ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: มิค, -มิค- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ |
| มิค | (n) deer, Syn. มฤค, กวาง, ยอง, Count Unit: ตัว, Thai Definition: สัตว์ป่า ตัวผู้มีเขา ตามปกติมีข้างละ 3 กิ่ง มักอยู่ในป่ารก, Notes: (บาลี) | มิค | (n) deer, Syn. มฤค, กวาง, ยอง, Count Unit: ตัว, Thai Definition: สัตว์ป่า ตัวผู้มีเขา ตามปกติมีข้างละ 3 กิ่ง มักอยู่ในป่ารก, Notes: (บาลี) | เซรามิค | (n) ceramic, Syn. เครื่องกระเบื้อง, Example: นายสถาปนิกนำแบบไปจ้างโรงงานเซรามิคแห่งหนึ่ง ให้ทำพิมพ์เผาใหม่, Count Unit: ชิ้น, Notes: (อังกฤษ) | ภูมิคุ้มกัน | (n) immunity, See also: immunizing agents, Syn. ภูมิต้านทาน, Example: ร่างกายของเด็กมีภูมิคุ้มกันยังไม่สมบูรณ์ดังนั้นพ่อแม่ควรดูแลเป็นอย่างดี, Thai Definition: สภาพที่ร่างกายมีแรงต่อต้านเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย | วิทยาภูมิคุ้มกัน | (n) immunology, Example: ตระกูลเขาทั้งตระกูลเป็นผู้เชี่ยวชาญและชำนาญทางด้านวิทยาภูมิคุ้มกัน |
| ตราภูมิคุ้มห้าม | น. หนังสือราชการประจำตัวไพร่หลวงสำหรับบางหมู่บางพวก เดิมเพื่อได้รับการลดหย่อนภาษีอากรต่าง ๆ หรือได้รับยกเว้นการเกณฑ์แรงงานตามที่กำหนดให้ ต่อมาเหลือเพียงการลดหย่อนภาษีอากร. | ภูมิคุ้มกัน | (พูม-) น. สภาพที่ร่างกายมีแรงต่อต้านเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย, ภูมิต้านทาน ก็เรียก. | มฤคศิระ, มฤคเศียร, มิคสิระ | (มะรึกคะสิระ, มะรึกคะเสียน, มิคะสิระ, มิกคะสิระ) น. ดาวฤกษ์ที่ ๕ มี ๓ ดวง เห็นเป็นรูปหัวเต่า, ดาวหัวเต่า ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคศิรัส หรือ ดาวอาครหายณี ก็เรียก. | มิค, มิค-, มิคะ | (มิคะ, มิกคะ-) น. สัตว์ป่ามีกวางอีเก้งเป็นต้น. | มิคชาติ | น. เนื้อ, หมู่เนื้อ. | มิคลุท, มิคลุทกะ | (-ลุด, -ลุดทะกะ) น. พรานเนื้อ, คนที่เที่ยวฆ่าสัตว์ในป่าเป็นอาชีพ. | มิคเศียร, มิคสิร-, มิคสิระ ๑ | น. ชื่อเดือนที่ ๑ แห่งจันทรคติ, เดือนอ้ายตกราวเดือนธันวาคม. | มิคสัญญี | น. ชื่อยุคหนึ่งที่มีแต่รบราฆ่าฟันเบียดเบียนกัน. | มิคสิระ ๒, มฤคศิระ, มฤคเศียร | (มิคะ-, มิกคะ-, มะรึกคะสิระ, มะรึกคะเสียน) น. ดาวฤกษ์ที่ ๕ มี ๓ ดวง เห็นเป็นรูปหัวเต่า, ดาวหัวเต่า ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคศิรัส หรือ ดาวอาครหายณี ก็เรียก. | มิคี | น. แม่เนื้อ, นางเนื้อ. | มิคี | <i>ดู มิค, มิค-, มิคะ</i>. | ลาภมิควรได้ | น. ทรัพย์ที่บุคคลได้มาเพราะบุคคลอีกคนหนึ่งกระทำเพื่อชำระหนี้ หรือได้มาเพราะประการอื่น โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นทางให้บุคคลอีกคนหนึ่งเสียเปรียบ รวมตลอดถึงการได้มาเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งมิได้มี มิได้เป็นขึ้น หรือเป็นเหตุที่ได้สิ้นสุดไปเสียก่อนแล้ว. | วาฬมิค | น. พาฬมฤค, สัตว์ร้าย. | กรรมขัย | (กำมะไข) น. การสิ้นอายุเพราะกรรม เช่น อันว่าอายุสม์ยังมิควรตายแลมาตายดั่งนั้นชื่อว่ากรรมขัยแล (ไตรภูมิ). | ครรหิต | (คันหิด) ว. ถูกจับไว้, ถูกยึดไว้, ซึ่งถือไว้, เช่น ก็บ่มิครรหิตให้แล้ (ม. คำหลวง กุมาร). | ดูดอมดูดาย | ก. ดูดาย, ไม่เอาเป็นธุระ, เช่น บมิควรดูดอมดูดาย ควรถนอมท้าวทาย ไปสมที่แก้วกัลยา (สมุทรโฆษ). | ดูร้าย | น. ดูว่าไม่ดี เช่น เมื่อแขกเมืองมาแลเบีกเข้าไปถวายบังคม บมิได้นุ่งห่มเสื้อสนอบซึ่งพระราชทานนั้น แลนุ่งห่มเสื้อผ้าอื่นมิควรให้มาดูร้าย (สามดวง กฎมณเทียรบาล). | โดยทุจริต | ว. เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น. | ทองขาว | น. โลหะสีขาวแกมเทา บุเป็นแผ่นรีดเป็นลวดได้ อาจหมายถึงโลหะนิกเกิล หรือโลหะแพลทินัม ก็ได้ เช่น แลสิ่งของอันมิควรแก่สมณเปนต้น แลทองเหลือง ทองขาว ทองสำฤทธิ แก่ภิกษุสามเณร (สามดวง), แลรูปประพรรณทองขาวทองเหลืองทองแดงตกั่วสำฤท (สามดวง) | ทุจริตต่อหน้าที่ | ก. ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น. | นักษัตร ๑, นักษัตร- | (นักสัด, นักสัดตฺระ-) น. ดาว, ดาวฤกษ์, มี ๒๗ หมู่ คือ ๑. อัศวินี, อัสสนี (ดาวม้า ดาวคอม้า ดาวคู่ม้า หรือ ดาวอัศวยุช) มี ๗ ดวง ๒. ภรณี (ดาวก้อนเส้า) มี ๓ ดวง ๓. กฤติกา, กฤตติกา, กัตติกา (ดาวธงสามเหลี่ยม หรือ ดาวลูกไก่) มี ๘ ดวง ๔. โรหิณี (ดาวพราหมี ดาวปลาตะเพียน หรือ ดาวคางหมู) มี ๗ ดวง ๕. มฤคศิระ, มฤคเศียร, มิคสิระ (ดาวหัวเต่า ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคศิรัส หรือ ดาวอาครหายณี) มี ๓ ดวง ๖. อารทรา (ดาวอัททา ดาวตัวโค หรือ ดาวตาสำเภา) มี ๑ ดวง ๗. ปุนัพสุ, ปุนัพพสู (ดาวหัวสำเภา ดาวสำเภาทอง ดาวสะเภา ดาวยามเกา หรือ ดาวตาเรือชัย) มี ๓ ดวง ๘. บุษยะ, บุษย์, ปุษยะ, ปุสสะ (ดาวปุยฝ้าย ดาวพวงดอกไม้ ดาวดอกบัว ดาวโลง ดาวปู ดาวสมอสำเภา หรือ ดาวสิธยะ) มี ๕ ดวง ๙. อาศเลษา, อสิเลสะ (ดาวเรือน หรือ ดาวนกอยู่ในปล่อง) มี ๕ ดวง ๑๐. มฆะ, มฆา, มาฆะ (ดาวโคมูตร ดาววานร ดาวงอนไถ หรือ ดาวงูผู้) มี ๕ ดวง ๑๑. บุรพผลคุนี, ปุรพผลคุนี, ปุพพผลคุนี (ดาววัวตัวผู้ หรือ ดาวงูเมีย) มี ๒ ดวง ๑๒. อุตรผลคุนี, อุตตรผลคุนี (ดาวเพดาน หรือ ดาววัวตัวเมีย) มี ๒ ดวง ๑๓. หัสต, หัสตะ, หัฏฐะ (ดาวศอกคู้ หรือ ดาวศีรษะช้าง) มี ๕ ดวง ๑๔. จิตระ, จิตรา (ดาวต่อมนํ้า ดาวไต้ไฟ ดาวตาจระเข้ หรือ ดาวเสือ) มี ๑ ดวง ๑๕. สวาดิ, สวาตี, สวัสติ (ดาวช้างพัง หรือ ดาวงูเหลือม) มี ๕ ดวง ๑๖. วิศาขา, วิสาขะ (ดาวคันฉัตร หรือ ดาวศีรษะกระบือ) มี ๕ ดวง ๑๗. อนุราธ, อนุราธะ, อนุราธา (ดาวประจำฉัตร หรือ ดาวนกยูง) มี ๔ ดวง ๑๘. เชษฐะ, เชษฐา (ดาวงาช้าง ดาวช้างใหญ่ ดาวคอนาค หรือ ดาวแพะ) มี ๑๔ ดวง ๑๙. มูล, มูละ, มูลา (ดาวช้างน้อย หรือ ดาวแมว) มี ๙ ดวง ๒๐. ปุรพษาฒ, บุรพอาษาฒ, บุพพาสาฬหะ (ดาวสัปคับช้าง หรือ ดาวราชสีห์ตัวผู้) มี ๓ ดวง ๒๑. อุตราษาฒ, อุตตรอาษาฒ, อุตตราสาฬหะ (ดาวแตรงอน หรือ ดาวราชสีห์ตัวเมีย) มี ๕ ดวง ๒๒. ศรวณะ, ศระวณ, สาวนะ (ดาวหลักชัย หรือ ดาวพระฤๅษี) มี ๓ ดวง ๒๓. ธนิษฐะ, ธนิษฐา (ดาวศรวิษฐา ดาวเศรษฐี ดาวไซ หรือ ดาวกา) มี ๔ ดวง ๒๔. ศตภิษัช, สตภิสชะ (ดาวพิมพ์ทอง หรือ ดาวยักษ์) มี ๔ ดวง ๒๕. บุรพภัทรบท, ปุพพภัททะ (ดาวโปฐบท ดาวแรดตัวผู้ หรือ ดาวหัวเนื้อทราย) มี ๒ ดวง ๒๖. อุตรภัทรบท, อุตตรภัทรบท, อุตตรภัททะ (ดาวแรดตัวเมีย หรือ ดาวไม้เท้า) มี ๒ ดวง ๒๗. เรวดี (ดาวปลาตะเพียน หรือ ดาวนาง) มี ๑๖ ดวง. | ปลูกฝี | ก. นำวัคซีนเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังตรงรอยที่กรีดไว้ เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันโรคฝีดาษ. | ภาษาแบบแผน | น. ภาษาที่ถือเป็นแบบฉบับที่จะต้องใช้เป็นแบบเดียวกันในโอกาสอย่างเดียวกัน เช่น คำกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขึ้นต้นว่า “ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม...” และลงท้ายว่า “ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า...”, ภาษาที่ใช้เป็นทางการในโอกาสสำคัญ หรือใช้แก่บุคคลสำคัญ หรือบุคคลสำคัญเป็นผู้ใช้ เช่น คำประกาศเกียรติคุณในการประสาทปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ คำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีในวันขึ้นปีใหม่, ภาษาระดับพิธีการ ก็เรียก. | มฤคศิรัส | น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์มฤคศิระ มี ๓ ดวง, ดาวหัวเต่า ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคเศียร ดาวมิคสิระ หรือ ดาวอาครหายณี ก็เรียก. | ม้าม | น. อวัยวะภายในร่างกายริมกระเพาะอาหารข้างซ้าย มีหน้าที่ทำลายเม็ดเลือดแดง สร้างเม็ดนํ้าเหลืองและสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย. | มิ ๑ | ว. ไม่ เช่น มิทราบ มิควร มิบังอาจ. | ลงท้าย | ว. ในที่สุด เช่น พูดว่าจะให้เงิน ลงท้ายก็เหลว คนเราลงท้ายก็ต้องตายกันทุกคน, เรียกข้อความที่ลงท้ายจดหมาย เช่น ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง ว่า คำลงท้าย. | ลองภูมิ | (-พูม) ก. หาทางพิสูจน์ว่าจะมีพื้นความรู้ความสามารถแค่ไหนเพียงไร เช่น นักเรียนลองภูมิครู. | วัคซีน | น. ผลิตผลที่ประกอบด้วยเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ถูกฆ่าหรือทำให้มีฤทธิ์อ่อนแรงจนไม่เป็นอันตราย สำหรับฉีดเข้าสู่ร่างกายเพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันโรคซึ่งเกิดจากเชื้อนั้น ๆ. | ศีรษะโค | น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์มฤคศิระ มี ๓ ดวง, ดาวหัวเต่า ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะเนื้อ ดาวมฤคศิรัส ดาวอาครหายณี ดาวมฤคเศียร หรือ ดาวมิคสิระ ก็เรียก. | ศีรษะเนื้อ | น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์มฤคศิระ มี ๓ ดวง, ดาวหัวเต่า ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคศิรัส ดาวอาครหายณี ดาวมฤคเศียร หรือ ดาวมิคสิระ ก็เรียก. | เศรษฐกิจพอเพียง | น. ปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเป็นแนวทางการดำรงชีวิตและปฏิบัติตนของประชาชนตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง ไม่ประมาท ไม่โลภ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันในตัว ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตให้รอดพ้นจากวิกฤติ มีความมั่นคงและยั่งยืนท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ. | หัวเต่า | น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์มฤคศิระ มี ๓ ดวง, ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคเศียร ดาวมฤคศิรัส ดาวมิคสิระ หรือ ดาวอาครหายณี ก็เรียก. | หัวเนื้อ | น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์มฤคศิระ มี ๓ ดวง, ดาวหัวเต่า ดาวศีรษะเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคเศียร ดาวมฤคศิรัส ดาวมิคสิระ หรือ ดาวอาครหายณี ก็เรียก. | อาครหายณี | (อาคฺระหายะนี) น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์มฤคศิระ มี ๓ ดวง, ดาวหัวเต่า ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคเศียร ดาวมฤคศิรัส หรือ ดาวมิคสิระ ก็เรียก. | เอดส์ | น. กลุ่มอาการและอาการแสดงที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันเสื่อมเหตุไวรัส HIV, กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม ก็ว่า. |
| passive immunisation; immunization, passive | การก่อภูมิคุ้มกันรับมา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | passive immunity | ภูมิคุ้มกันรับมา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | passive immunization; immunisation, passive | การก่อภูมิคุ้มกันรับมา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | panimmunity | ภูมิคุ้มกันหลายโรค [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | period, window | ระยะหลบ (กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม) [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | local immunity | ภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | residual immunity | ภูมิคุ้มกันตกค้าง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | syndrome, acquired immune deficiency; AIDS; syndrome, acquired immunodeficiency | กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | syndrome, acquired immunodeficiency; AIDS; syndrome, acquired immune deficiency | กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | serum, hyperimmune | เซรุ่มภูมิคุ้มกันสูง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | specific immunity | ภูมิคุ้มกันจำเพาะ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | active immunisation; immunization, active | การก่อภูมิคุ้มกันขึ้นเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | AIDS; syndrome, acquired immune deficiency; syndrome, acquired immunodeficiency | กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | acquired immune deficiency syndrome; AIDS; syndrome, acquired immunodeficiency | กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | acquired immunity | ภูมิคุ้มกันได้มา (หลังเกิด) [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | acquired immunodeficiency syndrome; AIDS; syndrome, acquired immune deficiency | กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | active immunity | ภูมิคุ้มกันก่อขึ้นเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | active immunization; immunisation, active | การก่อภูมิคุ้มกันขึ้นเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | mixed immunity | ภูมิคุ้มกันผสม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | condensing temperature | อุณหภูมิควบแน่น [ปรับอากาศ ๗ มี.ค. ๒๕๔๕] | constant-temperature pressure welding | การเชื่อมกดอุณหภูมิคงตัว [การเชื่อม ๒๐ ก.ย. ๒๕๔๔] | congenital immunity | ภูมิคุ้มกันแต่กำเนิด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | disease, immune deficiency; disease, immunodeficiency | โรคขาดภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | disease, immunodeficiency; disease, immune deficiency | โรคขาดภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | disimmune | -สิ้นภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | disimmunise; disimmunize | ขจัดภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | disimmunity | สภาพสิ้นภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | disimmunize; disimmunise | ขจัดภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | enrichment, undue | ลาภมิควรได้ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | immunodeficiency | ภูมิคุ้มกันบกพร่อง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunodeficiency disease; disease, immune deficiency | โรคขาดภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunodiagnosis | การวินิจฉัยทางภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunologist | นักวิทยาภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunology | วิทยาอิมมูน, วิทยาภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunity, congenital | ภูมิคุ้มกันแต่กำเนิด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunity, inherited; immunity, innate | ภูมิคุ้มกันสืบทอด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunity, innate; immunity, inherited | ภูมิคุ้มกันสืบทอด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunity, local | ภูมิคุ้มกันเฉพาะที่ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunity, mixed | ภูมิคุ้มกันผสม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunity, natural | ภูมิคุ้มกันธรรมชาติ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunity, nonspecific | ภูมิคุ้มกันไม่จำเพาะ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | inherited immunity; immunity, innate | ภูมิคุ้มกันสืบทอด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | innate immunity; immunity, inherited | ภูมิคุ้มกันสืบทอด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunisation, passive; immunization, passive | การก่อภูมิคุ้มกันรับมา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunise; immunize | ๑. ก่อภูมิคุ้มกัน๒. ให้วัคซีน (กิน, ฉีด, ขีด) [ มีความหมายเหมือนกับ vaccinate ] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunise; immunize | ๑. ก่อภูมิคุ้มกัน๒. ให้วัคซีน (กิน, ฉีด, ขีด) [ มีความหมายเหมือนกับ vaccinate ] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunity | ภูมิคุ้มกัน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunity | การมีภูมิคุ้มกัน [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] | immunity, acquired | ภูมิคุ้มกันได้มา (หลังเกิด) [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | immunity, active | ภูมิคุ้มกันก่อขึ้นเอง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| Acquired immunodeficiency syndrome | โรคเอดส์หรือกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม, Example: <p>โรคเอดส์เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า human immunodeficiency virus หรือเรียกย่อๆ ว่า HIV (เอชไอวี) โดยเชื้อไวรัสจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวซึ่งมีความสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่ำลง จึงทำให้ร่างกายติดเชื้อโรคฉวยโอกาสได้ง่าย เช่น เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และโรคต่างๆ เหล่านี้เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุด <p> <p>เชื้อเอชไอวีติดต่อได้หลายวิธีดังนี้<br/> - การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ ทั้งในรักร่วมเพศและรักต่างเพศ<br/> - การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะในผู้ติดยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นที่มักใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน<br/> - การรับเลือดและองค์ประกอบของเลือด การปลูกถ่ายอวัยวะ การผสมเทียม<br/> - ทารกติดเชื้อจากมารดา โดยทารกอาจได้รับเชื้อแพร่มาตามเลือดสายสะดือ หรือติดเชื้อขณะคลอดจากเลือดและเมือกในช่องคลอด หรือติดเชื้อในระยะเลี้ยงดูโดยได้รับเชื้อจากน้ำนม <p> <p>อาการของโรค<br/> ภายหลังได้รับเชื้อในระยะแรกผู้ติดเชื้อบางรายมีอาการไข้และมีต่อมน้ำเหลืองโตตามซอกคอและซอกรักแร้ อาการเหล่านี้จะเป็นอยู่ไม่นานและหายไปได้เอง เมื่อการติดเชื้อดำเนินต่อไปอีกหลายปี ผู้ป่วยจะมีภูมิคุ้มกันเสื่อมลง ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย ต่อมาเริ่มมีอาการ เช่น ไข้เรื้อรัง ท้องร่วงเรื้อรัง มีฝ้าขาวในปาก เมื่อถึงระยะเป็นโรคเอดส์เต็มขั้น ผู้ป่วยจะมีการติดเชื้อฉวยโอกาสและจะเป็นมะเร็งชนิดที่ไม่ค่อยพบในคนทั่วไป นอกจากนี้ผู้ป่วยยังมีอาการทางระบบประสาท เช่น เฉื่อยชา ความจำเสื่อม ผู้ป่วยจะมีน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว <p> <p>ระยะตั้งแต่เชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายจนถึงระยะแสดงอาการโรคเอดส์เต็มขั้นจะกินเวลานานหลายปี ในระหว่างนี้ถ้าต้องการจะทราบว่าติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่สามารถทำได้โดยการตรวจเลือด <p> <p>การรักษา<br/> 1. การดูแลผู้ป่วยโดยทั่วไป เช่น การให้อาหารที่เพียงพอ<br/> 2. การรักษาตามอาการ<br/> 3. การรักษาโรคติดเชื้อฉวยโอกาส<br/> 4. การให้ยาต้านเชื้อเอชไอวีเพื่อยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส<br/> 5. การให้ยากระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน <br> <br>แหล่งข้อมูล<br> ประเสริฐ ทองเจริญ จันทพงษ์ วะสี และรวงผึ้ง สุทเธนทร์. (2539). กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อมหรือโรคเอดส์. ในสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. (เล่มที่ 20, หน้า 242-269). กรุงเทพฯ : โครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Immunotheraphy | การรักษาด้วยการก่อภูมิคุ้มกัน [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Cellular immunity | ภูมิคุ้มกันด้านเซลล์ [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Immunodeficency | ภูมิคุ้มกันบกพร่อง [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Immunological adjuvent | สารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Semiconductor chip | เซมิคอนดัคเตอร์ชิป [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Acquired immunodeficiency syndrome ; AIDS (Disease) | กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม [TU Subject Heading] | AIDS (Disease) And the arts | กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อมกับศิลปกรรม [TU Subject Heading] | AIDS (Disease) in mass media | กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อมในสื่อมวลชน [TU Subject Heading] | Aids and devices | กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อมในสื่อมวลชน, เครื่องช่วยและอุปกรณ์ [TU Subject Heading] | AIDS serodiagnosis | การวินิจฉัยกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อมโดยตรวจซีรั่ม [TU Subject Heading] | Allergy and immunology ; Immunology | วิทยาภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน [TU Subject Heading] | Authorware academic | ออเธอร์แวร์ อคาเดมิค [TU Subject Heading] | Children of AIDS patients | บุตรของผู้ป่วยกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม [TU Subject Heading] | Immune sera | เซรุ่มภูมิคุ้มกัน [TU Subject Heading] | Immune system | ระบบภูมิคุ้มกัน [TU Subject Heading] | Immunity | ภูมิคุ้มกัน [TU Subject Heading] | Immunity, Cellular | เซลล์ภูมิคุ้มกัน [TU Subject Heading] | Immunization | การก่อภูมิคุ้มกัน [TU Subject Heading] | Immunogenetics | พันธุศาสตร์ภูมิคุ้มกัน [TU Subject Heading] | Immunologic dificiency syndromes | กลุ่มอาการขาดภูมิคุ้มกัน [TU Subject Heading] | Immunologic diseases | โรคภูมิคุ้มกัน [TU Subject Heading] | Immunologic surveillance | การเฝ้าระวังโรคทางภูมิคุ้มกันวิทยา [TU Subject Heading] | Immunologic techniques | เทคนิคทางภูมิคุ้มกัน [TU Subject Heading] | Immunologic tests | การทดสอบทางภูมิคุ้มกันวิทยา [TU Subject Heading] | Immunological aspects | แง่ภูมิคุ้มกันวิทยา [TU Subject Heading] | Immunologists | นักวิทยาภูมิคุ้มกัน [TU Subject Heading] | Immunotherapy | การรักษาด้วยการก่อภูมิคุ้มกัน [TU Subject Heading] | Parents of AID patients | บิดามารดาของผู้ป่วยภูมิคุ้มกันเสื่อม [TU Subject Heading] | Tagmemics | แทกมีมิคส์ [TU Subject Heading] | Unjust enrichment | ลาภมิควรได้ [TU Subject Heading] | Veterinary immunology | ภูมิคุ้มกันวิทยาทางสัตวแพทยศาสตร์ [TU Subject Heading] | Petrochemicals | ปิโตรเคมิคัล, Example: ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปิโตรเลียมหรือแก๊สธรรมชาติ [สิ่งแวดล้อม] | Australia New Zealand Army Corps Day | วันที่ระลึกทหารผ่านศึกออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2458 หน่วยปฏิบัติการร่วมของกองทัพบกออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้ยกพลขึ้นบกบนคาบ สมุทรกาลิโปลี (Gallipoli) ช่องแคบดาร์ดาแนล (Dardanelles) ประเทศตุรกีเพื่อเปิดเส้นทางเดินเรือให้กับฝ่ายสัมพันธมิตรไปสู่ทะเลดำใน สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ทหารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งสองประเทศจึงถือเอาวันที่ 25 เมษายนของทุก ๆ ปี เป็นวันที่ระลึกและจัดพิธีไว้อาลัยแก่ทหารผ่านศึกในสมรภูมิครั้งนั้นและทหาร ผ่านศึกที่เสียชีวิตในสมรภูมิอื่น ๆ ด้วย [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | Dendrimer antibody | เดนดริเมอร์ แอนติบอดี้ คือ แอนติบอดี้ที่เชื่อมติดกับโมเลกุลพอลิเมอร์ที่มีแขนงกิ่งก้านยื่นออกมาคล้ายต้นไม้ ซึ่งเรียกว่า เดนดริเมอร์ โดย เดนดริเมอร์ แอนติบอดี้ มักใช้ในการตรวจวัดปริมาณสารแอนติเจน และถือว่าเป็นการประยุกต์ใช้เดนดริเมอร์ในการวัดสารภูมิคุ้มกันของร่างกายวิธีหนึ่ง [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Acquired Immunodeficiency Syndrome | กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม, โรคภูมิต้านทานบกพร่อง, ภูมิคุ้มกันบกพร่องภายหลัง, โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, เอดส์, โรคเอดส์, โรคภูมิต้านทานเสื่อม [การแพทย์] | Adenosquamous Tumors, Mixed | มะเร็งมิคซ์แอดดิโนสแควมัส [การแพทย์] | Adrenochrome Monosemicarbazone | อะดรีโนโครมโมโนเซมิคาร์บาโซน [การแพทย์] | Allergy and Immunology | วิทยาภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน; ภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน, วิทยา [การแพทย์] | Amiconultrafiltration System | ระบบเอมิคอนอัลตราฟิลเตรชัน [การแพทย์] | Amikacin | ยาอะมิกาซิน, อมิคาซิน [การแพทย์] | Anamnestic Response | ผลของการกระตุ้นให้สร้างแอนติบอดีย์แบบทุติยภูมิ, การตอบสนองทุติยภูมิ, ภูมิคุ้มกันปริมาณสูง, เกิดภูมิคุ้มกันโรคที่มากๆรวดเร็วและคงอยู่ได้ [การแพทย์] | Anemia, Hemolytic, Autoimmune | เลือดจางเฮโมลิติกชนิดออโตอิมมูน, เลือดจางฮีโมลัยติก ออโตอิมมูน, โรคโลหิตจางบางชนิด, การทำลายเม็ดเลือดแดง, การทำลายเม็ดเลือดแดงที่ส่วนขอบของภูมิคุ้มกัน [การแพทย์] | Antibodies | แอนติบอดีย์จำเพาะ, อิมมูนแอนติบอดี้, แอนตี้บอดี้, แอนติบอดีย์ที่ไม่คงตัว, สิ่งต่อต้าน, ภูมิต่อต้านโรค, ภูมิคุ้มกัน, แอนติบอดี, แอนติบอดี้, ภูมิต้านทาน, สารต่อต้านโรค, แอนติบอดีย์, สารแอนติบอดีย์, แอนติโบดี, แอนตีบอดี, ความต้านทาน, แอนติบอดี้, แอนตี้โบดี้, สารต่อต้าน, ภูมิคุ้มกันโรค, แอนติบอดี, ภูมิคุ้มกันร่างกาย, ภูมิคุ้มกันโรค [การแพทย์] | Antibodies, Cell-Mediated | ภูมิคุ้มกันที่อาศัยเซลล์ [การแพทย์] | Antibodies, Humoral | แอนติบอดีย์ไหลเวียน, ภูมิคุ้มกันที่มีในกระแสเลือด [การแพทย์] | Antibodies, Sperm | ภูมิคุ้มกันอสุจิ, ภูมิต้านทานต่อตัวอสุจิ [การแพทย์] | Antibody Producing Organs | อวัยวะที่สร้างภูมิคุ้มกัน [การแพทย์] | Antibody-Producting Mechanism | กลไกปฎิกิริยาในการสร้างภูมิคุ้มกัน [การแพทย์] |
| Chaim Nowak. | มิคาอิล เล็มเพอร์ Schindler's List (1993) | Miscarriage-prone female reproductive system is merely an extension... of the body's natural and necessary instincts to reject foreign matter. | ผู้หญิงที่มีแนวโน้มแท้งบุตร จริงๆแล้วเป็นระบบภูมิคุ้มกัน ที่ร่างกายทำการปฏิเสธวัตถุแปลกปลอมตามธรรมชาติ Junior (1994) | Mickey, open your eyes. We got company. | มิคกี้ เตรียมตัว เรามีเพื่อนมาเยี่ยม Léon: The Professional (1994) | You mean Dr. Mickler? | หมายถึงหมอมิคเลอร์รึ Don Juan DeMarco (1994) | Why do you think that Dr. Mickler is... | ทำไมคุณคิดว่าหมอมิคเลอร์ Don Juan DeMarco (1994) | Why do you think Don Octavio de Flores is Dr. Mickler? | ทำไมคุณคิดว่าดอนอ็อคโตวิโอ เดล ฟลอเรซ คือหมอ มิคเลอร์ Don Juan DeMarco (1994) | This fantasy that you are some... Dr. Mickler. | เพ้อเจอไงหมอมิคเลอร์ Don Juan DeMarco (1994) | "We can keep looking if you want, Mrs. Mickler but it's $65 an hour". | พูดว่า เราดูให้คุณได้ ถ้าคุณต้องการคุณนายมิคเลอร์ แต่ชั่วโมงละ 65 ดอลลาร์ Don Juan DeMarco (1994) | - Are you Dr. Mickler? | หวัดดี หมอมิคเลอร์ Don Juan DeMarco (1994) | Yes. This is Dr. Mickler. | ครับ นี่หมอ มิคเลอร์ Don Juan DeMarco (1994) | The bald one is Mick Katie. | คนหัวล้านคือมิค คาธี่ Ace Ventura: When Nature Calls (1995) | You've got to understand the basics of aerodynamics in a thing like this. | นายต้องเข้าใจหลักการ แอร์โรว์ไดนามิคอะไรทำนองนั้นก่อน The Road Warrior (1981) | Mickey's a mouse. Donald's a duck. Pluto's a dog. | มิคกี้เป็นหนู โดนัลเป็นเป็ด พลูโตเป็นหมา Stand by Me (1986) | I spent the last few years building up an immunity to iocane powder. | ผมใช้เวลามา 2-3 ปี... เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันยาพิษชนิดนี้ The Princess Bride (1987) | Twin ceramic rotor drives on each wheel... | เซรามิคโรเตอร์คู่ ล้อแต่ละข้างขับเคลื่อนอิสระ... Akira (1988) | See you, Mikey. | เจอกัน มิคกี้ Goodfellas (1990) | Mickey called. Want me to call him back? | มิคกี้โทรมา จะให้ฉันโทรกลับไหม Goodfellas (1990) | Then you had Nickey Eyes... and Mikey Franzese. | ต่อมา นิคกี้ อายส์ และ มิคกี้ ฟรานเซซี่ Goodfellas (1990) | But the first time I realized how different... was when Mickey had a hostess party. | แต่ฉันพึ่งรู้ว่ามีอะไรต่างไป ตอนมิคกี้จัดปาร์ตี้สมาคมแม่บ้าน Goodfellas (1990) | Mickey said that Jeannie's husband- | มิคกี้เล่าว่าผัวแจนนี่ Goodfellas (1990) | I always asked if they wanted coffee. | ฉันถามพวกเขาตลอดว่าเอากาแฟไหม เมียบางคน, อย่าง มิคกี้ คอนเวย์ Goodfellas (1990) | When kids were born, Mickey and Jimmy were the first at the hospital. | เมื่อเด็กคลอด, มิคกี้กับจิมมี่ ไปโรงพยาบาลก่อนใคร Goodfellas (1990) | And Mickey's getting very sloppy with his produce. | และมิคกี้ กำลังมีปัญหากับเรื่องอาหาร. The Young Indiana Jones Chronicles (1992) | Century Comics 117. | เซนทูริ คอมมิคส์ เล่ม 117 กลุ่มสันนิบาตวายร้าย Unbreakable (2000) | Mickey. Woof! | มิคกี้ Inspector Gadget 2 (2003) | Mm, then I have to take your temperature. / Okay. | อือ งั้นฉันต้องวัดอุณหภูมิความร้อนร่างกายคุณ - โอเค Mr. Monk Gets Fired (2004) | It's not that kind of thermometer. | ไม่ใช่การวัดอุณหภูมิความร้อนร่างกาย Mr. Monk Gets Fired (2004) | My research suggests that exposure to a high-energy cosmic storm... borne on solar winds might have triggered the evolution of early planetary life. | งานวิจัยของผมเกี่ยวกับพลังงานที่เกิดจาก การระเบิดของพายุคอสมิค ..กับลมสุริยะ อาจจะกระตุ้นวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตพื้นฐาน. Fantastic Four (2005) | ETA until cosmic event: | เวลาที่พายุคอสมิคจะมาถึง: Fantastic Four (2005) | The cosmic rays will travel from this generator to this chamber. | รังสีคอสมิคจะเดินทาง จากเครื่องกำเนิดมาที่ห้องนี้. Fantastic Four (2005) | It seems that the cause is an overloading of the system to remove parasites in the body. | ดูเหมือนระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานหนักเกินไปน่ะ Final Fantasy VII: Advent Children (2005) | It's important that he receives immunisations. | สำคัญมากที่เขาต้องได้รับภูมิคุ้มกัน. Transporter 2 (2005) | There's a twin Famicom for sale! | มีฟามิคอมขายเป็นคู่ด้วย Train Man (2005) | Oh, no, it really is tiny lt's me, sir, Hiromi I promised to look in on you | อืมม ร้านเล็กจริงๆ ด้วย ฉันเอง ฮิโรมิค่ะ มาตามสัญญา... Always - Sunset on Third Street (2005) | He taught biomolecular kinetics and cellular dynamics, and he used to sort of scare the underclassmen with this story about how the world would eventually be eviscerated by technology. | เขาสอนไบโอโมเลกุล และ เซลลูลาร์ ไดนามิค จัดอยู่ในกลุ่มวิชาไม่น่าเรียน เกี่ยวกับการที่โลกสร้าง มนุษย์ขึ้นมาเป็นตัวเป็นตน Mission: Impossible III (2006) | Mick. | มิค Fever (2007) | It's just an Infrared Micro Ceramic Pyramid from Pyramid, Inc. | มันก็แค่ รูปปั้นสุสานเซรามิค จาก สุสาน จำกัด Dasepo Naughty Girls (2006) | - Wait, I've had that song in my head for days. | เออนี่ สเต็กเนื้อสันในจากร้านมิคกี้ Chapter Five 'Hiros' (2006) | Hyogo prefecture, Mikage | ท้องถิ่นเฮียวโก มิคาเกะ Grave of the Fireflys (2005) | Everyone, please evacuate to the Mikage National School | ทุกคน กรุณาอพยพไปที่ โรงเรียน มิคาเกะ Grave of the Fireflys (2005) | - With the right surgeon, there is no risk. | พบชายที่สะกดรอยตามพวกเขา ผมต้องการให้คุณและมิค ไปที่นั่น L.D.S.K. (2005) | This man is a violent, deranged paranoid. | มิค? L.D.S.K. (2005) | Mick. | มิค Fever (2007) | Cosmic. | คอสมิค The Fury of Firestorm (2015) | Uh, it's, uh, it's us at comic-con. | นี่รูปเราที่คอมิค คอน Chuck Versus the Sandworm (2007) | The births of Andre and Mikhail. | วันเกิดของ ออนเดร และ มิคาเอล Chapter Six 'The Line' (2007) | - Mick St. John, thank you for joining us tonight. | มิค จอห์น ขอบคุณที่มากับเราในวันนี้ No Such Thing as Vampires (2007) | "Mick st. John"? | มิค เซนต์จอห์น? No Such Thing as Vampires (2007) | St. John. Mick St. John. I'm a private investigator. | จอหน์ มิค ผมเป็นนักสืบครับ No Such Thing as Vampires (2007) | I'm Mick St. John. Right. | ผม มิค จอหน์ ใช่ No Such Thing as Vampires (2007) |
| เซรามิค | [sērāmik] (n) EN: ceramic ; ceramics FR: céramique [ f ] |
| immunostimulation | (vt) การกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เช่น Several prominent researchers have been issued multiple patents for immunostimulation based, hair loss treatments., Syn. immune stimulation | Amyotrophic Lateral Sclerosis (ALS) | (n, name) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ พยาธิสภาพของโรคเอแอลเอสอยู่ที่บริเวณแกนสมอง และไขสันหลัง ทำให้ผู้ป่วยมีกล้ามเนื้อแขนขา และลำตัวอ่อนแรง กลืนลำบาก และพูดไม่ชัด คำว่า “Amyotrophic” หมายถึง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ฝ่อลีบและเต้นพลิ้ว (fasciculation) ส่วนคำว่า “Lateral sclerosis” หมายถึงรอยโรคในทางเดินของกระแสประสาทซึ่งควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อในไขสันหลัง โรคเอแอลเอสพบน้อยมาก โดยพบได้เพียง 4 ถึง 6 ต่อประชากร 100, 000 คน และโอกาสที่จะพบผู้ป่วยรายใหม่มีเพียง 1.5 ถึง 2.5 ต่อประชากร 100, 000 คนต่อปี โรคนี้เป็นกับผู้ใหญ่วัยใดก็ได้ แต่จะพบบ่อยขึ้นตามอายุ อายุเฉลี่ยของผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 65 ปี โดยมักเป็นในเพศชายมากกว่าเพศหญิง จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าโรคเอแอลเอสเกิดขึ้นได้อย่างไร ผู้ป่วยราวร้อยละ 5 (โดยเฉพาะผู้ป่วยอายุน้อย) อาจมีประวัติโรคนี้ในครอบครัว สิ่งแวดล้อมหรือสารพิษบางชนิด อาจมีผลกับการเกิดโรคนี้ เนื่องจากพบว่าในบางพื้นที่ของโลก เช่นที่เกาะกวม พบโรคนี้มากกว่าที่อื่น นอกจากนั้นการศึกษาทางระบาดวิทยายังพบว่า นักกีฬาบางประเภท โดยเฉพาะนักฟุตบอลอาชีพมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าประชากรทั่วไป ปัจจุบันเชื่อว่าสาเหตุของโรคนี้อาจเกิดจาก กลไกภูมิคุ้มกันต่อตนเองผิดปกติ (Autoimmune attack) หรือเกิดจากกลไกอนุมูลอิสระ (Free radicals) ทำลายเซลล์ประสาทของตนเอง ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่า การเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทในสมองและไขสันหลังเกิดจากสารสื่อนำกระแสประสาท (neurotransmitter) ที่เรียกว่ากลูตาเมต (glutamate) กระตุ้นให้เกิดการทำลายเซลล์ (ข้อมูลจาก ผศ.นพ.รุ่งนิรันดร์ ประดิษฐสุวรรณ สาขาวิชาอายุรศาสตร์ปัจฉิมวัย : http://www.thonburihospital.com/th/tip_detail.asp?id=22 , http://www.inf.ku.ac.th/article/diag/520506/alsmnd.html) |
| AIDS | (n) เอดส์ (คำย่อของ Acquired Immune Deficiency Syndrome), See also: โรคเอดส์, โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง | antiserum | (n) ซีรัมที่มีแอนติบอดี้มีภูมิคุ้มกันโรค | Celsius | (n) เซลเซียส, See also: หน่วยวัดอุณภูมิความร้อน, Syn. C, centigrade | centigrade | (adj) หน่วยวัดอุณหภูมิความร้อน, See also: เซนติเกรด, Syn. C, celsius | germanium | (n) ธาตุโลหะใช้ทำเซมิคอนดักเตอร์และอัลลอยส์ (สัญลักษณ์ย่อGe) | heat | (n) อุณหภูมิความร้อน | human immunodeficiency virus | (n) เฮชไอวี, See also: เชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่อง, เชื้อไวรัสเอดส์ | immune | (adj) เกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน | immune | (adj) ซึ่งมีภูมิคุ้มกันโรค, See also: ซึ่งมีภูมิต้านทานต่อโรค, Syn. inoculated, vaccinated | immune | (n) ผู้มีภูมิคุ้มกัน | immune system | (n) ระบบภูมิคุ้มกันโรค | immunise | (vt) ฉีดภูมิคุ้มกันโรค, See also: ทำให้มีภูมิต้านทาน ด้วยการฉีดวัคซีน, Syn. inoculate, vaccinate | immunity | (n) ภูมิคุ้มกันโรค, See also: ภูมิต้านทานโรค, การมีภูมิคุ้มกันโรค, Syn. inoculation, vaccination | immunize | (vt) ฉีดภูมิคุ้มกันโรค, See also: ทำให้มีภูมิต้านทาน ด้วยการฉีดวัคซีน, Syn. inoculate, vaccinate | immunodeficiency | (n) ภูมิคุ้มกันบกพร่อง | immunology | (n) ภูมิคุ้มกันวิทยา, See also: การศึกษาถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย | inoculation | (n) การฉีดวัคซีน, See also: การปลูกฝี, การใส่หรือฉีดเชื้อเข้าในร่างกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน, การเพาะหรือใส่ความคิด, Syn. vaccination, injection | vaccinate | (vt) ฉีดวัคซีน, See also: ฉีดภูมิคุ้มกัน, ปลูกฝี, Syn. immunize, inoculate, vaccinate | vaccinator | (n) ผู้ฉีดวัคซีน, See also: ผู้ให้ภูมิคุ้มกัน | vaccine | (n) วัคซีน, See also: สารต้านพิษ, เซรุ่ม, ภูมิคุ้มกัน, Syn. antibody, antitoxin | warm-blooded | (adj) (สัตว์) ที่มีอุณหภูมิคงที่, See also: ที่มีเลือดอุ่น, ที่มีอุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิสิ่งแวดล้อม |
| achlamydeous | (แอคละมิค' เดียส) adj., Bot. ซึ่งไร้ calyx และไร้ corolla | achromic | (อะโคร' มิค) adj. ไร้สี, ไร้สารสี, Syn. achromous | active immunity | การเกิดภูมิคุ้มกันเนื่องจากการสร้างแอนตี้บอดี้ภายในสิ่งมีชีวิตเอง | adamic | (แอด' ดะมิค) adj. เกี่ยวกับอาดัม., Syn. Adamical | admix | (แอดมิคซฺ') vt., vi. คลุกเคล้ากับ, ผสมกับ, เติม, Syn. mix, mingle with | admixture | (แอดมิคซ' เชอะ) n. การผสมกัน, สิ่งที่เติมเข้า, สารประกอบที่มีสิ่งที่เติมเข้านี้ | adynamic | (แอดดิแนม' มิค, เอไคแนม' มิค) adj. ไร้กำลัง, อ่อนแรง (lacking strength) | aerodynamics | (แอโรไดแนม' มิค') n. กลศาสตร์ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของอากาศและแก๊สและผลของมัน. -aerodynamical adj., -aerodynamicist n. | aferothermodynamics | (แอโรเธอไมไดแนม' มิคซฺ) aerodynamics ที่เกี่ยวกับสถานะการณ์ที่มีการแลกเปลี่ยนความร้อนในแก๊ส. -aerothermodynamic adj. (aerothermodynamics) | agamic | (อะแดม' มิค) adj. ไร้เพศ, เกิดขึ้นโดยไม่มีการร่วมเพศ., Syn. agamous | agronomics | (แอกโรนอม' มิคซฺ) ปฐพีศาสตร์, วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพื้นดินเพาะปลูกสำหรับเกษตรกรรม (science of managing crops) | aids | abbr. (เอดสฺ) Acquired Immune Deficiency Syndrome โรคเอดส์ (โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, โรคภูมิคุ้มกันเสื่อม) | alexipharmic | (อะเลคซิฟาร์' มิค) adj. ซึ่งป้องกัน. -n. ยาหรือสารที่ใช้ป้องกันพิษ หรือการติดเชื้อ, ยาแก้พิษ | amicable | (แอม' มิคะเบิล) adj. เป็นมิตร, ฉันมิตร, รักใคร่กัน, มีไมตรีจิต. -amicability, amicableness n., Syn. friendly | amphimictic | (al) (แอมฟิมิค' ทิคัล) adj. ซึ่งผสมพันธุ์กันอย่างเสรี แต่พันธุ์รุ่นหลังจะแพร่พันธุ์กันมากขึ้น | amphimixis | (แอมฟิมิค' ซิส) n., (pl. -mixes) n. การรวมตัวกันของเซลล์เพศ (ในขบวนการผสมพันธุ์กันแบบใช้เพศ) , การร่วมกันของเซลล์เพศพ่อและเซลล์เพศแม่ | anergy | (แอน' เนอจี) n. ภาวะไร้ภูมิคุ้มกันต่อ antigen -anergic adj. (deficiency of energy) | antiserum | (แอนทีซี' รัม) n., (pl. -serums, -sera) ซีรัมที่มี antibodies ซึ่งมีภูมิคุ้มกัน | apomixis | (แอพพะมิค'ซิส) n., (pl. -mixes) วิธีการสืบพันธ์โดยใช้เพศ (apogamy) | autonomic | (ออโทนอม'มิค) adj. อัตโนมัติ, เป็นอิสระ, เกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลาง., Syn. autonomical, autonomous, self-reliant | booster | (บูส'เทอะ) n. ผู้สนับสนุน, ผู้ยก, ผู้เลื่อน, สิ่งที่สนับสนุน, สิ่งกระตุ้น, ท่อนแรกของจรวดหลายท่อน, เครื่องเพิ่ม กำลัง -Phr. (booster dose, booster shot ขนาดยาหรือสารสร้างภูมิคุ้มกัน, ยาหรือสารเสริมฤทธิ์ยาตัวอื่น, เครื่องเสริมการขับดัน) | ceramic | (ซะแรม'มิค) adj., n. (เกี่ยวกับ) เครื่องเคลือบซีแรมมิค | ceramics | (ซะแรม'มิคซฺ) n. การทำเครื่องเคลือบดินเผาหรือซีแรมมิค, เครื่องเคลือบดินเผา, ซีแรมมิค., See also: ceramist, ceramicist n. | comic | (คอม'มิค) adj. เกี่ยวกับละครตลก, เกี่ยวกับเรื่องขบขัน. -n. ภาพการ์ตูนที่ต่อเนื่องกัน, หนังสือการ์ตูน, , See also: comics n., pl. ภาพการ์ตูนที่ลงต่อเนื่อง, Syn. comedian, comical -Conf. comical | commix | (คะมิคซฺ') { commixed, commixing, commixs } vt., vi. ผสมเข้าด้วยกัน, คลุกเคล้า, Syn. mix together, blend | commixture | (คะมิค'ซฺเชอะ) n. การผสม, กระบวนการผสม, ภาวะที่ถูกผสม, ของผสม | cosmic | (คอซ'มิค, -เคิล) adj. เกี่ยวกับจักรวาล, อวกาศหรือความกว้างใหญ่ไพศาลอย่างหาที่สุดไม่ | cosmical | (คอซ'มิค, -เคิล) adj. เกี่ยวกับจักรวาล, อวกาศหรือความกว้างใหญ่ไพศาลอย่างหาที่สุดไม่ | craze | (เครซ) { crazed, crazing, crazes } vt. ทำให้บ้า, ทำให้ผิวหน้าแตกเป็นเส้นร่างแหเล็ก ๆ , ทำให้อ่อนแอ, ทำให้เสื่อม. vi. กลายเป็นบ้า, เกิดเป็นรอยร่างแห, แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย n. ความบ้า, ความนิยมที่แพร่หลาย, รอยเส้นแตกเป็นร่างแหบนเครื่องเคลือบซีแรมมิคส์ คำที่มีความห | dynamic | (ไดแนม'มิค) adj. เกี่ยวกับพลังงาน, เกี่ยวกับฤทธิ์, เกี่ยวกับการเคลื่อนที่, จลนะ, เกี่ยวกับแรง, เกี่ยวกับอำนาจ, เคลื่อนที่ได้, มีพลัง, ปราดเปรียว. n. อำนาจหรือแรงเคลื่อนที่, พลวัต, Syn. motive, kinetic | dynamics | (ไดแนม'มิคซฺ) n. สาขาวิชากลศาสตร์ที่เกี่ยวกับความเคลื่อนที่และความสมดุลของระบบการเคลื่อนที่, แรงผลักดัน, พลศาสตร์, ลักษณะหรือประวัติการเปลี่ยนแปลง, การเจริญเติบโตและการพัฒนา, การแปรผันและระดับสูงต่ำของเสียงดนตรี | dysthymiac | (ดิสไธ'มิค) adj. เกี่ยวกับอาการจิตซึมเศร้า | economic | (อีคะนอม'มิค, เอคคะนอม'มิค) adj. เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์, เกี่ยวกับภาวะทางเศรษฐกิจ | economics | (อีคะนอม'มิคซฺ, เอคคะนอม'มิคซฺ) n. เศรษฐศาสตร์, สภาพเศรษฐกิจ | endemic | (เอนเดม'มิค) adj. เกี่ยวกับท้องถิ่นหนึ่งเฉพาะ -n. โรคประจำท้องถิ่นหนึ่ง, See also: endemical adj.ดูendemic endemism n. ดูendemic endemicity n.ดูendemic, Syn. indigenous | eurhythmic | (ยูริธ'มิค) adj. เป็นจังหวะดี, ซึ่งได้สัดส่วน., Syn. eurythmic, eurhythmical | gimmick | (จิม'มิค) n. กลไก, กล, กลลับ, ของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ , เงื่อนงำ, See also: gimmicky adj. gimmickry n. | high-test | adj. ซึ่งมีจุดเดือดที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ | hiv | คำย่อ Human Immunovirus เป็นไวรัสที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของคนบกพร่อง | hypodermic | (ไฮพะเดอ'มิค) adj. เกี่ยวกับการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง, เกี่ยวกับส่วนที่อยู่ใต้ผิวหนัง -n. ยาเข้าใต้ผิวหนัง, การฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง, กระบอกฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง | immune | (อีมิวนู') adj. มีภูมิคุ้มกันโรค, ได้รับการยกเว้น. n. ผู้มีภูมิคุ้มกันโรค, ผู้ได้รับการยกเว้น, Syn. exempt | immunise | (อิม'มะไนซ) vt. ทำให้มีภูมิคุ้มกันโรค, ทำให้ยกเว้น, ทำให้รอดจาก., See also: immuniser, immunizer n. | immunize | (อิม'มะไนซ) vt. ทำให้มีภูมิคุ้มกันโรค, ทำให้ยกเว้น, ทำให้รอดจาก., See also: immuniser, immunizer n. | immuno- | Pref. ภูมิคุ้มกันโรค' | immunology | (อิมมะนอล'โลจี) n. ภูมิคุ้มกันวิทยา, See also: immunological adj. adv. immunologist n. | intermix | (อิน'เทอมิคซฺ) vt., vi. ผสม, ปนเป, คลุกเคล้า., See also: intermixable adj. intermixedly adv., Syn. combine | logarithmic | (ลอกะริธ'มิค) adj. เกี่ยวกับ logarithm (ดู), Syn. logarithmical | macroeconomics | (แมคโรอีคะนอม'มิคซฺ) n. เศรษฐศาสตร์มหัพภาค | mickle | (มิค'เคิล) adj. ใหญ่, โต, มาก | microeconomics | (ไมโครเอ็คคะนอม'มิคซฺ) n. เศรษฐศาสตร์จุลภาค |
| ceramics | (n) เครื่องถ้วยชาม, เครื่องเซรามิค, เครื่องเคลือบดินเผา |
| Ceramic glass | [เซ รา มิค กล๊าส] (n) แก้วเซรามิค | Cytokine | โปรตีนที่ขับออกมาโดยเซลล์น้ำเหลืองซึ่งทำหน้าที่เป็นสื่อกลางเซลล์และควบคุมการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน | Hypersensitivity | แพ้ (หรือที่เรียกว่าปฏิกิริยาแพ้หรือแพ้) หมายถึงปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ที่ผลิตโดยระบบภูมิคุ้มกันปกติรวมถึงโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันอัตโนมัติ ปฏิกิริยาแพ้ต้องมีสถานะก่อนไวต่อความรู้สึก (ภูมิคุ้มกัน) ของโฮสต์ (สัตว์หรือพืชที่เป็นที่อาศัยของปรสิต) | immunocompromised | มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องหรืออ่อนแอ (เช่นเดียวกับยาหรือการเจ็บป่วย) | immunological | [อิมมิวโนโลจิคอล] (n) การศึกษาเกี่ยวกับวิทยาภูมิคุ้มกัน | Polymyositis | โรคอักเสบของกล้ามเนื้อที่เริ่มต้นเซลล์เม็ดเลือดขาว, เซลล์ภูมิคุ้มกันของการอักเสบ, เป็นธรรมชาติกล้ามเนื้อ, โดยเฉพาะกับลำตัว, ส่งผลให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อ, และอ่อนแอ | psychoneuroimmunology | (n) จิตประสาทภูมิคุ้มกัน; การแพทย์สาขาที่เกี่ยวกับสภาวะอารมณ์มีผลต่อภูมิคุ้มกันอย่างไร |
| 定温 | [ていおん, teion] (n) อุณหภูมิคงที่ |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |