæl.ɪ.breɪt] (vt) เปลี่ยนการกระทำ, เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับบางสิ่ง | กุศล | (n, adj) กุศล ควรจะหมายถึง การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับจิตใจให้ดีขึ้น ปรับปรุงจิตใจให้ดีขึ้น มากกว่าทำความดีเฉย ๆ การกระทำใด ๆ หากทำแล้วมีผลต่อสภาวะจิตใจของตนเปลี่ยนไปในทางที่สูงขึ้น จึงเรียกว่ากุศล หากการกระทำดีนั้น ๆ ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงจิตใจตนเองเลย ไม่เรียกว่ากุศล แต่เรียกว่า กรรมดี โดยทั่วไป มักจะใช้คู่กันกับคำว่า บุญกุศล แต่คำว่า บุญ กับ กุศล ความหมายต่างกัน (เขียนก็ไม่เหมือนกันแล้วจะให้ความหมายเหมือนกันได้อย่างไร) ตัวอย่าง 1. นาย กอ เป็นคนรวย ชอบที่จะให้ทาน เพราะเขาหวังว่า การให้ทานของเขาจะส่งผลทำให้เขารวย ยิ่ง ๆ ขึ้นไป และอาจจะได้ไปสวรรค์ หลังจากที่เขาตายไป - อันนี้นาย กอ ทำกรรมดี หรือทำบุญ แต่ไม่ได้เกิดกุศลในจิต หรือเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะเขาทำทานก็จริง แต่ไม่มีผลทำให้จิตใจของเขาวางลงจากความโลภ หรืออยากเลย 2. นาย ขอ เป็นคนชั้นกลาง เขาเห็นเด็กกำพร้ามากมายเกิดขึ้น เขาจึงรู้สึกอยากที่จะช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น จึงประหยัดค่าใช้จ่ายของตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะให้ตัวเองมีเงินเหลือมากขึ้น เพื่อที่จะแบ่งไปบริจาคเด็กเหล่านั้น เพื่อที่เด็กเหล่านั้นจะได้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป - อันนี้ นาย ขอ ทำทั้งกุศล และบุญ เพราะมีผลที่ทำให้เขาต้องประหยัด อดออมมากขึ้น และการประหยัดอดออมนี้เอง จะทำได้ก็คือต้องปล่อยวางความอยากของตนเอง และทำเพราะในใจเกิดจิตเมตตากรุณา | ตุ๋ย | (vt, slang) กิริยาอย่างหนึึ่งหมายถึงการกระทำจากข้างหลัง เช่นกิจกรรมทางเพศของพวกเกย์ หรือกรณีในเกมเช่น DotA หมายถึงการซุ่มโจมตีโดยอีกฝ่ายไม่ทันระวังตัว, See also: Tui, DotA, Noob, Grean, Syn. Backdoor | แรด | (n, vt) N = บุคคลที่แสดงกริยาท่าทางในเชิงลบ ในเรื่องหรือ/และการกระทำต่อเพศตรงข้าม คำนี้มีความหมายตรงข้ามเรียบร้อย เช่น สมศรีแรดมาก S = สามารถใช้เป็นคำแสลง เพื่อแสดงออกในกริยา เช่น วันนี้เค้าไปแรดมา เห็นว่าได้เสื้อมา 2 ตัว (แรด ในที่นี้มีความหมายว่า ไปซื้อของ), See also: A. เรียบร้อย, Syn. กระซู่ | แอ๊บแบ๊ว | [ab-baw (แอ๊บ - แบ๊ว)] (vt) a person who pretending himself real aging. ผู้ที่ซ่อนการกระทำตามอายุของตนเอง, Syn. แบ๊ว |
| 実践 | [じっせん, jissen] การปฏิบัติ การกระทำ วิธีปฏิบัติ สิ่งที่ปฏิบัติ | 残酷 | [ざんこく, zankoku] การกระทำที่โหดร้าย | 軽罪 | [けいざい, keizai] (n) การกระทำความผิดเล็ก ๆ น้อย | 非行 | [ひこう, hikou] (n) ความเหลวไหล การกระทำผิด การไม่ชำระหนี้ กระทำผิดกฎหมายเด็ก |
| 残忍 | [ざんにん, zannin] การกระทำที่โหดร้าย | 振る舞い | [ふるまい, furumai] (n) การกระทำ, ความประพฤติ, การต้อนรับ, See also: S. 行動こうどう), ごちそう | 現行 | [げんこう, genkou] (n) การกระทำหรือใช้กันอยู่ในปัจจุบัน | 言動 | [げんどう, gendou] กริยาวาจา, คำพูดเเละการกระทำ |
| 致す | [いたす, itasu] TH: ทำ(รูปถ่อมตน ใช้กับการกระทำของผู้พูด) EN: to do (pol) | 活動 | [かつどう, katsudou] TH: การกระทำ EN: action | 暴挙 | [ぼうきょ, boukyo] TH: การกระทำทารุณกรรม EN: a reckless action | 結び付く | [むすびつく, musubitsuku] TH: การกระทำที่นำสองสิ่งมาสัมพันธ์กัน EN: to be connected or related |
| Verdacht | (n) |der, nur Sg.| ความสงสัยว่ามีการกระทำผิด เช่น Er steht im Verdacht, seinen Nachbar zu töten. เขาถูกสงสัยว่าได้ฆาตกรรมเพื่อนบ้าน | befugt | (adj) |zu etwas befugt sein| มีสิทธิหรืออำนาจในการกระทำการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น Ich bin nicht dazu befugt, Ihnen Aufkunft zu geben. ฉันไม่มีอำนาจในการให้ข้อมูลคุณ | Aktion | (n) |die, pl. Aktionen| อากัปกิริยา, การกระทำ, การปฏิบัติ, การดำเนินการ, ท่าทาง |
| |
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |