ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: เจตนา, -เจตนา- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ เจตนา | (v) intend, See also: aim, mean, propose, object to, Syn. ตั้งใจ, มุ่งหมาย, จงใจ, Example: ในชีวิตนี้ข้าพเจ้าไม่เคยมีเจตนาจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือขุ่นเคืองใจเลย, Notes: (บาลี/สันสกฤต) | โดยเจตนา | (adv) intentionally, See also: deliberately, Syn. โดยตั้งใจ, โดยจงใจ, Ant. โดยบังเอิญ, Example: จำเลยทำผิดโดยเจตนา | กุศลเจตนา | (n) virtuous intention, See also: good intention, goodwill, Example: ราษฎรผู้มีกุศลเจตนา ได้พร้อมใจกันจัดงานเลี้ยงฉลอง 100 ปี พระยาอนุมานราชธน, Thai Definition: ความหวังดี | ตั้งเจตนา | (v) intend, See also: have in mind, plan, aim, mean, purpose, Syn. ตั้งใจ, ตั้งเป้าหมาย, Example: เขาตั้งเจตนาไว้อย่างมุ่งมั่นว่าจะจับคนร้ายกลุ่มนี้ให้ได้, Thai Definition: ตั้งใจหรือมุ่งหมายไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง | เจตนารมณ์ | (n) intention, See also: aim, purpose, Syn. ความมุ่งหมาย, เจตนา, ความตั้งใจ, จุดหมาย, เป้าหมาย, Example: การปกครองในระบอบประชาธิปไตยการทำงานของรัฐจะต้องสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ ประชาชน | แสดงเจตนา | (v) intent to, See also: aim at, stretch out for, Syn. บอกเจตนา, แสดงเจตจำนง | แสดงเจตนา | (v) disclose one's intention, See also: show one's hand / cards, tip one's hand, declare one's intention, Syn. แสดงความประสงค์, แสดงเจตจำนง, Example: เขามิได้แสดงเจตนาร้ายต่อข้าพเจ้า, Thai Definition: แสดงให้ทราบถึงความต้องการ หรือความประสงค์ | อกุศลเจตนา | (n) malice, See also: sinful intention, evil intention, ill intent, vicious intent, Example: เพราะเขามีอกุศลเจตนาตลอดเวลา เขาจึงไม่มีความสุข, Count Unit: กุศลเจตนา, Thai Definition: ความตั้งใจเป็นบาป,
ความคิดชั่ว,
เจตนาชั่ว,
เจตนาไม่ดี, Notes: (สันสกฤต) | โดยมีเจตนา | (adv) intentionally, See also: deliberately, on purpose, willfully, Example: เขานำความลับของผู้อื่นมาเปิดเผยโดยมีเจตนา เพราะอยากกลั่นแกล้งไม่ให้ได้ดีไปกว่าตน | โดยไม่เจตนา | (adv) unintentionally, See also: inadvertently, accidentally, Syn. โดยไม่ได้เจตนา, Example: เรยถูกส่งตัวเข้าคุกด้วยข้อหาขับรถชนคนตายโดยไม่เจตนา | การแสดงเจตนา | (n) declaration of intention, See also: disclosing one's intention, intention representation, Syn. การแสดงความตั้งใจ, การแสดงความจงใจ, การแสดงความมุ่งหมาย, Example: การแสดงเจตนาของผู้เขียนเรื่องนี้ แสดงด้วยถ้อยคำพูดที่ไม่ปรุงแต่งให้สวยงามนัก เพื่อแสดงให้เห็นภาพชัดเจน | เจตนาบริสุทธิ์ | (n) honest intention, Syn. เจตนาดี, Ant. เจตนาร้าย, Example: การสร้างพระด้วยวัตถุประสงค์ดี เจตนาบริสุทธิ์เป็นส่วนหนึ่งของอานิสงส์ทำให้เกิดผลอัศจรรย์แก่ผู้ที่มีไว้ครอบครอง | เจตนาไม่บริสุทธิ์ | (n) bad faith, Syn. เจตนาร้าย, Ant. เจตนาบริสุทธิ์ |
|
| กระทำโดยเจตนา | ก. กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น. | เจตนา | (เจดตะนา) ก. ตั้งใจ,
จงใจ,
มุ่งหมาย. | เจตนา | (เจดตะนา) น. ความตั้งใจ,
ความจงใจ,
ความมุ่งหมาย. | เจตนารมณ์ | น. ความมุ่งหมาย. | โดยเจตนา | <i>ดู กระทำโดยเจตนา</i>. | ไถยเจตนา | น. เจตนาในทางเป็นขโมย,
ความตั้งใจจะขโมย. | สัญเจตนา | (-เจดตะนา) น. ความตั้งใจ,
ความจงใจ. | อกุศล-เจตนา | (อะกุสนละเจดตะนา) น. ความตั้งใจเป็นบาป,
ความคิดชั่ว. | กระทำโดยประมาท | ก. กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่. | กลบไต๋ | ก. ปกปิดไพ่ตัวสำคัญไว้ไม่ให้คู่แข่งรู้,
ปกปิดกลเม็ด ทีเด็ด ความลับ หรือเจตนาไว้,
อุบไต๋ ก็ว่า. | การเมือง | ว. มีเงื่อนงำ,
มีการกระทำอันมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่,
เช่น ป่วยการเมือง. | ของขบเคี้ยว | น. ของกินเล่นที่ไม่เจตนากินให้อิ่ม. | ครอบครอง | ยึดถือทรัพย์สินไว้โดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตน อันทำให้บุคคลได้มาซึ่งสิทธิครอบครอง ทั้งนี้จะยึดถือไว้เองหรือบุคคลอื่นยึดถือไว้ให้ก็ได้. | ครอบครองปรปักษ์ | ก. ครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา ๑๐ ปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา ๕ ปี บุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น. | ความมุ่งหมาย | น. ความตั้งใจ,
เจตนา,
เช่น ถนนสายนี้สร้างขึ้นด้วยความมุ่งหมายเพื่อย่นระยะทาง. | คำบอกกล่าว | น. ข้อความที่บุคคลฝ่ายหนึ่งแจ้งเป็นหนังสือ หรือแจ้งด้วยวาจา ไปยังบุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง แสดงเจตนาที่จะใช้สิทธิ สงวนสิทธิ หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น คำบอกกล่าวสนองในการทำสัญญา คำบอกกล่าวเลิกสัญญา คำบอกกล่าวว่าจะบังคับจำนอง. | คำมั่น | น. การแสดงเจตนาที่บุคคลหนึ่งให้ไว้กับอีกบุคคลหนึ่งเป็นการเฉพาะเจาะจงหรือให้ไว้กับบุคคลอื่นเป็นการทั่วไปว่าจะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น คำมั่นจะซื้อหรือขาย คำมั่นว่าจะให้รางวัล. | คำร้องทุกข์ | น. การที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้น จะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตามซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ. | คำสนอง | น. การแสดงเจตนาของบุคคลฝ่ายหนึ่งตกลงรับคำเสนอของบุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง อันเป็นผลให้เกิดมีความผูกพันเป็นสัญญาขึ้นตามกฎหมาย. <i> (ดู คำเสนอ ประกอบ)</i>. | คำเสนอ | น. การแสดงเจตนาว่าจะกระทำการหรืองดเว้นกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่บุคคลฝ่ายหนึ่งแจ้งต่อบุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง. <i> (ดู คำสนอง ประกอบ)</i>. | จงใจ | ก. ตั้งใจ,
หมายใจ,
เจตนา. | โฉบ | เจตนาไปที่ใดที่หนึ่ง เช่น โฉบไปหน้าโรงเรียน. | ตบเท้า | ก. อาการเดินแถวเป็นจังหวะพร้อม ๆ กัน โดยกระแทกตีนกับพื้นแรง ๆ ของทหารหรือตำรวจเป็นต้น เรียกว่า เดินตบเท้า,
(ปาก) อาการที่ทหารหรือตำรวจรวมกลุ่มกันไปแสดงเจตนารมณ์อย่างเดียวกัน. | ตีความ | ใช้หรือปรับให้เข้าใจเจตนาและความมุ่งหมายเพื่อความถูกต้องเป็นต้น | ไต๋ | น. กลเม็ด,
ทีเด็ด,
ความลับ,
เจตนาแท้จริงซึ่งซ่อนเร้นไว้ | ถากถาง | ก. ค่อนว่า,
มีเจตนาว่าให้เจ็บใจ. | ทำแท้ง | ก. รีดลูก,
มีเจตนาทำให้ทารกออกจากครรภ์มารดาก่อนกำหนดและตาย. | นิติกรรมอำพราง | น. นิติกรรมอันหนึ่งที่ทำขึ้นด้วยเจตนาลวง เพื่อปิดบังนิติกรรมอีกอันหนึ่งที่ทำขึ้นด้วยเจตนาอันแท้จริง ซึ่งกฎหมายให้บังคับตามกฎหมายเกี่ยวกับนิติกรรมที่ถูกอำพรางนั้น. | บริสุทธิ์ใจ | ว. มีความจริงใจ,
มีใจใสสะอาด,
ไม่มีเจตนาอื่นเคลือบแฝง,
เช่น ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ. | บังหน้า | ก. นำชื่อบุคคลเป็นต้นมาอ้างเพื่อประโยชน์ตนโดยเจตนาให้ผู้อื่นหลงผิด | ปริยาย | เจตนากระทำที่มิได้แสดงออกอย่างชัดแจ้งแต่อนุมานได้จากพฤติกรรมที่แสดงออก. | เป้าหมาย | ความมุ่งหมายเจาะจงให้ได้ตามเจตนา เช่น การขายข้าวในปีนี้มีเป้าหมายให้ได้เกินหกแสนตัน. | โป๊ | ว. เปลือยหรือค่อนข้างเปลือย เช่น รูปโป๊,
มีเจตนาเปิดเผยอวัยวะบางส่วนที่ควรปกปิด เช่น แต่งตัวโป๊. | ผัสสาหาร | น. อาหารคือผัสสะ หมายเอาการประจวบกันแห่งอายตนะภายใน อายตนะภายนอก และวิญญาณ เป็นปัจจัยแห่งเจตสิกอันจะพึงเกิดโดยวิถีมีเวทนาเป็นต้น เป็นประการหนึ่งในอาหารทั้ง ๔ (อีก ๓ อย่าง คือ กวลิงการาหาร อาหารคือคำข้าว มโนสัญเจตนาหาร อาหารคือมโนสัญเจตนา และวิญญาณาหาร อาหารคือวิญญาณ). | ผู้แทนของนิติบุคคล | น. บุคคลธรรมดาคนเดียวหรือหลายคนตามที่กฎหมาย ข้อบังคับ หรือตราสารจัดตั้งได้กำหนดไว้ให้เป็นผู้แสดงออกถึงเจตนาของนิติบุคคล. | ภาพพจน์ | (พาบพด) น. ถ้อยคำที่เป็นสำนวนโวหารทำให้นึกเห็นเป็นภาพ,
ถ้อยคำที่เรียบเรียงอย่างมีชั้นเชิงเป็นโวหาร มีเจตนาให้มีประสิทธิผลต่อความคิด ความเข้าใจ ให้จินตนาการและถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างกว้างขวางลึกซึ้งกว่าการบอกเล่าที่ตรงไปตรงมา. | ภูมิลำเนาเฉพาะการ | น. ถิ่นที่บุคคลได้เลือกโดยมีเจตนาปรากฏชัดแจ้ง เพื่อทำการใดการหนึ่งโดยเฉพาะ. | ย้อมแมวขาย | ก. ตกแต่งคนหรือของที่ไม่ดีโดยมีเจตนาจะหลอกลวงให้ผู้อื่นเชื่อว่าดี. | รณรงค์ | ก. ต่อสู้,
โฆษณาชักชวนอย่างต่อเนื่องโดยมีเจตนาที่จะต่อสู้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ เช่น รณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้ง รณรงค์ให้คนไทยใช้ของไทย. | ลูกติดพัน | ว. อาการที่เป็นไปต่อเนื่องโดยไม่เจตนาหรือยั้งไม่ทัน เช่น นักมวยเตะคู่ต่อสู้ที่กำลังล้มลงเป็นลูกติดพัน. | ลูกหลง | ลูกปืนที่ค้างอยู่ในกระบอกปืนโดยหลงลืม,
ลูกปืนหรือสิ่งอื่นที่พลาดไปถูกผู้อื่นซึ่งมิได้หมายไว้,
โดยปริยายหมายถึงการที่ผู้ใดผู้หนึ่งพลอยได้รับเคราะห์หรืออันตรายจากการกระทำของผู้อื่นโดยผู้กระทำมิได้มีเจตนาเช่นนั้น เช่น กรรมการห้ามมวยถูกลูกหลงของนักมวยลงไปหมอบกับพื้นเวที. | ส่งสายตา | ก. มองโดยมีเจตนาให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ว่าตนมีความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจ อ้อนวอน หรือเพื่อเป็นการปรามเป็นต้น เช่น ส่งสายตาปรามไม่ให้เพื่อนพูด. | ส่อ | ก. แสดงให้รู้เป็นนัย ๆ (ส่วนมากใช้ไปในทางที่ไม่ดี) เช่น สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล ส่อเจตนาทุจริต ส่อพิรุธ | สอดไส้ | ก. ใส่ไส้ไว้ข้างใน,
โดยปริยายหมายความว่า แอบสอดสิ่งแปลกปลอมปนเข้าไปโดยมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เช่น สอดไส้ธนบัตรปลอมไว้ในปึกธนบัตรจริง สอดไส้เอกสารที่เป็นประโยชน์แก่ตนปะปนเข้าไปพร้อมกับเอกสารในแฟ้มเสนอเซ็น. | หน้าเฉยตาเฉย,
