กระนั้น | (conj) nevertheless, See also: so thus, thus, if so, in that case, then, therefore, well then, now that, Example: แม้เครื่องยนต์ของรถไม่ค่อยอยู่ในสภาพที่ดี กระนั้นคนขับรถยังกล้าขับไปต่างจังหวัด |
ถึงกระนั้น | (conj) even so, See also: but, Syn. แต่กระนั้น, แม้กระนั้น, Example: ข้างนอกฝนตกมาก ถึงกระนั้นสมชายก็ไม่ยอมเอาร่มออกไป, Thai Definition: ใช้อ้างถึงข้อความที่กล่าวไปแล้ว และระบุว่าขัดแย้งกับข้อความที่ตามมา |
แต่กระนั้น | (conj) but, See also: even so, nevertheless, Syn. แต่, ถึงกระนั้น, แม้กระนั้น, Example: เราพยายามทุกวิถีทาง แต่กระนั้นก็ไม่สำเร็จ, Thai Definition: ใช้อ้างถึงข้อความที่กล่าวไปแล้ว และระบุว่าขัดแย้งกับข้อความที่ตามมา |
แม้กระนั้น | (conj) nevertheless, See also: notwithstanding, Syn. ถึงแม้, แม้ว่า, หากแม้, ถึงแม้ว่า, แม้น, Example: ้รัฐบาลประกาศให้เลิกใช้ฤกษ์ยามแม้กระนั้นก็มีการแอบทำนายทายทักดวงชะตาของบ้านเมืองกันอยู่, Thai Definition: เป็นคำเชื่อมสนับสนุนข้ออ้างให้เห็นเด่นขึ้นโดยอาศัยการเปรียบเทียบ |
ถึงกระนั้นก็ตาม | (conj) nevertheless, See also: although, though, even though, Syn. อย่างไรก็ตาม, อย่างไรก็ดี, Example: ถึงกระนั้นก็ตามกาลิเลโอก็ยังพูดว่าโลกหมุน |
กระนั้น | ว. นั้น, ดังนั้น, อย่างนั้น. |
กเลวระ | (กะเลวะระ) น. ซากศพ เช่น ถึงกระนั้นก็จะพบพานซึ่งกเลวระร่าง มิเลือดก็เนื้อจะเหลืออยู่บ้างสักสิ่งอัน (ม. ร่ายยาว มัทรี), บางทีใช้ว่า กเฬวราก หรือ กเฬวรากซากศพ ก็มี. |
ยกเมฆ | ก. เพ่งดูเมฆเมื่อเห็นเป็นรูปอะไรแล้ว ก็ถือเป็นนิมิตเพื่อทำนายว่าดีหรือร้าย เช่นในเวลาจะยกทัพ ถ้าเห็นเมฆเป็นรูปพระนารายณ์ ก็ถือว่าเป็นนิมิตที่ดี ควรยกทัพได้ เช่น ตรงเข้าไปในป่าแล้วปลุกตัว เป่าทั่วด้วยคาถาประกาศิต ขยับยืนยกเมฆดูนิมิต เห็นรูปนารายณ์เรืองฤทธิ์ติดอัมพร (ขุนช้างขุนแผน), ถ้าเห็นเมฆเป็นรูปคนหัวขาดหรือแขนขาดขาขาด เป็นนิมิตไม่ดี ไม่ควรยกทัพ แม้ผู้ทรงวิทยาคุณอาจบริกรรมต่อหัวหรือแขนขาให้สมบูรณ์ได้ ถึงกระนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นนิมิตที่ดี ไม่ควรยกทัพ เช่น กอดอกยกเมฆดูนิมิต ก็วิปริตเป็นรูปคนหัวหาย จะยกต่อคอแขนไม่ติดกาย เถนสำคัญมั่นหมายไม่คืนมา (ขุนช้างขุนแผน) |
อย่างไรก็ดี, อย่างไรก็ตาม | สัน. ถึงเช่นนั้น, แม้กระนั้น, แต่. |
Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] |
กระนั้น | [kranan] (adv) EN: so thus ; thus ; if so ; in that case ; then ; therefore ; well then ; now that ; of that kind ; like that ; such ; so ; nevertheless FR: dans ce cas ; ainsi ; de cette façon |
กระนั้นก็ดี | [kranan kødī] (x) EN: however ; yet |
กระนั้นก็ดีแล้ว | [kranan kødī laēo] (x) EN: well then |
แม้กระนั้น | [maēkranan] (conj) EN: nevertheless ; notwithstanding FR: néanmoins ; malgré cela ; malgré tout |
แต่กระนั้น | [tāe kranan] (x) FR: cependant ; pourtant |
ถึงกระนั้น | [theung kranan] (x) EN: even so ; but FR: quand même ; tout de même |
all the same | (idm) แต่กระนั้น, See also: อย่างไรก็ตาม |
all the same | (idm) ถึงอย่างไรก็ตาม, See also: ถึงอย่างนั้น, แต่กระนั้น, Syn. just the same, nevertheless |
at the same time | (idm) แต่กระนั้น, See also: ในขณะเดียวกัน |
even so | (adv) ถึงกระนั้น, See also: ถึงอย่างไร, แต่กระนั้น, อย่างไรก็ตาม, แม้กระนั้น, Syn. nevertheless |
however | (conj) อย่างไรก็ตาม, See also: แม้กระนั้น, โดยวิธีใดก็ตาม, อย่างไรก็ดี |
just the same | (idm) แต่กระนั้น, See also: อย่างไรก็ตาม |
still | (adv) แม้กระนั้น, Syn. however, nevertheless |
that | (adj) อย่างนั้น, See also: เช่นนั้น, กระนั้น, ถึง, จนถึง, ซึ่งที่ |
though | (adv) อย่างไรก็ตาม, See also: อย่างไรก็ดี, แต่ทว่า, เพียงแต่ว่า, ถึงกระนั้น, แต่กระนั้น, Syn. however, nevertheless |
however | (เฮาเอฟ'เวอะ) adv. อย่างไรก็ตาม, แม้ว่า, ยังคง, แต่กระนั้นก็ดี, อย่างไร conj. อย่างไรก็ตาม, Syn. nevertheless |
nonetheless | (นันธะเลส') adv. อย่างไรก็ตามถึงกระนั้น, Syn. nevertheless |
notwithstanding | (นอทวิธสแทน'ดิง) prep. โดยไม่คำนึงถึง, แต่กระนั้นก็ตาม, แม้ว่า. -adv. อย่างไรก็ตาม, ก็เถอะ, Syn. nevertheless, yet |
still | (สทิล) adj. ยังคง, สงบ, สงัด, ปราศจากเสียง, ปราศจากสิ่งรบกวน, นิ่ง, ไม่ไหล, ไม่มีฟอง, เกี่ยวกับภาพนิ่ง n. ความเงียบ, ความเงียบสงบ, ภาพนิ่ง, ภาพเดี่ยว, เครื่องกลั่น, โรงกลั่น adv. ในขณะนี้, บัดนี้, จนกระทั่งขณะนี้, แม้กระนั้น, ยังคง, คง, ยัง, แน่นิ่ง, เงียบสงัด, ยืนหยัด, ตลอดเวลา |
that | (แธท) adj., pron., adv. นับ, นั้น, โน่น, เช่นนั้น, สิ่งนั้น, ผู้นั้น, เวลานั้น, อย่างนั้น, เช่นนั้น, กระนั้น, ถึง, จนถึง, ซึ่งที่, เพราะว่า, เพราะ, ก็, ก็อย่างนั้น, ก็อย่างนี้ |
withal | (วิธ'เธิล) adv. นอกจากนี้, อนึ่ง, อีกประการหนึ่ง, อย่างไรก็ตาม, ถึงกระนั้นก็ดี, ไม่เท่านั้น, แต่ทว่า, Syn. nevertheless, still |
yet | (เยท) adv. ยัง, ยังคง, กระนั้น, เช่นเดิม, ซ้ำ, เดี๋ยวนี้, ไม่ชักช้า, แล้ว, เรียบร้อย, นอกจากนั้น, นอกไปกว่านี้, อย่างก็ตาม conj. แม้กระนั้น, กระนั้น |
however | (adv) อย่างไรก็ดี, อย่างไรก็ตาม, กระนั้นก็ดี, แม้ว่า |
nevertheless | (con) แม้กระนั้น, ถึงแม้ว่า, แต่กระนั้น |
notwithstanding | (adv) ถึงกระนั้นก็ตาม, อย่างไรก็ตาม |
notwithstanding | (pre) แม้กระนั้น, แม้ว่า, แต่กระนั้นก็ตาม |
still | (adv) ในขณะนี้, ยังคง, แม้กระนั้น, ตลอดเวลา |
that | (adv) ถึงเพียงนั้น, เช่นนั้น, อย่างนั้น, กระนั้น |
that | (con) ว่า, ที่, ซึ่ง, เพราะ, กระนั้น |
yet | (adv) ยัง, เดี๋ยวนี้, กระนั้น, แล้ว, เรียบร้อย, อย่างไรก็ตาม |
yet | (con) ถึงกระนั้นก็ดี, จนกระทั่งบัดนี้, แม้กระนั้น |
nonetheless | อย่างไรก็ตาม, ถึงกระนั้น, See also: however, A. moreover, in addition, furthermore, on the other han, Syn. nevertheless |
それにしても | [sorenishitemo] แต่กระนั้น |
trotzdem | (konj) อย่างไรก็ตาม, ถึงกระนั้น เช่น Es gab Stau auf der Autobahn, trotzdem kommt er pünktlich. รถติดบนทางด่วน ถึงอย่างนั้นเขามาถึงตรงเวลา, See also: Related: obwohl, trotz |