หน้าตาเฉย | ว. อาการที่วางหน้าเป็นปรกติ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้ง ๆ ที่ตนกระทำความผิด หรือบางครั้งกระทำความผิดโดยไม่เจตนา เช่น เขาหยิบฉวยของผู้อื่นไปอย่างหน้าเฉยตาเฉย. | หน้าพาทย์แผลง | (-แผฺลง) น. การเรียกชื่อเพลงหน้าพาทย์ให้แตกต่างไปจากชื่อเดิมตามเจตนาของผู้พากย์ โดยคงความหมายชื่อใหม่ให้สัมพันธ์กับชื่อเดิม เช่น สี่ศอก หมายถึง เพลงวา ไม่ได้ไม่เสีย หมายถึง เพลงเสมอ แม่ลูกอ่อนไปตลาด หมายถึง เพลงเร็ว. | หักหน้า | ก. ทำหรือพูดโดยเจตนาให้อีกฝ่ายหนึ่งได้อาย. | อาวุธ | สิ่งซึ่งโดยสภาพได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประทุษร้ายร่างกายของบุคคล และรวมถึงสิ่งซึ่งไม่เป็นอาวุธโดยสภาพแต่ซึ่งได้ใช้หรือเจตนาจะใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธ. | อุบไต๋ | ก. ปกปิดไพ่ตัวสำคัญไว้ไม่ให้คู่แข่งรู้,
ปกปิดกลเม็ด ทีเด็ด ความลับ หรือเจตนาไว้,
กลบไต๋ ก็ว่า. | อุปกรณ์ | สังหาริมทรัพย์ซึ่งโดยปรกตินิยมเฉพาะถิ่นหรือโดยเจตนาชัดแจ้งของเจ้าของทรัพย์ที่เป็นประธาน เป็นของใช้ประจำอยู่กับทรัพย์ที่เป็นประธานเป็นอาจิณเพื่อประโยชน์แก่การจัดดูแล ใช้สอย หรือรักษาทรัพย์ที่เป็นประธาน และเจ้าของทรัพย์ได้นำมาสู่ทรัพย์ที่เป็นประธานโดยการนำมาติดต่อหรือปรับเข้าไว้ หรือทำโดยประการอื่นใดในฐานะเป็นของใช้ประกอบกับทรัพย์ที่เป็นประธานนั้น เช่น ยางอะไหล่. |
|
| possession,
corporeal | การครอบครองทรัพย์ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | premeditated design | เจตนาฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | law,
spirit of | เจตนารมณ์ของกฎหมาย [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | letter of intent | หนังสือแสดงเจตนารมณ์ [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | legislative intent | ความมุ่งหมายของกฎหมาย,
เจตนารมณ์ของกฎหมาย [
ดู intendment of law และ spirit of law
] [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | ratio legis est anima legis (L.) | เหตุผลในการตรากฎหมาย คือเจตนารมณ์ของกฎหมาย [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | reformation | การแก้ไขให้ตรงกับเจตนา [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | real intention | เจตนาอันแท้จริง [
ดู true intention
] [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | spirit of law | เจตนารมณ์ของกฎหมาย [
ดู intendment of law และ legislative intent
] [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | spirit | เจตนารมณ์,
ความมุ่งหมาย [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | animus (L.) | เจตนา [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | animus et factum (L.) | เจตนาประกอบกับการกระทำ [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | bad motive | เจตนาร้าย,
เจตนาทุจริต [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | badges of fraud | สิ่งที่ส่อเจตนาฉ้อฉล [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | manifesto | คำแถลงอุดมการณ์,
คำประกาศเจตนา [ศิลปะ
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | manifest intention | เจตนาโดยชัดแจ้ง [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | manifestation of intention | การแสดงเจตนา [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | manifesto | คำประกาศเจตนา [วรรณกรรม
๖ มี.ค. ๒๕๔๕] | mens rea (L.) | เจตนาร้าย [
ดู criminal intent
] [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | malice | เจตนาร้าย [รัฐศาสตร์
๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | malice | เจตนาร้าย [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | malice aforethought | เจตนาร้ายโดยไตร่ตรองมาก่อน [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | malice in fact | เจตนาร้ายที่ชัดแจ้ง [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | malice in law | เจตนาร้ายตามกฎหมาย [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | manslaughter | การทำให้คนตายโดยไม่เจตนา [รัฐศาสตร์
๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | manslaughter | การทำให้คนตายโดยไม่เจตนา [ประชากรศาสตร์
๔ ก.พ. ๒๕๔๕] | manslaughter | การทำให้คนตายโดยไม่เจตนาฆ่า [
ดู homicide และ murder ประกอบ
] [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | malicious accusation | การกล่าวหาโดยเจตนาร้าย [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | malicious injury | การทำร้ายร่างกายโดยเจตนา [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | malicious killing | การฆ่าคนโดยเจตนา [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | criminal intent | เจตนาทางอาญา [
ดู mens rea
] [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | cy-prés (Fr.) | ที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง (ในเจตนา) [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | corporeal possession | การครอบครองทรัพย์ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | construction | การตีความตามเจตนารมณ์ [รัฐศาสตร์
๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] | construction | การตีความตามเจตนารมณ์ [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | declaration of association | การแสดงเจตนาก่อตั้งบริษัท [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | declaration of disinheritance | การแสดงเจตนาตัดมิให้รับมรดก [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | declaration of intention | การแสดงเจตนา [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | donative intent | เจตนาให้ (โดยเสน่หา) [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | guilty mind | เจตนาร้าย [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | furandi animus (L.) | การมีเจตนาลักทรัพย์ [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | express malice | เจตนาร้ายที่ชัดแจ้ง [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | intendment of law | เจตนารมณ์ของกฎหมาย [
ดู legislative intent และ spirit of law
] [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | intent to marry | การแสดงเจตนาจะสมรส [ประชากรศาสตร์
๔ ก.พ. ๒๕๔๕] | intent,
criminal | เจตนาทางอาญา [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | intent,
legislative | ความมุ่งหมายของกฎหมาย,
เจตนารมณ์ของกฎหมาย [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | implied intent | เจตนาโดยปริยาย [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | implied malice | เจตนาร้ายโดยปริยาย [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | intention | เจตนา,
ความจำนง [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] | intention,
manifest | เจตนาโดยชัดแจ้ง [นิติศาสตร์
๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
|
| Contamination | การเปื้อนสารกัมมันตรังสี,
สารกัมมันตรังสีทั้งในรูปของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ที่ปนเปื้อนในอาหาร น้ำ อากาศ หรือเปรอะเปื้อนที่พื้นผิววัสดุ อุปกรณ์ ร่างกาย และหรือบริเวณที่ต้องการใช้งาน ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่เจตนา เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ [นิวเคลียร์] | Radioactive contamination | การเปื้อนสารกัมมันตรังสี,
สารกัมมันตรังสีทั้งในรูปของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ที่ปนเปื้อนในอาหาร น้ำ อากาศ หรือเปรอะเปื้อนที่พื้นผิววัสดุ อุปกรณ์ ร่างกาย และหรือบริเวณที่ต้องการใช้งาน ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่เจตนา เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้, Example:
[นิวเคลียร์] | Nuclear incident | อุบัติการณ์นิวเคลียร์,
เหตุการณ์ที่เกิดขัดข้องในโรงงานนิวเคลียร์ ทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหาย แต่ไม่รุนแรงเท่าอุบัติเหตุนิวเคลียร์
(ดู INES ประกอบ) [นิวเคลียร์] | Nuclear accident | อุบัติเหตุนิวเคลียร์,
เหตุการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นในโรงงานนิวเคลียร์โดยไม่เจตนา รวมถึงความผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมทางนิวเคลียร์ หรือของอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับระบบความปลอดภัย ทำให้มีการปลดปล่อย หรือ เกือบมีการปลดปล่อยสารกัมมันตรังสี ออกสู่สิ่งแวดล้อม
(ดู INES ประกอบ) [นิวเคลียร์] | Criminal intent | เจตนาทางอาญา [TU Subject Heading] | Declaration of intention | เจตนา (กฎหมาย) [TU Subject Heading] | Intention | เจตนา [TU Subject Heading] | Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong Economic Cooperation Strategy | ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิระวดี ? เจ้าพระยา ? แม่โขง
ACMECS หรือชื่อเดิม ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัมพูชา ลาว พม่า และไทย (ECS : Economic Cooperation Strategy among Cambodia,
Lao PDR,
Myanmar and Thailand) คือ กรอบความร่วมมือระหว่าง 5 ประเทศ คือ กัมพูชา ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม ACMECS เป็นแนวคิดที่ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกขึ้นหารือกับผู้นำกัมพูชา ลาว และพม่า ในช่วงการประชุมผู้นำอาเซียนสมัยพิเศษว่าด้วยโรค SARS เมื่อ 29 เมษายน 2546 ที่กรุงเทพฯ และได้มีพัฒนาการอย่างรวดเร็วต่อเนื่องจนถึงการประชุมระดับผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 1 ที่เมืองพุกาม สหภาพพม่า เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2546 โดยผู้นำทั้ง 4 ประเทศร่วมกันออกปฏิญญาพุกาม (Bagan Declaration) รวมทั้งแผนปฏิบัติการ (Plan of Action) ครอบคลุมความร่วมมือ 5 สาขา ได้แก่ การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการ ลงทุน ความร่วมมือทางด้านเกษตรและอุตสาหกรรม การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม การท่องเที่ยว และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ บนหลักการที่เน้นการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและยกระดับความ เป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งเปิดกว้างให้นานาประเทศและองค์การระหว่างประเทศได้มีส่วนร่วมเป็น หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (Development Partner) ในโครงการต่างๆ ของ ACMECS ด้วย * เวียดนามร่วมเป็นสมาชิก ACMECS เมื่อ 10 พฤษภาคม 2547 สถานะล่าสุด ระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2547 ที่จังหวัดกระบี่ ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสสมัยพิเศษและการประชุม รัฐมนตรี ACMECS อย่างไม่เป็นทางการ รวมทั้งการประชุมร่วมกับ Development Partners (ผู้แทนจากออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย) ซึ่งการประชุมประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง สมาชิก ACMECS ทั้ง 5 ประเทศได้ร่วมกันแสดงความเป็น เอกภาพ โดยยืนยันเจตนารมณ์ที่จะดำเนินการตามกรอบความร่วมมือ ACMECS อย่าง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อผู้แทนของ Development Partners รวมทั้งมีการหารือถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการระหว่างกันอย่างเป็น รูปธรรม นอกจากนี้ ยังสามารถมีข้อสรุปที่สำคัญๆ เกี่ยวกับกลไกการประสานงานระหว่างกันซึ่งจะช่วยให้การดำเนินกิจกรรมความร่วม มือของ ACMECS มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป * ไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 2 ในเดือนธันวาคม 2548 ที่กรุงเทพฯ [การทูต] | Bangkok Declaration : Global Dialogue and Dynamic Engagement | ปฏิญญากรุงเทพ : การหารือและการมีส่วนร่วมอย่างมีพลวัตของประชาคมโลก
" หนึ่งในสองของเอกสารผลการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 10 ที่แสดงฉันทามติของประเทศสมาชิกอังค์ถัด 190 ประเทศ เกี่ยวกับผลกระทบของกระแสโลกาภิวัตน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งแสดงเจตนารมณ์ร่วมทางการเมืองของประเทศสมาชิกอังค์ถัดที่จะร่วมมือ กันดำเนินนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศเพื่อทำให้สมาชิกทั้งหมด โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ได้รับประโยชน์จากกระบวนการโลกาภิวัตน์ในด้านการค้า การเงิน การลงทุน และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม อีกทั้งเพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในระบบเศรษฐกิจโลก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านลบของกระบวนการโลกาภิวัตน์ได้ แม้ปฏิญญากรุงเทพจะไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ก็เป็นเอกสารที่มีผลผูกพันทางการเมือง เป็นสัญญาประชาคมที่ทุกประเทศสมาชิกอังค์ถัดมีพันธะที่จะต้องปฏิบัติตามแนว นโยบายที่ได้ร่วมกันแถลงไว้ในเอกสารดังกล่าว และเอกสารนี้สามารถใช้เป็นเอกสารอ้างอิงในการเจรจาหารือระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศในเรื่องของการเงิน การค้า การลงทุน และการพัฒนาได้ " [การทูต] | declaration | ปฏิญญา
มีความหมาย 3 อย่าง คือ (1) ความตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งมีลักษณะผูกพัน (2) ปฏิญญาฝ่ายเดียว ซึ่งก่อสิทธิและหน้าที่ให้แก่ประเทศอื่น และ (3) ปฏิญญาซึ่งรัฐหนึ่งแถลงให้รัฐอื่นทราบความเห็นและเจตนาของตนในเรื่องบาง เรื่อง [การทูต] | Diplomatic Expressions | ถ้อยคำสำนวนที่ใช้ในวงการทูต
กล่าวคือ ในวงการทูตจะมีการนิยมใช้ถ้อยคำสำนวนการทูต ถือกันว่าเป็นภาษาที่สุภาพ ซึ่งจะมีความหมายลึกซื้งเพียงใดนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทูตจะทราบกันดี อาทิเช่น?My Government views with concern หรือ with grave concern? จะแสดงถึงท่าทีที่ไม่เห็นด้วย หรือแสดงการประท้วง?My Government cannot remain indifferent to the matter? จะส่อถึงเจตนาที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปส่วนถ้อยคำสำนวนที่ว่า ?In such event my Government would feel bound to reconsider its position หรือ to consider its own interest??My Government will have to claim a free hand? หรือ ?feel obliged to formulate express reservations regarding?เหล่านี้เป็นถ้อยคำสำนวนที่เตือนให้ทราบว่า อาจเกิดการแตกร้าว หรือตัดขาดในพันธไมตรีที่มีต่อกันได้เมื่อรัฐบาลหนึ่งประกาศถือว่าการกระทำ ของอีกรัฐบาลหนึ่งเป็น ?an unfriendly act? หรือการกระทำที่ไม่เป็นมิตรเช่นนี้ ย่อมหมายถึงการเตือนให้ทราบว่า การกระทำเช่นนั้นอาจนำไปสู่สงครามได้ถ้าหากในตอนเสร็จสิ้นการประชุมกันมีการ แถลงการณ์หรือโฆษกของที่ประชุมแจ้งให้ทราบว่า ที่ประชุมได้ทำความตกลงกันโดยสมบูรณ์ (Full agreement) แต่ไม่มีการเปิดเผยให้ทราบว่ามีการตกลงอะไรกันบ้าง จะทำให้เป็นที่สงสัยกันว่าได้มีการตกลงกันโดยสมบูรณ์จริงละหรือ ถ้าหากคำประกาศนั้นใช้ถ้อยคำว่า มี ?substantial agreement? ก็พอจะอนุมานได้ว่าแท้ที่จริงยังมีเรื่องสำคัญ ๆ ที่ยังตกลงกันไม่ได้อีกบางเรื่อง อนึ่ง หากว่ามีการแถลงว่า ?there was a full exchange of views? ก็เท่ากับพูดว่า มิได้มีการตกลงกันแต่อย่างใดทั้งสิ้น [การทูต] | Diplomatic Pouch | ถุงเมล์ทางการทูตที่บรรจุหนังสือโต้ตอบทางราชการ ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาล กับสถานเอกอัครราชทูตต่าง ๆ ใน ต่างประเทศ
ถุงเมล์ทูตจะถูกปิดประทับตราของทางราชการ และผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ขอตรวจไม่ได้ คือได้รับการละเว้นจากการแทรกแซงใด ๆ ทั้งสิ้นเรื่องถุงเมล์ทางการทูตนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในข้อ 27 ว่า?1. ในรัฐผู้รับจะอนุญาตและคุ้มครองการสื่อสารโดยเสรีในส่วนของคณะผู้แทน เพื่อความมุ่งประสงค์ทั้งมวลในการติดต่อกับคณะรัฐบาลและกับคณะผู้แทน และสถานกงสุลอื่นของรัฐผู้ส่งไม่ว่าตั้งอยู่ที่ใด คณะผู้แทนอาจใช้วิถีทางเหมาะสมทั้งมวลได้ รวมทั้งผู้สื่อสารทางการทูต และสารเป็นรหัสหรือประมวล อย่างไรก็ดี คณะผู้แทนอาจติดตั้งและใช้เครื่องส่งวิทยุได้ด้วยความยินยอมของรัฐผู้รับ เท่านั้น 2. หนังสือโต้ตอบทางการทูตของคณะผู้แทนจะถูกละเมิดมิได้ หนังสือโต้ตอบทางการทูตหมายถึง หนังสือโต้ตอบทั้งมวลที่เกี่ยวกับคณะผู้แทนและภารกิจหน้าที่ของคณะผู้แทน 3. ถุงเมล์ทางการทูตจะไม่ถูกเปิดหรือถูกกักไว้ 4. หีบห่อซึ่งรวมเป็นถุงทางการทูตจะต้องมีเครื่องหมายติดไว้ภายนอกที่เห็น ชัดเจน แสดงลักษณะของถุงทางการทูตและอาจบรรจุเอกสารหรือสิ่งของทางการทูต ซึ่งได้เจตนาเพื่อใช้ในทางการเท่านั้น 5. ผู้ถือสารทางการทูต (Diplomatic courrier) จะได้รับเอกสารทางการ แสดงสถานภาพของตนและจำนวนหีบห่อ ซึ่งรวมเป็นถุงทางทูตนั้น ให้ได้รับความคุ้มครองจากรัฐผู้รับในการปฏิบัติการตามหน้าที่ของตน ให้ผู้ถือสารทางการทูตได้อุปโภคความละเมิดมิได้ และจะต้องไม่ถูกจับกุมหรือกักในรูปใด 6. รัฐผู้ส่งหรือคณะผู้แทนอาจแต่งตั้งผู้ถือสารทางการทูตเฉพาะกรณีได้ในกรณีที่ ว่านี้ให้นำบทแห่งวรรค 5 ของข้อนี้มาใช้ด้วย เว้นแต่ว่าความคุ้มกันที่กล่าวไว้ในวรรคนั้นให้ยุติไม่ใช้ เมื่อผู้ถือสารนี้ได้ส่งถุงทางการทูตในหน้าที่ของตนให้แก่ผู้รับแล้ว 7. ถุงทางการทูตอาจจะมอบหมายไว้แก่ผู้บังคับการของเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งได้มีพิกัดจะลง ณ ท่าเข้าเมืองที่ได้รับอนุญาตแล้วได้ ให้ผู้บังคับบัญชาของเครื่องบินพาณิชย์รับเอกสารทางการ แสดงจำนวนหีบห่อซึ่งรวมเป็นถุง แต่ไม่ให้ถือว่าผู้บังคับการของเครื่องบินพาณิชย์เป็นผู้ถือสารทางการทูต คณะผู้แทนอาจส่งบุคคลหนึ่งในคณะผู้แทนไปรับมอบถุงทางการทูตได้โดยตรงและโดย เสรีจากผู้บังคับการของเครื่องบิน?คำว่าถุงทางการทูตนี้ กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษเรียกว่า ?Diplomatic bag? ส่วนในภาษาฝรั่งเศสใช้คำว่า ?Valise Diplomatique? [การทูต] | Eisenhower Doctrine | ลัทธิไอเซนฮาวร์
เมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1957 ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความวิตกห่วงใยในสถานการณ์ที่ล่อแหลมต่ออันตรายในภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้อ่านสารพิเศษต่อที่ประชุมร่วมระหว่างสภาผู้แทนกับวุฒิสภาขอร้องให้รัฐสภา สหรัฐฯ ลงมติรับรองโครงการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและทางทหาร เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งเอกราชแห่งชาติของบรรดาประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น ดังนั้น ในการสนองตอบสารพิเศษดังกล่าว รัฐสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านข้อมติร่วมกันเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 1957 มอบให้ประธานาธิบดีมีอำนาจให้ความร่วมมือและอำนวยความช่วยเหลือแก่ชาติหรือ กลุ่มชาติต่างๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งต้องการความช่วยเหลือเช่นนั้น ในการที่จะพัฒนาพลังทางเศรษฐกิจเพื่อรักษาไว้ซึ่งเอกราชแห่งชาติตน และให้จัดโครงการช่วยเหลือทางทหารแก่ชาติต่างๆ ในภาคนั้นซึ่งต้องการความช่วยเหลือดังกล่าว ทั้งได้มอบอำนาจให้ประธานาธิบดีสามารถใช้กองทัพสหรัฐฯ เข้าช่วยเหลือชาติเหล่านั้นที่แสดงเจตนาขอความช่วยเหลือ เพื่อต่อต้านการรุกรานจากประเทศใด ๆ ที่อยู่ใต้อำนาจควบคุมของคอมมิวนิสต์ระหว่างประเทศ [การทูต] | Enhanced Interaction | การส่งเสริมปฏิสัมพันธ์
" การส่งเสริมปฏิสัมพันธ์เป็นคำที่เสนอโดย นายอาลี อาลาตัส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ในที่ประชุม AMM ครั้งที่ 31 ณ กรุงมะนิลา ซึ่งในด้านสารัตถะมีความหมายเช่นเดียวกับนโยบาย Flexible Engagement แต่เป็นคำที่อาเซียนส่วนใหญ่เห็นว่า มีความ เหมาะสมที่จะใช้สื่อเจตนารมณ์ของอาเซียนในการยกระดับความร่วมมือที่เพิ่มพูน และเปิดกว้างระหว่างกัน " [การทูต] | Exemption from Customs Duties and Inspection of Diplomatic Mission?s Articles | การยกเว้นจากอากรศุลกากร และการตรวจสิ่งของเครื่องใช้ของคณะผู้แทนทางการทูต
การยกเว้นดังกล่าวนี้ไม่ถือว่าเป็นสิทธิ แต่เป็นเรื่องของการแสดงอัธยาศัยไมตรีระหว่งประเทศที่ให้ต่อกันมากกว่า กฎหมายระหว่างประเทศก็มิได้กำหนดพันธะที่จะต้องให้การยกเว้นจากอากรศุลกากร อย่างไรก็ดี รัฐส่วนมากได้แสดงอัธยาศัยไมตรีโดยให้ผู้แทนทางการทูตได้รับการยกเว้นอากร ศุลกากรแก่สินค้าและเครื่องใช้ที่นำเข้ามาใช้ในส่วนตัวเองอนุสัญญากรุง เวียนนาได้ระบุไว้ในมาตรที่ 36 ว่า1. รัฐผู้รับจะอนุญาตให้นำเข้าและอำนวยให้มีการยกเว้นจากอากรศุลกากร ภาษี ตลอดจนค่าภาระที่เกี่ยวข้องทั้งมวล นอกจากค่าภาระในการเก็บรักษา การขนส่งและบริการ ให้ทำนองเดียวกันตามกฎหมายหรือข้อบังคับ ซึ่งรัฐผู้รับอาจกำหนดไว้แก่ก. สิ่งของสำหรับใช้ในทางการของคณะผู้แทนข. สิ่งของสำหรับใช้ส่วนบุคคลของตัวแทนทางการทูต หรือคนในครอบครัวของตัวแทนทางการทูต ซึ่งประกอบเป็นส่วนครัวเรือนของตัวแทนทางการทูต รวมทั้งสิ่งของที่แสดงเจตนาสำหรับการตั้งถิ่นฐานของตัวแทนทางการทูตด้วย2. หีบห่อส่วนบุคคลของตัวแทนทางการทูต ให้ได้รับยกเว้นจากการตรวจตรา นอกจากมีมูลเหตุอันร้ายแรงที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่า หีบห่อส่วนตัวนั้นบรรจุสิ่งของซึ่งไม่อยู่ในข่ายแห่งการยกเว้นที่ได้ระบุไว้ ในวรรค 1 ของข้อนี้ หรือสิ่งของซึ่งการนำเข้าหรือส่งออกนั้นต้องห้ามทางกฎหมาย หรือถูกควบคุมตามข้อบังคับว่าด้วยการกักตรวจโรคของรัฐผู้รับ การตรวจตราเช่นว่านี้ให้กระทำต่อหน้าตัวแทนทางการทูต หรือต่อหน้าผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจของตัวแทนทางการทูตเท่านั้น [การทูต] | Freedom of Communication | เสรีภาพในการติดต่อและสื่อสาร
ถือเป็นสิทธิทางกฎหมาย (ไม่ใช่เพียงเอกสิทธิ์เท่านั้น) ที่สำคัญอันหนึ่งของนักการทูตย่อมจะเห็นได้ชัดว่า คณะทูต จะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างพึงพอใจ นอกจากจะมีอิสระอย่างสมบูรณ์ในการที่จะมีหนังสือหรือวิถีทางอื่นๆ เพื่อติดต่อกับรัฐบาลของตน หรือจะส่งและรับจดหมาย หรือหนังสือต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่ถือสารพิเศษ หรือโดยถุงทางการทูต (Diplomatic pouch) สำหรับเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติไว้ในข้อ 27 ดังนี้?1. ให้รัฐผู้รับอนุญาตและคุ้มครองการสื่อสารโดยเสรีในส่วนของคณะผู้แทน เพื่อความมุ่งประสงค์ในทางการทั้งมวลเพื่อการติดต่อกับรัฐบาล และกับคณะผู้แทนและสถานกงสุลอื่นของรัฐผู้ส่ง ไม่ว่าตั้งอยู่ ณ ที่ใด คณะผู้แทนอาจใช้วิถีทางที่เหมาะสมทั้งมวลได้ รวมทั้งผู้ถือสารทางการทูต และสารเป็นรหัสหรือประมวล อย่างไรก็ดี คณะผู้แทนอาจติดตั้งและใช้เครื่องส่งวิทยุได้ด้วยความยินยอมของรัฐผู้รับ เท่านั้น 2. หนังสือโต้ตอบทางการของคณะผู้แทนจะถูกละเมิดมิได้ หนังสือโต้ตอบทางการ หมายถึง หนังสือโต้ตอบทั้งมวลที่เกี่ยวกับคณะผู้แทนและภารกิจหน้าที่ของคณะผู้แทน 3. ถุงทางการทูต (Diplomatic Pouch) จะไม่ถูกเปิดหรือถูกกักไว้ 4. หีบห่อซึ่งรวมเป็นถุงทางการทูต จะต้องมีเครื่องหมายภายนอกที่เห็นได้ชัดเจน สามารถแสดงลักษณะของถุงทางการทูต ซึ่งอาจบรรจุเพียงเอกสารหรือสิ่งของทางการทูตที่เจตนาเพื่อใช้ในทางการเท่า นั้น 5. ผู้ถือสารทางการทูต (Diplomatic courrier) จะได้รับเอกสารทางการแสดงสถานภาพของตน และจำนวนหีบห่อซึ่งรวมเป็นถุงทางทูตนั้น ให้ได้รับความคุ้มครองจากรัฐผู้รับ ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ของตน ให้ผู้ถือสารทางการทูตได้อุปโภคความละเมิดมิได้ ส่วนบุคคลจะต้องไม่ถูกจับกุมหรือกักขังในรูปใด 6. รัฐผู้ส่งหรือคณะผู้แทนอาจแต่งตั้งผู้ถือสารทางการทูตเฉพาะกรณีได้ ในกรณีที่ว่านี้ให้นำบทแห่งวรรค 5 ของข้อนี้มาใช้ด้วย เว้นแต่ว่าความคุ้มกันที่กล่าวไว้ในวรรคนั้นให้ยุติไม่ใช้ เมื่อผู้ถือสารนี้ได้ส่งถุงทางการทูตในหน้าที่ของตนให้แก่ผู้รับแล้ว 7. ถุงทางการทูตอาจจะมอบหมายไว้แก่ผู้บังคับการของเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งได้มีพิกัดจะลง ณ ท่าเข้าเมืองที่ได้รับอนุญาตแล้วได้ ให้ผู้บังคับบัญชาของเครื่องบินพาณิชย์รับเอกสารทางการแสดงจำนวนหีบห่อซึ่ง รวมเป็นถุง แต่ไม่ใช่ถือว่าผู้บังคับการของเครื่องบินพาณิชย์เป็นผู้ถือสารทางทูต คณะผู้แทนอาจส่งบุคคลหนึ่งในคณะผู้แทนไปรับมอบถุงทางการทูตได้โดยตรง และโดยเสรีจากผู้บังคับการของเครื่องบิน? [การทูต] | Genocide | การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือฆ่ามนุษย์เป็นกลุ่มก้อน
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1946 สมัชชาสหประชาชาติได้ยืนยันเป็นเอกฉันท์ว่า การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือการฆ่ามนุษย์เป็นกลุ่มก้อนนั้นให้ถือเป็นอาชญากรรม ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งโลกที่บรรลุความเจริญแล้วประณามอย่างรุนแรงอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกัน และการลงโทษอาชญากรรมเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ สมัชชาสหประชาชาติได้ลงมติรับรองเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1948 อนุสัญญานี้ได้นิยามคำว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) หมายถึงการประกอบอาชญากรรมบางอย่าง โดยมีเจตนาที่จะทำลายล้างกลุ่มชนชาติ กลุ่มเผ่าพันธุ์ กลุ่มเชื้อชาติ หรือกลุ่มศาสนา ในบางส่วนหรือทั้งหมดก็ตาม การประกอบกรรมซึ่งถือเป็นการฆ่าล้างชาตินั้นได้แก่ การฆ่า การทำให้เกิดความเสียหายอย่างสาหัส ทั้งต่อร่างกายหรือจิตใจ และการบังคับให้มีสภาวะการครองชีพที่เจตนาจะให้ชีวิตร่ายกายถูกทำลาย ไม่ว่าจะเพียงส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดก็ตาม ตลอดจนออกมาตรการกีดกันมิให้มีลูกและโยกย้ายเด็ก ๆ ไม่เพียงแต่การฆ่าล้างชาติอย่างเดียว หากแต่การคบคิดหรือการยุยงให้มีการฆ่าล้างชาติ รวมทั้งความพยายามที่จะฆ่าล้างชาติและสมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรมดังกล่าว ย่อมถูกลงโทษได้ตามนัยแห่งอนุสัญญานี้ บรรดาผู้ที่มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติจะต้องถูกลงโทษไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ ปกครอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง หรือเอกชนส่วนบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดของตามกฎหมายก็ตามบรรดาประเทศที่ภาคี อนุสัญญานี้จำเป็นต้องออกกฎหมายของตนเพื่อรองรับ และจะต้องตกลงเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนในกรณีที่บุคคลนั้นๆ มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติ และบุคคลที่มีความผิดฐานฆ่าล้างชาติจะต้องถูกพิจารณาลงโทษในประเทศที่มีการ ประกอบอาชญากรรมดังกล่าวขึ้น หรือโดยศาลระหว่างประเทศที่มีอำนาจครอบคลุมถึงเจตนารมณ์ของสนธิสัญญานี้ เพื่อต้องการป้องกัน และลงโทษอาชญากรรมฆ่าล้างชาติ ไม่ว่าจะประกอบขึ้นในยามสงครามหรือในยามสงบก็ตามอนุสัญญาดังกล่าวได้เริ่มมี ผลบังคับเมื่อวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1951 เป็นเวลา 90 วันหลังจากที่ 20 ประเทศได้ให้สัตยาบัน หรือให้ภาคยานุวัติตามที่ระบุอยู่ในอนุสัญญา อนุสัญญานี้จะมีผลบังคับเป็นเวลา 10 ปี และมีการต่ออายุสัญญาทุก 5 ปี สำหรับประเทศที่มิได้บอกเลิกสัญญา หากประเทศที่ยังเป็นภาคีอนุสัญญามีจำนวนเหลือไม่ถึง 16 ประเทศ อนุสัญญานี้จะเลิกมีผลบังคับทันที [การทูต] | North Atlanitc Treaty Organization | องค์การนาโต้ หรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ
ซึ่งได้ลงนามกันเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1949 ประเทศสมาชิกขณะเริ่มตั้งองค์การครั้งแรก ได้แก่ ประเทศเบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักแซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ ปอร์ตุเกส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ต่อมาประเทศกรีซและตรุกีได้เข้าร่วมเป็นภาคีของสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1952 และเยอรมนีตะวันตก ( ในขณะนั้น) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1955 สนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1949ในภาคอารัมภบทของสนธิสัญญา ประเทศภาคีได้ยืนยันเจตนาและความปรารถนาของตน ที่จะอยู่ร่วมกันโดยสันติกับประเทศและรัฐบาลทั้งหลาย ที่จะปกป้องคุ้มครองเสรีภาพมรดกร่วม และอารยธรรมของประเทศสมาชิกทั้งมวล ซึ่งต่างยึดมั่นในหลักการของระบอบประชาธิปไตย เสรีภาพส่วนบุคคลหลักนิติธรรม ตลอดจนจะใช้ความพยายามร่วมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อป้องกันประเทศ และเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงในสนธิสัญญาดังกล่าว บทบัญญัติที่สำคัญที่สุดคือข้อ 5 ซึ่งระบุว่า ประเทศภาคีสนธิสัญญาทั้งหลายต่างเห็นพ้องต้องกันว่า หากประเทศภาคีหนึ่งใดหรือมากกว่านั้น ในทวีปยุโรปหรือในอเมริกาเหนือ ถูกโจมตีด้วยกำลังอาวุธ จักถือว่าเป็นการโจมตีต่อประเทศภาคีทั้งหมด ฉะนั้น ประเทศภาคีจึงตกลงกันว่า หากมีการโจมตีด้วยกำลังอาวุธเช่นนั้นเกิดขึ้นจริง ประเทศภาคีแต่ละแห่งซึ่งจะใช้สิทธิในการป้องกันตนโดยลำพังหรือร่วมกัน อันเป็นที่รับรองตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ จะเข้าช่วยเหลือประเทศภาคีแห่งนั้นหรือหลายประเทศซึ่งถูกโจมตีด้วยกำลัง อาวุธในทันทีองค์กรสำคัญที่สุดในองค์การนาโต้เรียกว่า คณะมนตรี (Council) ประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศภาคีสนธิสัญญานาโต้ คณะมนตรีนี้จะจัดตั้งองค์กรย่อยอื่น ๆ หลายแห่ง รวมทั้งกองบัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรภาคพื้นยุโรปและภาคพื้น แอตแลนติก สำนักงานใหญ่ขององค์การนาโต้ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส [การทูต] | New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก
คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] | Pacific Settlement of International Disputes | หมายถึง การระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติวิธี
คงจะจำกันได้ว่า ในตอนเสร็จสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศในโลกฝ่ายเสรีซึ่งเป็นผู้ชนะ ต่างมีเจตนาอันแน่วแน่ที่จะหาทางมิให้เกิดสงครามขึ้นอีกในโลก จึงตกลงร่วมกันก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ (Charter of the United Nations)ดังนั้น ข้อ 2 ของกฎบัตรสหประชาชาติจึงได้กำหนดให้ประเทศสมาชิกมีพันธกรณีที่จะต้องหาทางระ งังกรณีพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติวิธี และข้อ 33 ของกฎบัตรก็ได้บัญญัติไว้ว่า ?1. ผู้เป็นคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในกรณีพิพาทใด ๆ ซึ่งหากดำเนินอยู่ต่อไป น่าจะเป็นอันตรายแก่การธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ก่อนอื่นจักต้องแสวงหาการแก้ไขโดยการเจรจา ไต่สวน ไกล่เกลี่ย ประนีประนอม อนุญาโตตุลาการ การระงับโดยทางศาล การหันเข้าอาศัยทบวงการตัวแทน การตกลงส่วนภูมิภาค หรือสันติวิธีประการอื่นใดที่คู่กรณีจะพึงเลือก 2. เมื่อเห็นว่าจำเป็น คณะมนตรีความมั่นคงจักเรียกร้องให้คู่พิพาทระงับกรณีพิพาทของตนโดยวิธีเช่น ว่านั้น? [การทูต] | Regional Code of Conduct in The South China Sea | แนวทางปฏิบัติระดับภูมิภาคในทะเลจีนใต้
เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศในบริเวณทะเลจีนใต้ที่จะรักษา สันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค [การทูต] | Work of the United Nations for the Independence of Colonial Peoples | งานขององค์การสหประชาชาติ ในการช่วยให้ชาติอาณานิคมทั้งหลายได้รับความเป็นเอกราช
นับตั้งแต่เริ่มตั้งองค์การสหประชาชาติเมื่อปี ค.ศ.1945 เป็นต้นมา มีชนชาติของดินแดนที่ยังมิได้ปกครองตนเอง รวมทั้งดินแดนในภาวะทรัสตีตามส่วนต่าง ๆ ของโลก ได้รับความเป็นเอกราชไปแล้วไม่น้อยกว่า 170 ล้านคน ดินแดนที่แต่ก่อนยังไม่มีฐานะปกครองตนเองราว 50 แห่งได้กลายฐานะเป็นรัฐเอกราช มีอธิปไตยไปแล้ว ขณะนี้ยังเหลือดินแดนที่ยังมิได้ปกครองตนเองอีกไม่มาก กำลังจะได้รับฐานะเป็นประเทศเอกราชต่อไปแม้ว่าปัจจัยสำคัญที่สุดซึ่งทำให้ เกิดวิวัฒนาการอันมีความสำคคัญทางประวัติศาสตร์ จะได้แก่ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของประชาชนในดินแดนเมืองขึ้นทั้งหลาย แต่องค์การสหประชาชาติก็ได้แสดงบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนชนชาติ ที่ยังมิได้เป็นเอกราช และชาติที่ยังปกครองดินแดนเหล่านั้นอยู่ ให้รีบเร่งที่จะให้ชาชาติในดินแดนเหล่านั้นได้รับฐานะเป็นเอกราชโดยเร็วที่ สุดเท่าที่จะเป็นไปได้การที่องค์การสหประชาชาติมีบทบาทหน้าที่ดังกล่าวเพราะ ถือตามหลักแห่งความเชื่อศรัทธาที่ว่า มนุษย์ไม่ว่าชายหรือหญิง และชาติทั้งหลายไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ย่อมมีสิทธิเท่าเทียมกัน และได้ยืนยันความตั้งใจอันแน่วแน่ของประเทศสมาชิกที่จะใช้กลไกระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้ชนชาติทั้งหลายในโลกได้ประสบความก้าวหน้าทั้งในทางเศรษฐกิจและ สังคมนอกจากนั้น เพื่อเร่งรัดให้ชนชาติที่ยังอยูใต้การปกครองแบบอาณานิคมได้ก้าวหน้าไปสู่ เอกราช สมัชชาของสหประชาชาติ (General Assembly of the United Nations) ก็ได้ออกปฏิญญา (Declaration) เกี่ยวกับการให้ความเป็นเอกราชแก่ประเทศและชนชาติอาณานิคม เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1960 ซึ่งในปฏิญญานั้น ได้ประกาศยืนยันความจำเป็นที่จะให้ลัทธิอาณานิคมไม่ว่าในรูปใด สิ้นสุดลงโดยเร็วและปราศจากเงื่อนไขใด ๆ สมัชชายังได้ประกาศด้วยว่า การที่บังคับชนชาติอื่นให้ตกอยู่ใต้อำนาจการปกครอง แล้วเรียกร้องประโยชน์จากชนชาติเหล่านั้น ถือว่าเป็นการปฏิเสธไม่ยอมรับสิทธิมนุษยชนขั้นมูลฐาน เป็นการขัดกับกฎบัตรของสหประชาชาติ เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมสันติภาพและความร่วมมือของโลกสมัชชาสหประชาชาติ ยังได้ประกาศต่อไปว่า จะต้องมีการดำเนินการโดยด่วนที่สุด โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อสงวนใด ๆ ตามเจตนารมณ์ ซึ่งแสดงออกอย่างเสรี โดยไม่จำกัดความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ หลักความเชื่อถือ หรือผิว เพื่อให้ดินแดนทั้งหลายที่ยังไม่ได้มีการปกครองของตนเองเหล่านั้นได้รับความ เป็นเอกราชและอิสรภาพโดยสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1961 สมัชชาสหประชาชาติก็ได้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อตรวจดูและให้มีการปฏิบัติให้เป็นตามคำปฏิญญาของสหประชาชาติ และถึงสิ้นปี ค.ศ. 1962 คณะกรรมการดังกล่าวได้ประชุมกันหลายต่อหลายครั้งทั้งในและนอกสำนักงานใหญ่ ขององค์การสหประชาชาติ แล้วรวบรวมเรื่องราวหลักฐานจากบรรดาตัวแทนของพรรคการเมืองทั้งหลาย จากดินแดนที่ยังไม่ได้รับการปกครองตนเอง แล้วคณะกรรมการได้ตั้งข้อเสนอแนะต่าง ๆ โดยมุ่งจะเร่งรัดให้การปกครองอาณานิคมสิ้นสุดลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ [การทูต] | Work of the United Nations on Human Rights | งานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
งานสำคัญชิ้นหนึ่งของสหประชาชาติคือ วควมมปรารถนาที่จะให้ประเทศทั้งหลายต่างเคารพและให้ความคุ้มครองแก่สิทธิ มนุษยชนตลอดทั่วโลก ดังมาตรา 1 ในกฎบัตรของสหประชาติได้บัญญัติไว้ว่า?1. เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และมีเจตนามุ่งมั่นต่อจุดหมายปลายทางนี้ จะได้ดำเนินมาตรการร่วมกันให้บังเกิดผลจริงจัง เพื่อการป้องกันและขจัดปัดเป่าการคุกคามต่อสันติภาพ รวมทังเพื่อปราบปรามการรุกรานหรือการล่วงละเมิดอื่น ๆ ต่อสันติภาพ ตลอดจนนำมาโดยสันติวิธี และสอดคล้องกับหลักแห่งความยุติธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งการปรับปรุงหรือระงับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การล่วงละเมิดสันติภาพได้ 2. เพื่อพัฒนาสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชาติทั้งปวงโดยยึดการเคารพต่อหลักการ แห่งสิทธิเท่าเทียมกัน และการกำหนดเจตจำนงของตนเองแห่งประชาชนทั้งปวงเป็นมูลฐานและจะได้ดำเนิน มาตรการอันเหมาะสมอย่างอื่น เพื่อเป็นกำลังแก่สันติภาพสากล 3. เพื่อทำการร่วมมือระหว่างประเทศ ในอันที่จะแก้ปัญหาระหว่างประเทศในทางเศรษฐกิจ การสังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรม รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพ อันเป็นหลักมูลฐานสำหรับทุก ๆ คนโดยปราศจากความแตกต่างด้านเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา 4. เพื่อเป็นศูนย์กลางและประสานการดำเนินงานของประชาชาติทั้งปวงในอันที่จะ บรรลุจุดหมายปลายทางเหล่านี้ร่วมกันด้วยความกลมกลืน"ดังนั้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 สมัชชาแห่งสหประชาชาติจึงได้ลงข้อมติรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชุมชนระหว่างประเทศ ที่ได้ยอมรับผิดชอบที่จะให้ความคุ้มครอง และเคารพปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยข้อความรวม 30 มาตรา กล่าวถึง1. สิทธิของพลเมืองทุกคนที่จะมีเสรีภาพ และความเสมอภาค รวมทั้งสิทธิทางการเมือง2. สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มาตรา 1 และ 2 เป็นมาตราที่กล่าวถึงหลักทั่วไป เช่น มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายต่างเกิดมาพร้อมกับ อิสรภาพ และทรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้น ทุกคนย่อมมีสิทธิและอิสรภาพตามที่ระบุในปฏิญญาสากล โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างใด ๆ เชื้อชาติ เพศ ภาษา ศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรืออื่น ๆ ต้นกำเนิดแห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สินหรือสถานภาพอื่น ๆ ส่วนสิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมืองนั้น ได้รับการรับรองอยู่ในมาตร 3 ถึง 21 ของปฏิญญาสากล เช่น รับรองว่าทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ มีเสรีภาพและความมั่นคงปลอดภัย มีอิสรภาพจากความเป็นทาสหรือตกเป็นทาสรับใช้ มีเสรีภาพจากการถูกทรมาน หรือการถูกลงโทษอย่างโหดร้าย สิทธิที่จะได้รับการรับรองเป็นบุคคลภายใต้กฎหมาย ได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย มีเสรีภาพจากการถูกจับกุม กักขัง หรือถูกเนรเทศโดยพลการ มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ สิทธิที่จะมีสัญชาติ รวมทั้งสิทธิที่จะแต่งงานและมีครอบครัว เป็นต้นส่วนมาตรา 22 ถึง 27 กล่าวถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และทางวัฒนธรรม เช่น มีสิทธิที่จะอยู่ภายใต้การประกันสังคม สิทธิที่จะทำงาน สิทธิที่จะพักผ่อนและมีเวลาว่าง สิทธิที่จะมีมาตรฐานการครองชีพสูงพอที่จะให้มีสุขภาพอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดี สิทธิที่จะได้รับการศึกษาและมีส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่ตามวัฒนธรรมของ ชุมชน มาตรา 28 ถึง 30 กล่าวถึงการรับรองว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีขีวิตอยู่ท่ามกลางความสงบเรียบร้อยของสังคมและระหว่าง ประเทศ และขณะเดียวกันได้เน้นว่า ทุกคนต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อชุมชนด้วยสมัชชาสหประชาชาติได้ประกาศ ให้ถือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนนี้ เป็นมาตรฐานร่วมกันที่ทุกประชาชาติจะต้องปฏิบัติตามให้ได้ และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกของสหประชาชาติช่วยกันส่งเสริมรับรองเคารพสิทธิและ เสรีภาพตามที่ปรากฎในปฏิญญาสากลโดยทั่วกัน โดยเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้ สมัชชาสหประชาชาติจึงลงมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1950 ให้ถือวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชนทั่วโลก [การทูต] | World Food Summit | การประชุมสุดยอดอาหารโลก
" จัดโดย FAO ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 13-17 พฤศจิกายน 2539 เป็นการประชุมระดับผู้นำรัฐบาล เพื่อสร้างเจตนารมณ์ด้าน การเมือง และข้อผูกพันระหว่างประเทศให้เกิดความมั่นคงด้านอาหาร และการขจัดปัญหาความหิวโหยสำหรับประชากรโลก " [การทูต] | Abortion,
Induced | การทำให้แท้ง,
การทำแท้ง,
การทำแท้งโดยเจตนา,
การแท้งที่เกิดจากการกระทำ,
แท้งจากการกระทำ [การแพทย์] |
| Mrs. Danvers,
it has been suggested that Mrs. De Winter was deliberately murdered. | คุณนายแดนเวอร์ส มันได้มีการนําเสนอเป็นนัยๆ ว่า คุณนายเดอ วินเทอร์ถูกฆาตกรรมโดยเจตนา Rebecca (1940) | We have not yet decided on the winner's prize for the best bottom | เราไม่มียังรางวัลของผู้ชนะ on the เด็ดขาด ... ...ด้วยเจตนาที่ดีที่สุดข้างล่าง Salò,
or the 120 Days of Sodom (1975) | Despite the best intentions of the best of you you must,
in the nature of things,
humiliate us to control us. | แม้ว่าคุณจะมีเจตนาที่ดี แต่คุณก็กดขี่เราเพื่อควบคุมเรา Gandhi (1982) | I want you to put it where nobody can find it without a deliberate search. | ฉันต้องการให้คุณที่จะนำมันที่ ไม่มีใคร สามารถค้นหาได้โดยไม่ต้องมี การค้นหาโดยเจตนา 2010: The Year We Make Contact (1984) | In that case,
may I suggest we adjourn to the study for coffee and brandy,
at which point I believe our unknown host will reveal his intentions. | ในกรณีนี้ ผมแนะนำว่าให้เราไปที่ห้องหนังสือ จิบกาแฟและบรั่นดี สำหรับกาแฟและบรั่นดี และเราจะได้เข้าใจว่า เจ้าภาพมีเจตนาจะบอกอะไรกับเรา Clue (1985) | - I'm sorry. I never meant to lie. | - หนูขอโทษค่ะ หนูไม่มีเจตนาจะโกหก Dirty Dancing (1987) | Steven,
I'm sorry. I never meant to hurt you. | สตีเว่น ฉันเสียใจนะ ฉันไม่มีเจตนาให้คุณเจ็บ Punchline (1988) | It begins on a dark night where a dark man waits,
with a dark purpose. | มันเริ่มต้นในค่ำคืนที่มืดมิด ที่ซึ่งชายผู้ชั่วร้ายได้รอคอยพร้อมกับเจตนาอันชั่วร้าย Aladdin (1992) | You actually went into a burning aeroplane? | มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาคนที่มีเจตนาจะหลบหนี Hero (1992) | It's something far more deliberate and insidious. | มันเป็นอะไรที่เจตนามาก และทำอย่างลับๆ Squeeze (1993) | He knew the gods' will. Will Makemake descend on us? | ท่านหัวหน้าพูดถูก ท่านรู้เจตนารมณ์ของเทพเจ้า Rapa Nui (1994) | Why are you busting my balls? | เจตนาจะตามราวีหรือไง? Wild Reeds (1994) | Obtuse. Is it deliberate? | ป้าน มันเป็นเจตนา? The Shawshank Redemption (1994) | Five years in Folsom off a knock-back to involuntary manslaughter. | 5 ปีที่ฟอลซั่มฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา Heat (1995) | Section 6 must be up to something. | แผนก 6 อาจจะเจตนาทำอะไรบางอย่าง.. Ghost in the Shell (1995) | The sex of the perpetrator isn't known and remains undetermined. | เพศของเจ้านักเชิดหุ่นนั่นไม่มีใครรู้ รวมทั้งเจตนาที่แท้จริงของมันด้วย Ghost in the Shell (1995) | Fulfil your dark purpose and seal the fate of the Czar and his family once and for all. | เติมเต็มเจตนารมณ์ที่มืดมนของเจ้า แล้วปิดผนึกโชคชะตาของ พระเจ้าซาร์และครอบครัว ครั้งเดียวและตลอดไป Anastasia (1997) | Your Majesty,
I intend you no harm. | ฝ่าพระบาท หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาจะมุ่งร้าย Anastasia (1997) | Or that your experience is the result of being the unwitting star in the farewell performance of one S.R. Hadden? | คุณกลับบ้านโดยไม่ต้อง ฉีกเดียวของหลักฐาน? หรือว่าประสบการณ์ ของคุณเป็นผลมาจากการที่ ดาวเจตนาในการปฏิบัติ งานอำลาของหนึ่ง Contact (1997) | And into this Ring he poured his cruelty,
his malice and his will to dominate all life. | เขาบรรจุความโฉดชั่วของตนลงไป ด้วยเจตนารมณ์ที่จะเป็นจ้าวแห่งทุกชีวิต The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001) | And the Ring of Power has a will of its own. | และแหวนแห่งอำนาจ ก็มีเจตนาของมันเอง The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001) | First of all I would like to point out... that not only is there no proof in this case... but there is a complete lack of mens rea... which by definition tells us there can be no crime... without a vicious will. | ก่อนอื่น ดิฉันอยากจะชี้แจงว่า คดีนี้ ไม่เพียงแต่ไม่มีหลักฐาน แต่ยังไร้ซึ่งเจตนาร้าย Legally Blonde (2001) | We know what it means. | เรารู้เจตนาของมัน The Pianist (2002) | To show you our goodwill,
you should vote one of you to be allowed to go in town daily and bring 3 kilos of potatoe...yeah? | เพื่อแสดงเจตนาที่ดีของเรา คุณควรเลือกตัวแทนหนึ่งคน เราจะยอมให้เขาเข้าไปในเมืองทุกวัน The Pianist (2002) | I'm sorry... I'm not trying to pry. | ขอโทษครับ ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะสอดรู้สอดเห็นครับ Latter Days (2003) | And that was intended to prevent the states from taking away life liberty or property from black people as they had done for so much of our history. | เจตนารมณ์คือป้องกันไม่ให้มลรัฐต่าง ๆ ปล้นเอาชีวิต อิสรภาพหรือทรัพย์สินไปจากคนผิวดำ The Corporation (2003) | In the achievement of those objectives there isn't any question of malevolence or of will. | ในการบรรลุเป้าหมายนี้ มันไม่เกี่ยวกับเจตนาร้ายหรือความตั้งใจ The Corporation (2003) | It's better that they make some public profession than the opposite. | การประกาศเจตนารมณ์ต่อสาธารณะ มันก็ดีกว่าไม่ทำ The Corporation (2003) | Yeah,
so was the president. Are you going to accuse him? | ผมเจตนายั่วคุณ เพื่อดูปฏิกริยา Yankee White (2003) | I thought you should know before you start questioning his motives. | ขอเรียนให้ทราบก่อนที่ท่านจะเคลือบแคลงเจตนาเขา The Day After Tomorrow (2004) | I don't think it's doing it on purpose. | รูปปั้นคงไม่ได้เจตนา Around the World in 80 Days (2004) | Drugs,
armed robbery,
manslaughter... | ยา โจรปล้นติดอาวุธ ฆ่าคนไม่เจตนา The Woodsman (2004) | Of all the words written here about freedom,
there's a line here that's at the heart of all the others. | จากความคิดที่รวมตัวกันเป็นอเมริกา... ...อยู่ที่นี่. เจตนารมณ์เพื่อทุกคน. National Treasure (2004) | - He was up to something. | - นี่เป็นบัญชีของเขาเองนะ เขามีเจตนาจะทำอะไรบางอย่าง The Bourne Supremacy (2004) | What would his motive be? | บางทีเขาอาจจะเจตนา? Nin x Nin: Ninja Hattori-kun,
the Movie (2004) | Feds found a note,
uh,
more like a manifesto. | เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางเจอจดหมาย เอ่อ มากกว่าคำประกาศเจตนาเสียอีก Mr. Monk and the Blackout (2004) | She was killed on the loading dock,
and I think it might have been premeditated. | เธอถูกฆ่าในโกดังของห้าง แล้วฉันคิดว่า เป็นการเจตนาฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน Mr. Monk and the Employee of the Month (2004) | Yeah,
but he didn't aim it. He didn't hit anything. | ใช่ แต่เขาไม่ได้เจตนา เขาไม่ได้ทำร้ายใครเลยนะ Mr. Monk and the Panic Room (2004) | Tiberias knows more than the Christian should about Saladin's intentions! | ซาลาดินจะบุกมาที่อาณาจักรนี้ ! ไทบิเรียสรู้มากกว่าพวกคริสเตียน เรื่องเจตนาของซาลาดิน! Kingdom of Heaven (2005) | But I know her to be incapable of wilfully deceiving anyone. | แต่พี่ไม่คิดว่าหล่อนจะสามารถ ทำร้ายใคร โดยเจตนาได้หรอก Pride & Prejudice (2005) | My primary directive is to protect the students of this institution... and all,
indeed all mankind... from the menace that is another Stifler. | เจตนาที่ผมตั้งไว้ อย่างแรกคือปกป้องนักศึกษาของสถาบัน และทั้งหมดนี้ แท้จริงแล้วผมใจดีมากนะ สำหรับสิ่งแย่ๆที่จะเกิดขึ้นกับคุณ สตีฟเลอร์ตัวแสบ American Pie Presents: Band Camp (2005) | But Dae-So doesn't have any intention to do so. | แต่แดโซไม่ได้มีเจตนาจะทำเช่นนั้น Episode #1.41 (2006) | It was not a raid with intention to save Hae Mo-Su. | ผู้บุกรุกไม่ได้มีเจตนาจะเข้าไปช่วยแฮโมซู Episode #1.9 (2006) | - What do you want? - I want you to be what you are. | แบบที่ธรรมชาติเจตนา X-Men: The Last Stand (2006) | Yes,
I have. And I have given him an angel to do his will. | ใช่แล้วล่ะ และผมได้ส่งเทพไปให้ท่านใช้สอยตามเจตนารมณ์ The Da Vinci Code (2006) | When it's an accident,
they call it manslaughter. | ถ้ามันเป็นแค่อุบัติเหตุ เค้าจะเรียกว่าการฆ่าโดยไม่เจตนา Monster House (2006) | I understand your good intentions | ข้าเข้าใจเจตนาดีของท่าน Fearless (2006) | That was accidental. Accidental boob graze. | ไม่ได้เจตนา ชนภูเขาไฟโดยบังเอิญ The Holiday (2006) | Uh,
I wish I wasn't coming in as a new guy under such terrible circumstances. | เอ่อ ผมไม่เจตนาจะเป็นพนักงานใหม่ที่นี่ในช่วงแย่ๆอย่างนี้ Pilot (2006) | Were the terrorists to carry out their intentions... | ว่าผกก.จะทำตามเจตนารมณ์หรือไม่ Day 5: 10:00 a.m.-11:00 a.m. (2006) |
| อกุศลเจตนา | [akusonlajēttanā] (n) EN: malice ; sinful intention ; evil intention ; ill intent ; vicious intent | โดยเจตนา | [dōi jēttanā] (adv) EN: intentionally ; deliberately FR: exprès ; intentionnellement ; délibérément ; avec préméditation | โดยไม่เจตนา | [dōi mai jēttanā] (adv) EN: unintentionally | โดยไม่มีเจตนา | [dōi mai mī jēttanā] (adv) EN: unintentionally FR: involontairement ; sans intention | เจตนา | [jēttanā] (n) EN: intention ; intent ; purpose ; aim ; object ; motive ; will ; volition ; spirit ; ideal ; objective FR: intention [
f
] ; volonté [
f
] ; détermination [
f
] ; volition [
f
] ; dessein [
m
] ; objet [
m
] ; but [
m
] | เจตนา | [jēttanā] (v) EN: intend ; manifest intention ; mean to | เจตนาดี | [jēttanā dī] (n, exp) EN: good intentions ; goodwill ; honest intention FR: bonnes intentions [
fpl
] | เจตนาร้าย | [jēttanā rāi] (n, exp) EN: evil intentions ; ill-will FR: mauvaises intentions [
fpl
] ; intention malveillante [
f
] | เจตนาร้าย | [jēttanā rāi] (x) EN: with malice ; with evil intent ; malicious | เจตนารมณ์ | [jēttanārom] (n) EN: intention ; intent ; purpose ; aim ; object ; spirit FR: intention [
f
] ; volonté [
f
] ; esprit [
m
] ; idée [
f
] ; objet [
m
] ; but [
m
] ; dessein [
m
] ; projet [
m
] | เจตนารมณ์ | [jēttanārom] (v) EN: intend ; manifest intention | เจตนารมณ์ของกฎหมาย | [jēttanārom khøng kotmāi] (n, exp) EN: spirit of the law FR: esprit de la loi [
m
] | เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ | [jēttanārom ratthathammanūn] (n, exp) EN: spirit of the constitution FR: esprit de la constitution [
m
] | เจตนาทางอาญา | [jēttanā thāng āyā] (n, exp) EN: criminal intent | เจตนาทุจริต | [jēttanā thutjarit] (n, exp) EN: bad faith | การฆ่าคนโดยเจตนา | [kān khā khon dōi jēttanā] (n, exp) EN: malicious killing | การแสดงเจตนา | [kān sadaēng jettanā] (n, exp) EN: declaration of intention ; disclosing one's intention ; intention representation FR: déclaration d'intention [
f
] | ฆ่าคนตายโดยเจตนา | [khā khon tāi dōi jēttanā] (v, exp) FR: assassiner ; tuer avec préméditation | มีเจตนาร้าย | [mī jēttanā rāi] (adj) EN: hateful | แปลเจตนา | [plaē jēttanā] (v, exp) EN: read s.o.'s intentions FR: deviner les intentions de qqn | แสดงเจตนา | [sadaēng jettanā] (v, exp) EN: intent to ; aim at ; stretch out for | แสดงเจตนา | [sadaēng jettanā] (v, exp) EN: disclose one's intention ; show one's hand / cards ; tip one's hand ; declare one's intention FR: déclarer ses intentions ; manifester son intention ; jouer cartes sur table | โทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา | [thōt thān khā khon tāi dōi jēttanā] (n, exp) EN: conviction for homicid |
| unsharp mask | (name) คือกระบวนการทำภาพถ่ายให้คมชัดขึ้น โดยการนำฟิล์มของภาพ ไปถ่ายสำเนาใส่ฟิล์มอีกแผ่นหนึ่งโดยเจตนาให้ได้ภาพที่เบลอ (unsharp) กว่าเดิม
ภาพบนฟิล์มที่ทำสำเนาขึ้นมาใหม่นี้ จะแตกต่างจากภาพบนฟิล์มเดิม ณ บริเวณภาพที่มีรายละเอียด (เนื่องจากถูกทำให้เบลอ) แต่จะเหมือนเดิม ณ บริเวณภาพที่เป็นสีพื้น (ไม่มีรายละเอียด การทำเบลอไม่มีผลต่อภาพ)
จากนั้นจึงเอาฟิล์มทั้งสองมาทาบเข้าด้วยกัน ภาพที่ได้เมื่อมองผ่านฟิล์มทั้งสอง บริเวณที่มีรายละเอียดจะถูกเน้นให้เห็นรายละเอียดชัดเจนมากขึ้น คือ ทำให้ภาพดูคมชัดขึ้น |
| accidental | (adj) โดยบังเอิญ, See also: เป็นการบังเอิญ, โดยไม่ได้ตั้งใจ, เป็นเหตุบังเอิญ, โดยไม่ได้คาดคิด, ซึ่งไม่ได้เจตนา, Syn. chance, fortuitous, unintentional | aim | (vi) ตั้งใจ, See also: เจตนา, วางแผน, Syn. propose, strive, endeavor | by choice | (idm) โดยจงใจ, See also: อย่างเจตนา | catty | (adj) ที่มีเจตนาร้าย (คำไม่เป็นทางการ), Syn. malicious, spiteful | carve up | (phrv) เจตนาทำร้าย (คำสแลง), See also: ตั้งใจทำให้บาดเจ็บ, Syn. cut up, slit up | designedly | (adv) โดยตั้งใจ, See also: โดยจงใจ, อย่างเจตนา, Syn. advisedly, voluntarily | fortuitous | (adj) โดยบังเอิญ, See also: ซึ่งไม่เจตนา, Syn. accidental, coincidental, unintentional, Ant. expected, intentional, planned | give away | (phrv) เผย, See also: เล่าความลับ โดยเจตนาและไม่เจตนา | hateful | (adj) ซึ่งมีเจตนาร้าย, See also: ซึ่งมุ่งร้าย, Syn. malevolent, spiteful | method in one's madness | (idm) มีจุดประสงค์ในสิ่งที่ทำ, See also: มีเจตนาในสิ่งที่ทำ | show good faith | (idm) แสดงเจตนาดี | show one's hand | (idm) เปิดเผยเจตนา, See also: แสดงเจตนา | ill feeling | (n) ความไม่เป็นมิตร, See also: การมีเจตนาไม่ดี, ความเป็นปฏิปักษ์, Syn. animosity, resentment | ill-disposed | (adj) ซึ่งไม่เป็นมิตร, See also: ซึ่งมีเจตนาไม่ดี, Syn. hostile, unfriendly, unkind, Ant. friendly, kind | intended | (adj) ี่ซึ่งมีเจตนา, See also: ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อ | intent | (n) เจตนา (คำทางการ), See also: ความตั้งใจ, จุดประสงค์, Syn. aim, intention, purpose | intention | (n) ความตั้งใจ, See also: ความมุ่งหมาย, เจตนา, จุดมุ่งหมาย, เจตจำนง, Syn. aim, objective, purpose | intentionally | (adv) โดยตั้งใจ, See also: อย่างตั้งใจ, อย่างจงใจ, โดยเจตนา, Syn. deliberately, intendedly, voluntarily, Ant. unintentionally | mean by | (phrv) เจตนา, See also: มุ่งหมาย, ตั้งใจด้วย, ทำให้เกิดด้วย | mean well | (phrv) เจตนาดี (แต่มักไม่เป็นไปตามนั้น) | malignancy | (n) การปองร้าย, See also: เจตนาร้าย, การประสงค์ร้าย, ความมุ่งร้าย | mean well | (idm) มีเจตนาดี | mean | (vt) มีเจตนา, See also: ตั้งใจ, มุ่งหมาย, Syn. intend | outguess | (vt) เดาท่าทีหรือเจตนา, Syn. anticipate, predict | overtly | (adv) อย่างไม่ปกปิด, See also: อย่างเปิดเผย, โดยเจตนา, Syn. apparently, clearly | poisonous | (adj) ซึ่งส่อเจตนาร้าย, See also: ซึ่งมุ่งร้าย, ซึ่งคิดปองร้าย, Syn. vicious | poison-pen | (adj) มีเจตนาร้าย, See also: ต้องการทำลายชื่อเสียง มักเป็นข้อเขียนที่ไม่ปรากฏนาม | prepense | (adj) ที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า, See also: ที่วางแผนไว้ล่วงหน้า, มีเจตนา, Syn. premeditated | saboteur | (n) ผู้ก่อวินาศกรรม, See also: ผู้บ่อนทำลาย, ผู้ทำลายทรัพย์สินโดยเจตนา, Syn. destroyer, terrorist | spirit | (n) เจตนา, See also: ความมุ่งมั่น, Syn. enthusiasm, will | spite | (n) เจตนาร้าย, See also: ประสงค์ร้าย, Syn. malice, malevolence | spiteful | (adj) มีเจตนาร้าย, See also: อาฆาตพยาบาท, Syn. malicious, vindictive | unwitting | (adj) ไม่ได้ตั้งใจ, See also: ไม่ได้เจตนา, Syn. inadvertent, unintentional, accidental, Ant. intentional | voluntary | (adj) ด้วยความตั้งใจ, See also: โดยเจตนา, Syn. volunteer, willing, Ant. involuntary | volunteer | (n) อาสาสมัคร, See also: ผู้สมัคร, ผู้กระทำโดยใจสมัคร, ทหารอาสาสมัคร, ผู้กระทำโดยเจตนา, พืชตามธรรมชาติ, Ant. conscript | well-intentioned | (adj) ซึ่งเจตนาดี (แต่มักจะก่อให้เกิดผลที่ไม่ค่อยดีตามมา), Syn. well-meaning | well-meaning | (adj) ซึ่งมีเจตนาดี (แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม), See also: ซึ่งหวังดี, Syn. well-intentioned | wilful | (adj) ซึ่งจงใจ (ด้วยเจตนาไม่ดีหรือต้องการทำร้ายผู้อื่น), See also: ซึ่งเจตนา, Syn. deliberate, intentional, voluntary, Ant. unintentional, involuntary | willed | (adj) ซึ่งมีความตั้งใจ, See also: ซึ่งมีเจตนา | witting | (adj) ซึ่งมีเจตนา, See also: ซึ่งตั้งใจ, Syn. deliberate, intentional, Ant. unintentional | wittingly | (adv) อย่างเจตนา, Ant. unwittingly |
| conscious | (คอน'เชิส) adj. ซึ่งมีจิตสำนึก,
มีสติ,
มีเจตนา,
พิชาน, Syn. sensible, aware | contemplation | (คอนเทมเพล'เชิน) n. การใคร่ครวญ,
การไตร่ตรอง,
การพิจารณาอย่างระมัดระวัง,
เจตนา,
ความมุ่งหมาย,
การอธิษฐาน,
การเข้าญาน, Syn. thought | cue | (คิว) {
cued,
cuing,
cues
} n. ผมเปีย,
ไม้แทงบิลเลียด,
แถวคน,
คำแนะนำ,
คำบอกบท,
สิ่งกระตุ้น,
บท,
เจตนารมณ์ vt. ถักเป็นผมเปีย,
ใช้ไม้แทงบิลเลียดตี,
บอกบท,
บอกเป็นนัย,
สอดแทรก,
นำทาง | deliberate | (ดิลิบ'บะเรท) adj. รอบคอบ,
สุขุม,
ใคร่ครวญ,
ระมัดระวัง,
โดยเจตนา, See also: deliberateness n., Syn. think | deliberation | (ดิลิบบะเร'เชิน) n. ความสุขุม,
ความรอบคอบ,
เจตนา,
การพิจารณาหารือ,
การปรึกษา,
ความเชื่องช้า, Syn. thought, Ant. haste | despiteous | (ดิสพิท'เทียส) adj. มุ่งร้าย,
มีเจตนาร้าย, Syn. malicious | drift | (ดริฟทฺ) vi.,
vt.,
n. (การ) ล่องลอย,
เลื่อนลอย,
ลอยไปทับกันเป็นกอง,
พเนจร,
ระเหเร่ร่อน,
เบี่ยงเบนจากทิศทางเดิมการพเนจร,
สิ่งที่ล่องลอย,
ความโน้มน้าว,
ความหมาย,
เจตนา,
, See also: driftingly adv. ดูdrift, Syn. float, mound, wander | enmity | (เอน'มิที) n. ความเป็นปฏิปักษ์,
ความเกลียด,
ความมีเจตนาเป็นอริ | hostile | (ฮอส'ไทลฺ,
ฮอส'เทิล) adj. เป็นปรปักษ์,
ต่อต้าน,
มีเจตนาร้าย,
เป็นศัตรู,
ไม่เป็นมิตร,
ไม่รับแขก, See also: hostility adv., Syn. contrary, antagonistic | hostility | (ฮอลทิล'ลิที) n. ความเป็นปรปักษ์,
การมีเจตนาร้าย,
การเป็นศัตรู,
การไม่เป็นมิตร., See also: hostilities n. สงคราม, การทำสงคราม, Syn. enmity, animosity | ill will | ความมุ่งร้าย,
เจตนาร้าย,
ความเป็นปฏิปักษ์, Syn. animosity | ill-feeling | (อิลฟิล'ลิง) adj. มุ่งร้าย,
มีเจตนาไม่ดี,
มีใจเป็นปฏิปักษ์, Syn. ugly | ill-natured | (อิล'เน'เชอร์ดฺ) adj. มีอารมณ์ไม่ดี,
มีเจตนาร้าย,
ขุ่นหมอง., See also: ill-naturedly adv. | inimical | (อินิม'มิเคิล) adj. ไม่เป็นมิตร,
เป็นปฏิปักษ์,
มีเจตนาร้าย,
เป็นอันตราย., See also: inimically adv. inimicalness. inimicality n., Syn. inimicable, hostile, Ant. friendly | intend | (อินเทนดฺ') vt.,
vi. ตั้งใจ,
ปรารถนา,
มีเจตนา,
มุ่งหมาย,
มีความหมาย., See also: intender n., Syn. propose | intended | (อินเทน'ดิด) adj. ซึ่งมีเจตนา,
ตั้งใจว่า,
มุ่งหมายไว้,
หมั้นหมาย. n. คู่หมั้น. | intent | (อินเทนทฺ') n. เจตนา,
ความตั้งใจ,
ความมุ่งหมาย,
จุดประสงค์,
ความหมาย,
ความสำคัญ. adj. ยึดมั่น,
แน่วแน่,
มุ่งหมายไว้,
ตั้งใจไว้., See also: intently adv. intentness n., Syn. intention | intention | (อินเทน'เชิน) n. เจตนา,
ความตั้งใจ,
เป้าหมาย, See also: intentional adj. ซึ่งมีเจตนาเกี่ยวกับความตั้งใจ ความมุ่งหมาย, เป้าหมาย | malefic | (มะเลฟ'ฟิค) adj. ชั่วร้าย,
มีเจตนาร้าย,
มีผลร้าย | malign | (มะไลนฺ') vt. กล่าวร้าย,
กล่าวหา,
ใส่ร้าย,
ทำให้เสียชื่อเสียง. adj. มีผลร้าย,
ร้าย,
มีเจตนาร้าย,
เป็นภัย., See also: maligner n. malignly adv., Syn. defame, slander | malignant | (มะลิก'เนินทฺ) adj. ร้าย,
มีภัย,
มีเจตนาร้าย,
อันตรายมาก,
ถึงตาย,
มักทำให้ตายได้., See also: malignantly adv., Syn. spiteful, vile | mean | (มีน) vt. มุ่งหมาย,
มีเจตนา,
ตั้งใจ,
หมายถึง,
ทำให้เกิดขึ้น,
นำมาซึ่ง,
มีความหมายต่อ,
มีความสำคัญต่อ. vi. ตั้งใจ,
มุ่งหมาย adj. ต่ำต้อย,
ชั้นต่ำ,
ไม่สำคัญ,
ถ่อย,
สกปรก,
เลว,
ใจแคบ,
ขี้เหนียว,
เห็นแก่ตัว,
สร้างความเดือดร้อน,
ร้าย,
เชี่ยวชาญ,
ประทับใจ,
ระหว่างกลาง,
โดยเฉลี่ย n. ค่าเฉลี่ย | oblige | (อะไบลจฺ) {
obliged,
obliging,
obliges
} vt. บังคับ,
บีบบังคับ,
เกณฑ์,
ขอให้ทำ,
ผูกมัด,
ทำบุญคุณให้,
กรุณา,
ทำให้เป็นหนี้,
vi. ช่วยเหลือ,
กระทำเพื่อแสดงเจตนาที่ดี., See also: obligedly adv. obligedness n. obliger n., Syn. gratif | prepense | (พรีเพนซฺ') adj. ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า,
วางแผนไว้ล่วงหน้า,
มีเจตนา | purpose | (เพอ'เพิส) n. วัตถุประสงค์,
ความมุ่งประสงค์,
เป้าหมาย,
ความมุ่งหมาย,
ผล,
ผลประ-โยชน์,
เจตนา,
vt. มุ่งประสงค์,
ประสงค์,
ตั้งเป้าหมาย,
มีเจตนา,
ตั้งใจเด็ดเดี่ยว. vi. มุ่งประสงค์., See also: purposeful adj. purposely adj., Syn. inte | reflex | (รี'เฟลคซฺ) n.,
adj. ปฏิกิริยาโต้ตอบที่ไม่เจตนาต่อสิ่งกระตุ้น,
การสะท้อนกลับ,
ภาพสะท้อน,
สิ่งที่สะท้อนกลับ vt. (รีเฟลคซฺ) ทำให้สะท้อนกลับ,
หันกลับ,
หมุนกลับ,
พับกลับ, See also: reflexly adv., Syn. reponse | sabotage | (แซบ'บะทาจฺ) vt.,
n. (การ) ก่อวินาศกรรม,
ทำลาย,
ทำลายโดยเจตนาก่อกวน., Syn. disable | saboteur | (แซบบะเทอ') n. ผู้ก่อวินาศกรรม,
ผู้ทำลายโดยเจตนาก่อกวน | spirit | (สพิ'ริท) n. จิตใจ,
วิญญาณ,
ใจ,
ญาณ,
เจตนา,
หัวใจ,
ความในใจ,
อารมณ์,
ความเด็ดเดี่ยว,
ความมุ่งมั่น,
ความองอาจ,
ภูติผีปีศาจ,
หัวน้ำหอม,
ของเหลวระเหยที่ได้จากการกลั่น,
สารละลายแอลกอฮอล์,
แอลกอฮอล์ vt. เร้าใจ,
ปลุกใจ,
กระตุ้น,
ให้กำลังใจ,
ลักพาไปอย่างลึกลับ adj. เกี่ยวกับของเหลวระเหยที่ได้จากการกลั่น,
เกี่ยวกับสารละลายแอลกอฮอลล์ | spite | (สไพทฺ) n. เจตนาร้าย,
ความมุ่งร้าย,
ความโกรธเคือง,
ความอาฆาตแค้น vt. กระทำด้วยเจตนาร้าย กลั่นแกล้ง ทำให้โกรธ รบกวน,
-Phr. (in spite of ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แม้ว่า ทั้ง ๆ ที่เป็น โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น) | spiteful | adj. มีเจตนาร้าย,
มุ่งร้าย,
อาฆาตแค้น. | view | (วิว) n. ภาพ,
ทิวทัศน์,
ทัศนวิสัย,
ทรรศนะ,
สายตา,
การมอง,
การสังเกต,
ข้อคิดเห็น,
ทัศนคติ,
จุดประสงค์,
เจตนา,
จุดมุ่งหมาย,
การสำรวจทั่วไป,
-Phr. (in view ภายในแนวสายตา ภายใต้การพิจารณา) -Phr. (in view of เมื่อพิจารณาถึงในเรื่องเกี่ยวกับ) vt. ดู,
มอง,
สังเกต,
สำรวจ,
ตรวจสอบ | vindicative | (วินดิค'คะทิฟว) adj. แก้แค้น,
แก้เผ็ด,
แค้น,
อาฆาต,
พยาบาท,
มีเจตนาร้าย,
เป็นการทำโทษ., See also: vindicativeness n. | voluntary | (วอล'เลินทะรี) adj. สมัครใจ,
ตั้งใจ,
โดยเจตนา,
โดยอาสาสมัคร,
อิสระ,
มีอิสระในการเลือก,
เกิดขึ้นเอง,
โดยธรรมชาติ. n. กิจกรรมอาสาสมัคร,
ดนตรีโหมโรง., See also: voluntarily adv. voluntaryism n. voluntaryist n., Syn. optional, f | well-disposed | (เวล'ดิสโพซดฺ) adj. เห็นอกเห็นใจผู้อื่น,
หวังดี,
มีเจตนาดี,
มีอารมณ์ดี,
มีนิสัยดี | well-intentioned | (เวล'อินเทน'เชินดฺ) adj. มีความหมายดี,
เจตนาดี,
หวังดี, Syn. wellmeaning | well-meaning | (เวล'มี'นิง) adj. มีความหมายดี,
มีเจตนาดี,
หวังด' | white | (ไวทฺ) adj. ขาว,
หงอก,
ขาวบริสุทธิ์,
สีเผือก,
ผิวขาว,
สีเงิน,
ขาวหิมะ,
มีหิมะ,
ไร้สี,
โปร่งใส,
ว่างเปล่า,
สวมเสื้อขาว,
โชคดี,
ไม่ได้เขียนอะไร,
สะอาด,
มีเจตนาดี,
ซื่อตรง,
ยุติธรรม,
ไร้เดียงสา,
(กาแฟ) ใส่นมหรือครีม n. สีขาว,
ความขาว,
ผิวขาว,
สิ่งที่มีสีขาว,
ไข่ขาว,
แอลบิวเมน | wicked | (วิค'คิด) adj. โหดร้าย,
ชั่วช้า,
เลวทราม,
มีเจตนาร้าย,
คุกคาม,
น่ารังเกียจ,
ไร้เหตุผล,
ชั้นหนึ่ง,
ยอดเยี่ยม, See also: wickedly adv. | wilful | (วิล'ฟูล) adj. จงใจ,
มีเจตนา,
โดยสมัครใจ,
ดื้อรั้น,
หัวแข็ง, See also: willfulness n., Syn. willful. | willed | (วิลดฺ) adj. มีความตั้งใจ,
มีเจตนา | willful | (วิล'ฟูล) adj. สมัครใจ,
มีเจตนา,
ตั้งใจ,
ดื้อรั้น,
หัวแข็ง, See also: willfulness n., Syn. willful. | willing | (วิล'ลิง) adj. เต็มใจ,
ตั้งใจ,
มีเจตนา,
สมัครใจ,
ยินดี, See also: willingly adv. willingness n., Syn. obliging, agreeable | willless | (วิล'ลิส) adj. ไม่มีตั้งใจ,
ไม่เจตนา,
ไม่ตกลงใจ., See also: willlessness n. | witting | (วิท'ทิง) adj. รู้,
รู้ดี,
รู้ตัว,
ตระหนัก,
มีเจตนา n. ความรู้, See also: wittingly adv. |
| deliberate | (adj) โดยเจตนา,
โดยจงใจ,
โดยตั้งใจ,
รอบคอบ,
สุขุม | deliberately | (adv) อย่างมีเจตนา,
อย่างจงใจ,
อย่างตั้งใจ | deliberation | (n) การตรึกตรอง,
การปรึกษาหารือ,
การใคร่ครวญ,
เจตนา,
ความสุขุมรอบคอบ | design | (vt) ออกแบบ,
คิด,
กำหนด,
เตรียมแผนการ,
มุ่งหมาย,
เจตนา | designedly | (adv) โดยวางแผนไว้แล้ว,
โดยเจตนา,
โดยระบุไว้แล้ว | expressly | (adv) อย่างด่วน,
โดยเจตนา,
โดยแจ่มแจ้ง,
เป็นพิเศษ,
อย่างชัดแจ้ง | fortuitous | (adj) โดยบังเอิญ,
โดยไม่เจตนา,
โชคดี | ILL-ill-natured | (adj) มีอารมณ์ไม่ดี,
ขุ่นข้องหมองใจ,
มีเจตนาร้าย | intend | (vi, vt) ตั้งใจ,
มุ่งหมาย,
เจตนา,
ปรารถนา | intent | (vt) ตั้งใจ,
เจตนา,
มุ่งมั่น,
จดจ่อ,
ขะมักเขม้น | intention | (n) ความตั้งใจ,
เจตนา,
ความมุ่งหมาย | intentional | (adj) โดยเจตนา,
โดยจงใจ,
ซึ่งตั้งใจ | meaning | (adj) มีความหมาย,
ตั้งใจ,
มุ่งหมาย,
มีเจตนา | motive | (n) สาเหตุ,
ใจความสำคัญ,
เหตุผล,
แรงดลใจ,
เป้าหมาย,
เจตนา | purpose | (n) จุดประสงค์,
ความประสงค์,
เจตนา,
ผลประโยชน์,
เป้าหมาย | purposely | (adv) โดยเจตนา,
โดยมีจุดมุ่งหมาย,
โดยมีเป้าหมาย | spiteful | (adj) มุ่งร้าย,
อาฆาตแค้น,
มีเจตนาร้าย | studied | (adj) รอบคอบ,
โดยเจตนา,
ระมัดระวัง,
มีการศึกษา | unwittingly | (adv) โดยไม่รู้,
โดยไม่เจตนา | view | (vt) มองดู,
สังเกต,
พิจารณา,
ตรวจดู,
เจตนา | vindictive | (adj) พยาบาท,
แก้แค้น,
อาฆาต,
มีเจตนาร้าย | voluntary | (adj) สมัครใจ,
โดยเจตนา,
จงใจ,
เกิดขึ้นเอง | wilful | (adj) เอาแต่ใจตนเอง,
ดื้อรั้น,
จงใจ,
โดยเจตนา | wittingly | (adv) โดยเจตนา,
ทั้งรู้ๆ,
อย่างรู้ตัว |
| | 志向 | [しこう,
shikou] ตั้งใจ เจตนา จงใจ |
| 悪気 | [わるぎ,
warugi] TH: เจตนาร้าย EN: ill-will | 本意 | [ほんい,
hon'i] TH: เจตนาที่แท้จริง EN: one's real intent |
| | *nblick {
m
}; Ansicht {
f
}; Sicht {
f
}; Blick {
m
}; Aus* | n. ภาพ,
ทิวทัศน์,
ทัศนวิสัย,
ทรรศนะ,
สายตา,
การมอง,
การสังเกต,
ข้อคิดเห็น,
ทัศนคติ,
จุดประสงค์,
เจตนา,
จุดมุ่งหมาย,
การสำรวจทั่วไป,
-Phr. (in view ภายในแนวสายตา ภายใต้การพิจารณา) -Phr. (in view of เมื่อพิจารณาถึงในเรื่องเกี่ยวกับ) vt. ดู,
มอง,
สังเกต,
สำรวจ,
ตรวจสอบ |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |