ผลลัพธ์การค้นหาสำหรับ

*ถ้อยคำ*

   
ภาษา
Dictionaries languages

English Phonetic Symbols




Chinese Phonetic Symbols


ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: ถ้อยคำ, -ถ้อยคำ-
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่
ปรับการตั้งค่า
Dictionaries languages

English Phonetic Symbols




Chinese Phonetic Symbols


Thai-English: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
ถ้อยคำ(n) word, See also: confession, expression, statement, term, saying, Example: การกล่าวคำอวยพรในงานมงคลสมรสจะกล่าวเพียงสั้นๆ ด้วยถ้อยคำที่เป็นมงคลแก่คู่สมรส ไม่ควรจะพูดเยิ่นเย้อ, Thai Definition: คำที่กล่าว
ถ้อยคำสำนวน(n) idiomatic wording, See also: idiom, Syn. สำนวนโวหาร, Example: หนังสือของเขาเต็มไปด้วยถ้อยคำสำนวนแบบกวี, Thai Definition: ถ้อยคำที่เรียบเรียงสละสลวย
ประหยัดถ้อยคำ(v) be taciturn, See also: practice economy of words, Syn. ประหยัดปาก, ประหยัดคำ, ยับยั้ง, ระมัดระวัง, Example: เธอต้องประหยัดถ้อยคำไว้ หลังจากการถกเถียงกัน

ไทย-ไทย: พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
ถ้อยคำน. คำที่กล่าว.
ถ้อยคำสำนวนน. หนังสือใดที่ศาลจดเป็นหลักฐานแห่งรายละเอียดทั้งหลายในการดำเนินคดีอาญาในศาลนั้น.
กถา(กะ-) น. ถ้อยคำ, เรื่อง, คำอธิบาย, คำกล่าว.
กัปปิยโวหารน. โวหารที่ควรแก่ภิกษุ เช่น เรียกเงินตราว่า กัปปิยภัณฑ์, ถ้อยคำสำนวนที่เหมาะแก่กาลเทศะ.
การสื่อสารน. วิธีการนำถ้อยคำ ข้อความ หรือหนังสือ เป็นต้น จากบุคคลหนึ่งหรือสถานที่หนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งหรืออีกสถานที่หนึ่ง.
เกลือก ๒(เกฺลือก) สัน. หาก, ถ้า, แม้, บางที, เผื่อว่า, มักใช้ว่า เกลือกว่า เช่น แม่อย่าสามานย์ด้วยวาจา มันจะตามถ้อยคำเข้ามาประสมประสาน เกลือกว่าเหยื่อมันสาธารณ์แม่จะอดสู (ม. ร่ายยาว ชูชก).
เข้าตัวก. อาการที่อาคม ของขลัง หรือถ้อยคำที่ปรารถนาจะกระทำหรือพูดให้ร้ายแก่ผู้อื่นแล้วย้อนกลับมาโดนตัวเอง, ไม่พ้นตัว เช่น พูดเข้าตัว.
คติพจน์น. ถ้อยคำที่เป็นแบบอย่าง.
คารม(-รม) น. ถ้อยคำที่คมคาย, ฝีปาก.
คำขวัญน. ถ้อยคำที่แต่งขึ้นเพื่อเตือนใจหรือเพื่อให้เป็นสิริมงคล.
คำคมน. ถ้อยคำที่หลักแหลมชวนให้คิด.
คำให้การน. ถ้อยคำหรือข้อความที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือถูกฟ้อง รับ ภาคเสธ ปฏิเสธ หรือแก้ข้อหาในคดีที่ถูกกล่าวหาหรือถูกฟ้องในคดีอาญา หรือที่คู่ความฝ่ายหนึ่งยกเป็นข้อต่อสู้ในคดีแพ่งหรือในคดีปกครอง.
ง่าม ๑น. ลักษณะหรือสิ่งที่แยกออกเป็น ๒ หรือ ๓ เป็นต้น เช่น ง่ามไม้ ไม้ง่าม สามง่าม, โดยปริยายใช้หมายถึงถ้อยคำที่มีความหมายได้ ๒ ทาง คือ ทั้งทางสุภาพและไม่สุภาพ เช่น พูดสองง่าม.
จำอวดน. การแสดงโดยใช้ถ้อยคำ ท่าทาง ชวนให้ตลกขบขัน.
ด่าก. ใช้ถ้อยคำว่าคนอื่นให้เสียหาย มักใช้คำหยาบหรือคำที่มีความหมายส่อไปในทางไม่ดี, ตำหนิ เช่น เมื่อเช้าถูกนายด่า.
ดำอวดก. จำอวด, การแสดงโดยใช้ถ้อยคำ ท่าทาง ชวนให้ตลกขบขัน.
ตราสินน. ถ้อยคำที่แจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐานของทรัพย์สินที่เสียหายหรือสูญหายจากการถูกปล้น, บางทีเขียนเป็น ตราสีน ก็มี เช่น ให้ทำฎีกาตราสีนแต่โดยสัจโดยจรีง (สามดวง ลักษณะโจร)
ตีความวิเคราะห์ถ้อยคำ ข้อความ และความมุ่งหมายของบทกฎหมาย นิติกรรม สัญญา หรือเอกสารอื่น ๆ ที่มีปัญหาสงสัย หรือที่มีความหมายไม่ชัดเจน เพื่อให้ทราบความหมายของถ้อยคำหรือข้อความนั้น ๆ.
ถ้อยน. คำพูด, มักใช้ประกอบกับคำอื่น เช่น ถ้อยคำ เจ้าถ้อยหมอความ เป็นถ้อยร้อยความ.
ทัณฑ์บนน. ถ้อยคำหรือหนังสือสัญญาว่าจะไม่ประพฤติละเมิดตามเงื่อนไขที่ได้ให้ไว้, (โบ) ทานบน
ทานบนน. ทัณฑ์บน, ถ้อยคำหรือหนังสือสัญญาว่าจะไม่ประพฤติละเมิดตามเงื่อนไขที่ได้ให้ไว้, เช่น ให้เอาตัวมาสบถษาบานเฉพาะพระพุทธพระธรรมพระสงฆเจ้าจงหนักหนา แล้วให้เรียกเอาทานบนไว้ครั้งหนึ่งก่อน ถ้าผู้นั้นมิละพะยศยังทำอยู่อิกไซ้ ก็ให้จับเอาตัวมาส่งให้ผู้รักษาเมืองผู้รั้งกรมการ (สามดวง).
ธรรมกถาน. การกล่าวธรรม, ถ้อยคำที่เป็นธรรม.
น้ำคำน. คำพูด, ถ้อยคำสำนวน.
นิพนธ์ก. ร้อยกรองถ้อยคำ, แต่งหนังสือ, (ราชา) ทรงนิพนธ์, ทรงพระนิพนธ์, ทรงพระราชนิพนธ์.
นิพันธ์ก. ร้อยกรองถ้อยคำ, แต่งหนังสือ.
นิรุตติปฏิสัมภิทาน. ปัญญาอันแตกฉานในนิรุตติ คือ ความเข้าใจในภาษา รู้จักใช้ถ้อยคำพูดอธิบายให้คนเข้าใจ ตลอดจนรู้ภาษาต่าง ๆ อาจชักนำคนให้เชื่อถือหรือนิยมตามคำพูด, กล่าวสั้น ๆ ว่า เข้าใจพูด, เป็นธรรมข้อ ๑ ในปฏิสัมภิทา ๔ คือ ๑. อรรถปฏิสัมภิทา ๒. ธรรมปฏิสัมภิทา ๓. นิรุตติ-ปฏิสัมภิทา ๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา.
เนื้อถ้อยกระทงความน. ถ้อยคำที่ได้เรื่องได้ราวเข้าใจได้ชัดเจน.
เนื้อเพลง ๑ถ้อยคำที่เป็นบทร้อง.
บทเจรจาน. คำที่ตัวละครพูดเป็นร้อยกรองหรือถ้อยคำธรรมดา.
บน ๓น. คำ เช่น ให้บนถ้อยคำ (จินดามณี)
บริบท(บอริบด) น. คำ ข้อความ หรือสถานการณ์แวดล้อมเพื่อช่วยให้เข้าใจความหมายของภาษาหรือของถ้อยคำ, ปริบท ก็ว่า.
เบิกความก. ให้ถ้อยคำต่อศาลในการพิจารณาคดี.
เบิกพยานก. นำพยานมาให้ถ้อยคำต่อศาล.
ใบ้ว. พิการแต่กำเนิด ไม่สามารถพูดเป็นถ้อยคำที่คนทั่ว ๆ ไปเข้าใจ, โดยปริยายหมายความว่า นิ่งไม่พูด เช่น นั่งเป็นใบ้.
ใบ้ก. แสดงกิริยาท่าทางแทนถ้อยคำ เช่น ใบ้คำ
ปรวาที(ปะระ-) น. ผู้กล่าวถ้อยคำฝ่ายตอบหรือฝ่ายค้าน, คู่กับ สกวาที.
ประพันธ์ก. แต่ง, เรียบเรียง, ร้อยกรอง, ผูกถ้อยคำเป็นข้อความเชิงวรรณคดี.
ปริยวาที(ปฺริยะ-) น. ผู้มีถ้อยคำอ่อนหวาน.
ปริศนา(ปฺริดสะหฺนา) น. สิ่งหรือถ้อยคำที่ผูกขึ้นเป็นเงื่อนงำเพื่อให้แก้ให้ทาย.
ปากคำน. ถ้อยคำที่บุคคล คู่กรณี หรือพยานให้ไว้กับเจ้าพนักงาน ศาล หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ.
ปากจัดว. ชอบพูดจาหรือโต้เถียงด้วยถ้อยคำแข็งกร้าวไม่สุภาพ, ด่าเก่ง, ชอบพูดจาหยาบคาย.
ปากตลาดน. ถ้อยคำที่โจษหรือเล่าลือกัน เช่น ปากตลาดเขาว่ากันมาอย่างนี้.
ปาฐกถา(-ถะกะถา) น. ถ้อยคำหรือเรื่องราวที่บรรยายในที่ชุมนุมชนเป็นต้น.
แปรญัตติก. แก้ถ้อยคำหรือเนื้อความในร่างกฎหมายที่สภารับหลักการแล้ว.
พจน-, พจน์ ๑(พดจะนะ-) น. คำพูด, ถ้อยคำ.
พจนานุกรม(-กฺรม) น. หนังสือว่าด้วยถ้อยคำในภาษาใดภาษาหนึ่ง เรียงตามลำดับตัวอักษร โดยทั่ว ๆ ไปจะบอกความหมายและที่มาของคำเป็นต้นด้วย.
พจีน. คำพูด, ถ้อยคำ.
พลิก(พฺลิก) ก. กลับด้านหนึ่งเป็นอีกด้านหนึ่ง เช่น เรือพลิกท้อง ปลาพลิกท้อง นอนพลิกข้าง พลิกหน้าหนังสือ พลิกถ้อยคำ.
พังเพยน. ถ้อยคำหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้ว โดยกล่าวเป็นกลาง ๆ เพื่อให้ตีความเข้ากับเรื่อง เช่น กระต่ายตื่นตูม.
พาณีน. เสียง, ถ้อยคำ, ภาษา

อังกฤษ-ไทย: ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน [เชื่อมโยงจาก orst.go.th แบบอัตโนมัติและผ่านการปรับแก้]
literal meaning of the wordsถ้อยคำสำนวนตามตัวอักษร [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
logosคำพูด, ถ้อยคำ [ปรัชญา ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
innuendo (L.)ถ้อยคำที่ถือว่าหมิ่นประมาท [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
verbatim (L.)จดคำต่อคำ, จดทุกถ้อยคำ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
voluntary statementการให้ถ้อยคำโดยสมัครใจ, การให้การโดยสมัครใจ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
verbal ironyการแฝงนัยด้วยถ้อยคำ [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕]
term๑. วาระ๒. กำหนดระยะเวลา, กำหนดเวลา๓. ข้อความ, ถ้อยคำ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
words actionable in themselvesถ้อยคำที่เป็นการหมิ่นประมาทอยู่ในตัว [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]

อังกฤษ-ไทย: คลังศัพท์ไทย โดย สวทช.
Word frequencyความถี่ของการใช้ถ้อยคำ [TU Subject Heading]
Persuasion (Rhetoric)การจูงใจ (ศิลปะการใช้ถ้อยคำ) [TU Subject Heading]
Rhetoricศิลปะการใช้ถ้อยคำ [TU Subject Heading]
Aide-memoire หรือ Memoireแปลตามตัวอักษรว่า ช่วยความจำ เป็นหนังสือโต้ตอบทางการทูตประเภทหนึ่ง คือ บันทึกสังเขปของการเจรจาที่ได้กระทำกันเสร็จสิ้นแล้ว บันทึกช่วยจำเช่นนี้ไม่มีการกล่าวนำเป็นทางการและไม่มีการลงชื่อ ซึ่งจะมอบให้แก่กันเมื่อเสร็จการเจรจากันแล้ว ความมุ่งหมายของบันทึกนี้คือ เพื่อบันทึกข้อเท็จจริงไว้เป็นหลักฐานซึ่งผู้รับบันทึกทราบดีแล้วบันทึกช่วย จำก็คือ บันทึกสรุปการสนทนาทางการทูตอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างผู้แทนหรือพนักงานทางการทูตกับหัวหน้าหรือพนักงานของกระทรวงการต่าง ประเทศ จุดประสงค์ตามที่ชื่อบ่งอยู่แล้วว่า เป็นการสรุปประเด็นต่าง ๆ ในการสนทนาเพื่อเตือนความจำนั้นเอง ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่ทางการทูตจะมอบบันทึกนี้ไว้กับกระทรวงการต่างประเทศ ในบันทึกนั้นบรรทัดแรกจะระบุว่าใครเป็นผู้ส่งและใครเป็นผู้รับบันทึก ผู้ส่งบันทึกจะต้องลงชื่อย่อกำกับบันทึกไว้ด้วยบันทึกช่วยจำอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า pro memoria โดยปกติภาษาที่ใช้ใน pro memoria จะมีลักษณะถ้อยคำเป็นทางการมากกว่า aide-memoire [การทูต]
Communiquéคำประกาศทางการหรือแถลงการณ์ทางการ ซึ่งรายงานให้ทราบผลของการประชุม หรือการเจรจาเป็นทางการระหว่างเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ในรัฐบาล เช่น ประมุขของรัฐ หัวหน้ารัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เอกอัครราชทูต หรือบุคคลอื่นในระดับนั้น คำแถลงการณ์ที่เรียกว่า Communiqué นี้ไม่มีรูปแบบโดยเฉพาะแต่อย่างใด โดยปกติอะไรที่ได้ตกลงกันไว้ในการเจรจาจะบรรจุไว้ด้วยถ้อยคำกว้างๆ ส่วนอะไรที่มิได้ระบุไว้ในแถลงการณ์มักจะมีความสำคัญยิ่งกว่าถ้อยคำที่เขียน ไว้เสียด้วย [การทูต]
Consulข้าราชการที่ได้รับแต่งตั้งอย่างถูกต้องและได้รับ มอบหมายให้ไปประจำยังต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของประเทศทั้งในด้าน พาณิชย์ การเดินเรือ คุ้มครองความเป็นอยู่อันดีของพลเมืองของประเทศตน พร้อมทั้งปฏิบัติหน้าที่บางอย่างด้านธุรการ หรือวางระเบียบแบบแผนที่ใช้เป็นประจำ ตลอดจนด้านการเป็นสักขีพยานการลงนามในเอกสาร เพื่อให้เอกสารนั้นมีผลบังคับทางกฎหมาย (Notary) การให้การตรวจลงตรา รวมทั้งการรับรองเอกสารที่แท้จริง (มิใช่เอกสารปลอม) และจัดการการสัตย์สาบานตนหรืออีกนัยหนึ่ง ภาระหน้าที่ของกงสุลอาจแบ่งออกได้เป็น 5 ประการ ดังต่อไปนี้1 ทำหน้าที่ส่งเสริมผลประโยชน์ในทางพาณิชย์ของประเทศที่ตนเป็นผู้แทนอยู่2 ควบคุมดูแลผลประโยชน์ด้านการเดินเรือ3 คุ้มครองผลประโยชน์ของคนชาติของประเทศที่แต่งตั้งให้ตนไปประจำอยู่4 ทำหน้าที่สักขีพยานในการลงนามในเอกสารเพื่อให้เอกสารนั้นมีผลบังคับทาง กฎหมาย5 ทำหน้าที่ธุรการเบ็ดเตล็ดอื่นๆ หรือระเบียบแบบแผนที่ใช้เป็นประจำ เช่น การออกหนังสือเดินทาง การให้การตรวจลงตรา (Visas) การจดทะเบียนคนเกิด คนตาย ฯลฯอนุสัญญากรุงเวียนนา ภาคที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุลข้อที่ 5 ได้กำหนดภาระหน้าที่ของฝ่ายกงสุลไว้ดังต่อไปนี้ ก. คุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐผู้ส่ง และของคนในชาติของรัฐผู้ส่ง ทั้งเอกชนและบรรษัทในรัฐผู้รับ ภายในขีดจำกัดที่กฎหมายระหว่างประเทศอนุญาตข. เพิ่มพูนการพัฒนาความสัมพันธ์ทางด้านการพาณิชย์ เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และวิทยาการ ระหว่างรัฐผู้ส่งกับรัฐผู้รับ รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกันในทางอื่น ตามบทแห่งอนุสัญญานี้ค. สืบเสาะให้แน่โดยวิถีทางทั้งปวงอันชอบด้วยกฎหมายถึงภาวะและความคลี่คลายใน ทางพาณิชย์ เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและวิทยาการของรัฐผู้รับ แล้วรายงานผลของการนั้นไปยังรัฐบาลของรัฐผู้ส่ง และให้ข้อสนเทศแก่บุคคลที่สนใจง. ออกหนังสือเดินทางและเอกสารการเดินทางให้แก่คนในชาติของรัฐผู้ส่ง ตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือออกเอกสารที่เหมาะสมให้แก่บุคคลที่ประสงค์จะเดินทางไปยังรัฐผู้ส่งจ. ช่วยเหลือคนในชาติของรัฐผู้ส่งทั้งเอกชนและบรรษัทฉ. ทำหน้าที่นิติกรและนายทะเบียนราษฎร์ และในฐานะอื่นที่คล้ายคลึงกัน ปฏิบัติการหน้าที่บางประการอันมีสภาพทางธุรการ หากว่าการหน้าที่นั้นไม่ขัดกับกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับช. พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของผู้เยาว์ และบุคคลไร้ความสามารถ ซึ่งเป็นคนชาติของรัฐผู้ส่ง ภายในขีดจำกัดที่ได้ตั้งบังคับไว้โดยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับ โดยเฉพาะในกรณีที่จำเป็นต้องมีความปกครองหรือภาวะทรัสตีใดๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับบุคคลเหล่านั้นฌ. แทนคนชาติของรัฐผู้ส่ง หรือจัดให้มีการแทนอย่างเหมาะสมในองค์กรตุลาการ และต่อเจ้าหน้าที่ที่อื่นของรัฐผู้รับ เพื่อความมุ่งประสงค์ที่จะให้ได้มา ซึ่งมาตรการชั่วคราวสำหรับการรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของคนในชาติเหล่านี้ ไว้ตามกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับ ในกรณีที่คนในชาติเหล่านี้ไม่สามารถเข้าทำการป้องกันสิทธิและผลประโยชน์ของ ตนในเวลาอันเหมาะสมได้ เพราะเหตุของการไม่อยู่หรือเหตุอื่นใด ทั้งนี้ ให้อยู่ภายในข้อบังคับแห่งทางปฏิบัติ และวิธีดำเนินการซึ่งมีอยู่ในรัฐผู้รับญ. ส่งเอกสารทางศาล หรือเอกสารที่มิใช่ทางศาล หรือปฏิบัติตาม หนังสือของศาลของรัฐผู้ส่งที่ขอให้สืบประเด็น หรือตามการมอบหมายให้สืบพยานให้แก่ศาลของรัฐผู้ส่งนั้น ตามความตกลงระหว่างประเทศที่ใช้บังคับอยู่ หรือเมื่อไม่มีความตกลงระหว่างประเทศเช่นว่านั้น โดยทำนองอื่นใดที่ต้องด้วยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับด. ใช้สิทธิควบคุมดูแลและตรวจพินิจตามที่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของ รัฐผู้ส่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับเรือที่มีสัญชาติของของรัฐผู้ส่ง หรืออากาศยานที่จดทะเบียนในรัฐนั้น รวมทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับลูกเรือของเรือและอากาศยานดังกล่าวต. ให้ความช่วยเหลือแก่เรือและอากาศยานที่ระบุไว้ในอนุวรรค (ด) ของข้อนี้ รวมทั้งลูกเรือของเรือและอากาศยานนั้น บันทึกถ้อยคำเกี่ยวกับการเดินทางของเรือ ตรวจดูและประทับตรากระดาษเอกสารของเรือ ดำเนินการสืบสวนอุบัติเหตุใด ๆ ที่ได้เกิดขึ้นในระหว่างนายเรือ ดำเนินการสืบสวนอุบัติเหตุใดๆ ที่ได้เกิดขั้นในระหว่างนายเรือ เจ้าพนักงาน และกะลาสี ตราบเท่าที่การนี้อาจได้อนุมัติไว้โดยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้ส่ง ทั้งนี้ จะต้องไม่เป็นการเสื่อมเสียแก่อำนาจของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับถ. ปฏิบัติการหน้าที่อื่นใดที่รัฐผู้ส่งมอบหมายแก่สถานีทำการทางกงสุล ซึ่งมิได้ต้องห้ามโดยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับ หรือซึ่งไม่มีการแสดงข้อคัดค้านโดยรัฐผู้รับ หรือซึ่งมีอ้างถึงไว้ในความตกลงระหว่างประเทศ ที่ใช้บังคับอยู่ระหว่างรัฐผู้ส่งและรัฐผู้รับ [การทูต]
Credential หรือ Letter of Credenceเอกสารทางราชการที่ประมุขของประเทศเป็นผู้ลงนาม ในเอกสารนั้น ประมุขของประเทศจะกล่าวยกย่องตัวทูตต่อประมุขของรัฐที่ผู้ที่เป็นทูตไปประจำ อยู่ (รัฐผู้รับ) ภาษาที่ใช้ในเอกสารจะเขียนด้วยถ้อยคำสำนวนหรูหรา และกล่าวถึงคุณสมบัติของทูตอย่างสูงส่ง แล้วลงท้ายด้วยการขอให้ความเชื่อถือแก่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทูตอาจจะกล่าวใน นามของรัฐบาลของตน [การทูต]
Diplomatic Expressionsถ้อยคำสำนวนที่ใช้ในวงการทูต กล่าวคือ ในวงการทูตจะมีการนิยมใช้ถ้อยคำสำนวนการทูต ถือกันว่าเป็นภาษาที่สุภาพ ซึ่งจะมีความหมายลึกซื้งเพียงใดนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทูตจะทราบกันดี อาทิเช่น?My Government views with concern หรือ with grave concern? จะแสดงถึงท่าทีที่ไม่เห็นด้วย หรือแสดงการประท้วง?My Government cannot remain indifferent to the matter? จะส่อถึงเจตนาที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปส่วนถ้อยคำสำนวนที่ว่า ?In such event my Government would feel bound to reconsider its position หรือ to consider its own interest??My Government will have to claim a free hand? หรือ ?feel obliged to formulate express reservations regarding?เหล่านี้เป็นถ้อยคำสำนวนที่เตือนให้ทราบว่า อาจเกิดการแตกร้าว หรือตัดขาดในพันธไมตรีที่มีต่อกันได้เมื่อรัฐบาลหนึ่งประกาศถือว่าการกระทำ ของอีกรัฐบาลหนึ่งเป็น ?an unfriendly act? หรือการกระทำที่ไม่เป็นมิตรเช่นนี้ ย่อมหมายถึงการเตือนให้ทราบว่า การกระทำเช่นนั้นอาจนำไปสู่สงครามได้ถ้าหากในตอนเสร็จสิ้นการประชุมกันมีการ แถลงการณ์หรือโฆษกของที่ประชุมแจ้งให้ทราบว่า ที่ประชุมได้ทำความตกลงกันโดยสมบูรณ์ (Full agreement) แต่ไม่มีการเปิดเผยให้ทราบว่ามีการตกลงอะไรกันบ้าง จะทำให้เป็นที่สงสัยกันว่าได้มีการตกลงกันโดยสมบูรณ์จริงละหรือ ถ้าหากคำประกาศนั้นใช้ถ้อยคำว่า มี ?substantial agreement? ก็พอจะอนุมานได้ว่าแท้ที่จริงยังมีเรื่องสำคัญ ๆ ที่ยังตกลงกันไม่ได้อีกบางเรื่อง อนึ่ง หากว่ามีการแถลงว่า ?there was a full exchange of views? ก็เท่ากับพูดว่า มิได้มีการตกลงกันแต่อย่างใดทั้งสิ้น [การทูต]
New Diplomacyการทูตแบบใหม่ ภายหลังสงครามโลกครั้งแรก หรือตั้งแต่ ค.ศ. 1918 เป็นต้นมา ได้เกิดการทูตแบบใหม่ ซึ่งแตกต่างไปจาการทูตแบบเก่า อันได้ปฏิบัติกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี นักวิชาการบางท่านมีความเอนเอียงที่จะตำหนิว่า การที่เกิดสงครามโลกขึ้นนั้น เป็นเพราะการทูตประสบความล้มเหลวมากกว่าอย่างไรก็ดี บางท่านเห็นว่าแม้ส่วนประกอบของการทูตจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลา แต่เนื้อหาหรือสาระสำคัญของการทูตยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นการผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่างการทูตแบบเก่ากับการทูตแบบใหม่อาจกล่าวได้ ว่า มีปัจจัยสำคัญ ๆ อยู่สามประการ ที่มีอิทธิพลหรือบังเกิดผลโดยเฉพาะต่อวิธีการหรือทฤษฎีของการเจรจาระหว่าง ประเทศ กล่าวคือ ข้อแรก ชุมชนนานาชาติทั้งหลายเกิดการตื่นตัวมากขึ้น ข้อที่สอง ได้มีการเล็งเห็นความสำคัญของมติสาธารณะ ( Public Opinion) มากขึ้น และประการสุดท้าย เป็นเพราะการสื่อสารคมนาคมได้เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วอดีตนักการทูตผู้มี ชื่อเสียงคนหนึ่งของอินเดีย ได้แสดงความไม่พอใจและรังเกียจความหยาบอย่างปราศจากหน่วยก้านของการดำเนิน การทูตแบบใหม่ เช่น การโฆษณาชวนเชื่อเข้าใส่กัน การใช้ถ้อยคำในเชิงผรุสวาทต่อกัน การเรียกร้องกันอย่างดื้อ ๆ ขาดความละมุนละไมและประณีต อาทิเช่น การเรียกร้องข้ามหัวรัฐบาลไปยังประชาชนโดยตรงในค่ายของฝ่ายตรงกันข้ามการ กระทำต่าง ๆ ที่จะให้รัฐบาลต้องเสียชื่อหรือขาดความน่าเชื่อถือ ตลอดจนการใส่ร้ายป้ายสีกันด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ห้ามไม่ให้ประชาชนติดต่อกันทางสังคม และอื่น ๆ เป็นต้น [การทูต]
Notes in Diplomatic Correspondenceหมายถึง หนังสือหรือจดหมายโต้ตอบทางการทูตระหว่างหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูต (Head of mission) กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่หัวหน้าคณะผู้ แทนทางการทูตนั้นประจำอยู่ หรือกับหัวหน้าผู้แทนทางการทูตอีกแห่งหนึ่ง หนังสือทางการทูตนี้ อาจใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 หรือบุรุษที่ 3 ก็ได้ หนังสือทางการทูตที่ใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 มักจะเกี่ยวกับเรื่องที่มีความสำคัญหรือมีความละเอียดอ่อนกว่าหนังสืออีก ชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า Note Verbale หรือต้องการจะแทรกความรู้สึกส่วนตัวลงไปด้วย หนังสือนี้จะส่งจากหัวหน้า หรือผู้รักษาการแทนหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูต ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือไปถึงหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตอื่น ๆ ไม่เหมือนกับ Note Verbale กล่าวคือ หนังสือทางการทูตนี้จะต้องระบุสถานที่ตั้ง รวมทั้งลงชื่อของผู้ส่งด้วยตามปกติ ประโยคขึ้นต้นด้วยประโยคแรกในหนังสือจะใช้ข้อความว่า ?have the honour? นอกจากจะมีถึงอุปทูตซึ่งมีฐานะตำแหน่งต่ำกว่าอัครราชทูต ถ้อยคำลงท้ายของหนังสือทางการทูตจะมีรูปแบบเฉพาะ เช่น?Accept, Excellency (หรือ Sir), ในกรณีที่ผู้รับมีตำแหน่งเป็นอุปทูต (Charge d? Affaires) the assurances (หรือ renewed assurances ) of my highest (หรือ high ในกรณีที่เป็นอุปทูต ) consideration?หรือ ?I avail myself of this opportunity to express to your Excellency, the assurances ( หรือ renewed assurances) of my highest consideration ?ถ้อยคำที่ว่า ?renewed assurances ? นั้น จะใช้ก็ต่อเมื่อผู้ส่งหนังสือกับผู้รับหนังสือ ได้มีหนังสือติดต่อทางทูตกันมาก่อนแล้ว ส่วนถ้อยคำว่า ?high consideration ? โดยปกติจะใช้ในหนังสือที่มีไปยังอุปทูต ถ้อยคำ ?highest consideration ? จะใช้เมื่อมีไปถึงเอกอัครราชทูต และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ย่อมแล้วแต่ท้องถิ่นด้วย บางแห่งอาจนิยมใช้แตกต่างออกไป และก็จะเคารพปฏิบัติตามท้องถิ่นนั้น ๆ โดยมารยาทส่วนหนังสือที่เรียกว่า Note Verbale หรือ Third person note เป็นหนังสือทางการทูตที่ใช้บ่อยที่สุด หนังสือนี้จะขึ้นต้นด้วยประโยคดังต่อไปนี้?The Ambassador (หรือ The Embassy ) of Thailand presents his (หรือ its ) compliments to the Minster (หรือ Ministry ) of Foreign affairs and has the honour??หนังสือบุรุษที่สาม หรืออาจเรียกว่าหนังสือกลางนี้ ไม่ต้องบอกตำบลสถานที่ ( Address) และไม่ต้องลงชื่อ แต่บางทีในตอนลงท้ายของหนังสือกลางมักใช้คำว่า?The Ambassador avails himself of this opportunity to express to his Excellency the renewed assurances of his highest consideration?มีหนังสือทางการทูตอีกประเภทหนึ่งเรียกว่า Collective note เป็นหนังสือที่หัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตของรัฐบาลหลายประเทศรวมกันมีไปถึง รัฐบาลแห่งเดียว เกี่ยวกับเรื่องที่รัฐบาลเหล่านั้นพร้อมใจกันที่จะร้องเรียน หรือต่อว่าร่วมกัน หัวหน้าคณะทูตทั้งหมดอาจร่วมกันลงนามในหนังสือนั้น หรือ อาจจะแยกกันส่งหนังสือซึ่งมีถ้อยคำอย่างเดียวกันไปถึงก็ได้ [การทูต]
Open Diplomacyคือการทูตแบบเปิดเผย อดีตประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน แห่งสหรัฐอเมริกา เป็นบุคคลที่สนับสนุนและเผยแพร่วิธีการทูตแบบเปิดเผยอย่างเต็มที่ หวังจะให้ชุมชนนานาชาติพร้อมใจกันสนับสนุนการทูตนี้เช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1918 วูดโรว์ วิลสัน ได้ประกาศให้โลกทราบนโยบายของท่าน 14 ข้อ ข้อหนึ่งในจำนวนนั้นท่านปรารถนาว่า ในอนาคตประเทศต่าง ๆ ควรจะทำความตกลงกันเกี่ยวกับเรื่องสันติภาพอย่างเปิดเผย และต่อไปไม่ควรจะมีการเจรจาทำความตกลงระหว่างประเทศแบบลับเฉพาะอย่างใดทั้ง สิ้นแม้ว่าโดยทั่วไปจะเห็นพ้องด้วยกับนโยบายข้อแรกของ วูดโรว์ วิลสัน คือ ความตกลงหรือสนธิสัญญาใด ๆ เมื่อตกลงเสร็จสิ้นแล้ว ให้ประกาศเปิดเผยให้โลกทราบ แต่สำหรับข้องสองคือการเจรจาในระหว่างทำสนธิสัญญาให้กระทำกันอย่างเปิดเผย นั้น ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะเห็นว่าลำพังการเจรจานั้น โดยสารัตถะสำคัญแล้วควรจะถือเป็นความลับไว้ก่อนจนกว่าจะเสร็จการเจรจา ทั้งนี้ เซอร์เดวิด เคลลี่ อดีตนักการทูตอังกฤษเคยให้ทรรศนะว่า การทูตแบบเปิดเผยนั้นเป็นถ้อยคำที่ขัดกันในตัว คือหากกระทำกันอย่างเปิดเผยเสียแล้วก็ไม่ใช่การทูตเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาตรา 102 ของกฎบัตรสหประชาชาติได้บัญญัติว่า ?1. สนธิสัญญาทุกฉบับ และความตกลงระหว่างประเทศทุกฉบับ ซึ่งสมาชิกใด ๆ แห่งสหประชาชาติได้เข้าเป็นภาคี ภายหลังที่กฎบัตรปัจจุบันได้ใช้บังคับ จักต้องจดทะเบียนไว้กับสำนักเลขาธิการโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจักได้พิมพ์ขึ้นโดยสำนักงานนี้ 2. ภาคีแห่งสนธิสัญญา หรือความตกลงระหว่างประเทศเช่นว่าใด ซึ่งมิได้จดทะเบียนไว้ตามบทบัญญัติในวรรคหนึ่งข้อนี้ ไม่อาจยกเอาสนธิสัญญาหรือความตกลงนั้น ๆ ขึ้นกล่าวอ้างต่อองค์กรใด ๆ ของสหประชาชาติ? [การทูต]
Persona non grataเป็นศัพท์ที่ใช้กับนักการทูตหรือผู้แทนทางการทูต ที่ประจำอยู่ในประเทศซึ่งรัฐบาลของประเทศนั้นไม่ปรารถนาให้อยู่ต่อไปอีกแล้ว หลังจากที่ได้ไปประจำทำงานในตำแหน่งอยู่ในประเทศนั้น หรือก่อนหน้าที่นักการทูตผู้นั้นจะเดินทางไปถึงดินแดนของประเทศผู้รับ (Receiving State) นักการทูตที่ถูกประกาศเป็น persona non grata หรือ บุคคลที่ไม่พึงปรารถนานั้น เป็นเพราะสาเหตุดังต่อไปนี้ คือ กล่าวคำดูหมิ่นรัฐบาลของประเทศที่ตนไปประจำอยู่ ละเมิดกฎหมายของบ้านเมืองนั้น แทรกแซงในการเมืองภายในของเขา เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในประเทศของเขา ใช้ถ้อยคำก้าวร้าวต่อประเทศนั้น วิพากษ์ประมุขแห่งประเทศของเขากระทำการอันเป็นที่เสียหายต่อประโยชน์หรือต่อ ความมั่นคงของประเทศ และกระทำการอื่น ๆ ในทำนองนั้นตามปกติรัฐบาลของประเทศเจ้าภาพที่เป็นฝ่ายเสียหายจะขอร้องให้ รัฐบาลผู้ส่ง (Sending government) เรียกตัวนักการทูตผู้กระทำผิดกลับประเทศ ซึ่งตามปกติรัฐบาลผู้ส่งมักจะปฏิบัติตาม รัฐบาลของประเทศผู้เสียหายจะแจ้งให้นักการทูตผู้นั้นทราบว่า รัฐบาลจะไม่ทำการติดต่อเกี่ยวข้องเป็นทางการกับเขาอีกต่อไป หรืออาจจะบอกให้นักการทูตผู้นั้นออกไปจากประเทศโดยไม่เกรงใจแต่อย่างใดก็ได้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในข้อ 9 ดังต่อไปนี้ ?1. รัฐผู้รับอาจบอกกล่าวแก่รัฐผู้ส่งในเวลาใดก็ได้ และโดยมิต้องชี้แจงถึงการวินิจฉัยของตนว่า หัวหน้าคณะผู้แทนหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ไม่พึงโปรด หรือว่าบุคคลอื่นใดในคณะเจ้าหน้าที่ของคณะผู้แทนเป็นที่ไม่พึงยอมรับได้ ในกรณีใดเช่นว่านี้ ให้รัฐผู้ส่งเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นกลับ หรือเลิกการหน้าที่ของผู้นั้นกับคณะผู้แทนเสียก็ได้ตามที่เหมาะสมบุคคลอาจจะ ถูกประกาศให้เป็นผู้ไม่พึงโปรด หรือไม่พึงยอกรับได้ก่อนที่จะมาถึงอาณาเขตของรัฐผู้รับก็ได้ 2. ถ้ารัฐผู้ส่งปฏิเสธ หรือไม่นำพาภายในระยะเวลาอันสมควร ที่จะปฏิบัติตามข้อผูกพันของคนภายใต้วรรค 1 ของข้อนี้ รัฐผู้รับสามารถปฏิเสธที่จะยอมรับนับถือบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นว่าเป็นบุคคล ในคณะผู้แทนก็ได้? [การทูต]
verbatim recordบันทึกการประชุมละเอียด, บันทึกการประชุมทุกถ้อยคำ [การทูต]

ตัวอย่างประโยค จาก Open Subtitles  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
That's the sweetest sentiment these ears have ever heard.ช่างเป็นถ้อยคำหวานซึ้งที่สุด เท่าที่เค้าเคยได้ยินมาเลยนะเนี่ย! Mannequin (1987)
And I'll use small words, so that you'll be sure to understand, you warthog-faced buffoon.และจะพยายามใช้ถ้อยคำไม่มากนัก เพื่อเจ้าจะได้เข้าใจ เจ้าหน้าหมูโสโครก The Princess Bride (1987)
He'd a cliche for every occasion.เขาต้องการถ้อยคำที่เบื่อหู สำหรับทุกโอกาส In the Name of the Father (1993)
"The highest truth on the subject remains unsaid probably cannot be said.สัจธรรมสูงสุดอยู่ข้างบน .... บางทีอาจจะเกินถ้อยคำบรรยาย City of Angels (1998)
Thought of this awesome new phrase.ลองคิดถึงเรื่อง/ถ้อยคำที่ทรงพลังดูสิ Never Been Kissed (1999)
There's nothing you can say but you can learn how to play the gameไม่มีถ้อยคำที่มิอาจขับขาน แต่ก็มาเล่นเกมนี้ด้วยกัน Love Actually (2003)
Monsanto sent the second letter and this was even more strongly worded.และใช้ถ้อยคำที่แข็งกร้าวกว่าเดิม The Corporation (2003)
- something about feeling the words.- บางสิ่งที่บ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกของถ้อยคำ Mr. Monk and the Girl Who Cried Wolf (2004)
Yeah, her words are important.ถ้อยคำเธอช่างมีความหมาย White Noise (2005)
I'm just saying that since you did the work, you shouldn't forget the phrase " walls has ears."ในเมื่อเธอก็ทำงาน ฉันแค่จะบอกว่า เธอไม่ควรลืมถ้อยคำที่ว่า "หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง" Smile Again (2006)
Never forget to be respectful and obey. And trust and follow your parents words..ไม่ลืมที่จะนับถือและเชื่อฟัง และไว้ใจและปฏิบัติตามถ้อยคำของพ่อแม่ Episode #1.3 (2006)
Never forget to be respectful and obey, trust and follow your parent's words all day.ไม่ลืมที่จะนับถือและเชื่อฟัง ไว้ใจและปฏิบัติตามถ้อยคำของพ่อแม่ทุกวัน Episode #1.3 (2006)
Before you speak, Persian know that in Sparta everyone, even a king's messenger is held accountable for the words of his voice....ถ้อยคำที่มันกล่าวได้ บัดนี้ เจ้านำ สารใดมา ดินและน้ำ 300 (2006)
You insult my queen.โอ ข้าพิจารณา ถ้อยคำแล้ว เจ้าเพอร์เชิน 300 (2006)
Your lips can finish what your fingers have started.ต้องใช้มากกว่าถ้อยคำ ของหญิงสาวเมามาย ที่จะเปลี่ยนปรารถนาข้า ไปจากท่าน 300 (2006)
So that is why my king loses sleep and is forced from the warmth of his bed?หญิงเดียว ที่ถ้อยคำนาง จักสะเทือนอารมณ์ แห่งสามีข้า ได้แก่ข้า 300 (2006)
Beautiful night.ท่านสิไม่เคยรักษา ถ้อยคำกับข้า 300 (2006)
The very bed where you attempted to negotiate with me so vigorously?สินบนแห่งเนื้อหนัง คุณชายทั้งหลาย ขณะที่สามีนาง ส่งเสริมอนาธิปไตยและการศึก ถ้อยคำหลุดรั่วได้แม้จาก ชิวหาที่คมคาย 300 (2006)
Now I believe that phrase that you can see with eyes closed.ตอนนี้ ฉันเชื่อในถ้อยคำที่ว่า คุณสามารถเห็นสิ่งนั้นเมื่อยามหลับตา A Millionaire's First Love (2006)
In a word, an art.ในรูปของถ้อยคำ และศิลปะ. Almost Love (2006)
And words fall through me and always fool meถ้อยคำที่พลั่งพลู มักเล่นตลกกับฉันเสมอ Once (2007)
Breaking us down with yourบั่นทอนเราด้วยถ้อยคำที่มีแต่ Once (2007)
Breaking us down with yourบั่นทอนเราด้วยถ้อยคำที่มีแต่ Once (2007)
But it occurs to me many of you don't have the necessary reference points... to fully appreciate these iconic texts of English literature.แต่ครูประจักษ์แจ้งแล้วว่า หลายคนยังหาที่มาที่ไปของมันไม่ได้ จึงอยากเติมเต็มถ้อยคำในต้นฉบับ ในเชิงพรรณาโวหาร The Haunting of Molly Hartley (2008)
It's the word of God, not some morally questionable novel you give us a pop quiz on.ไม่สมควรที่จะนำถ้อยคำพระเจ้า มาคุยสนุกปากเหมือนนิยายทั่วไป The Haunting of Molly Hartley (2008)
I have a definition of the term. But you'll never feel it.ผมมีคำกำจัดความของถ้อยคำนั้น Knight Rider (2008)
- I'd like that on the side, please too. - Okay, coming right up.ผมชื่นชมกับถ้อยคำโน้มน้าวของคุณ Plaisir d'amour (2008)
What a fascinating statement.ช่างเป็นถ้อยคำที่น่าหลงใหล Masterpiece (2008)
That's already become a cliche.ซึ่งกลายมาเป็นถ้อยคำที่นักประพันธ์ชอบใช้จนเกลื่อน Heartbreak Library (2008)
Since the dawn of time storytellers have enchanted audiences with their words.เป็นเวลาเนิ่นนานมาแล้ว... นักเล่าเรื่องทั้งหลายจะสะกดผู้ฟัง ด้วยถ้อยคำของพวกเขา Inkheart (2008)
Sometimes there are no words, no clever quotes to neatly sum up what's happened that day.บางครั้งไม่ต้องพูด หรือหาถ้อยคำเฉียบคมเพื่อบอกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น To Hell... And Back (2009)
Your language, my kids don't need to be exposed.ถ้อยคำที่เธอพูด ลูกของฉัน ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยก็ได้ The Pickle Jar (2009)
I just might if you don't temper your language.ฉันแค่หวังถ้าเธอไม่ใช้\ ถ้อยคำที่โรคจิตของเธอ The Pickle Jar (2009)
Ofcourse that is. - I put my toughts into words, and now my words into action!โอ้ นั่นนะหรอ ผมแปลงความคิดถึงลงเป็นถ้อยคำ และ ผมกำลังเอาถ้อยกวีเหล่านั้นออกมาแสดง Pilot (2009)
We don't always need words to speak to one another.เราไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำที่จะพูดกับอีกคน The Nightmare Begins (2009)
You're good with words.ใช้ถ้อยคำได้เก่ง Shanghai (2010)
You see, I'm not gonna testify against Markus Kane.คุณจะเห็นฉันไม่ gonna ถ้อยคำ against มาคัสเคน Death Race 2 (2010)
Now, when you and Elizabeth enter through the West door, you will be greeted by the hymn "I was glad when they said unto me."กระหม่อมจับเวลาแล้วไม่ถึง 9 นาที ตรวจตราถ้อยคำแล้วพะยะค่ะ ท่านนายกฯ จะมาอยู่กับพระองค์ด้วย ตอนออกอากาศสด The King's Speech (2010)
No, those are the words Of a pacifistไม่ นี่เป็นถ้อยคำของผู้รักความสงบ Duchess of Mandalore (2010)
Ironic words from a man Who spends his days Running hither and yon, ถ้อยคำเยาะเย้ยจากชายผู้เสียเวลากับการวิ่งไปนู่นมานี่ Duchess of Mandalore (2010)
I have been trying to think of something to say, ฉันคิดหาถ้อยคำที่จะพูด Mosley Lane (2010)
You ever given a eulogy?เธอเคยกล่าว ถ้อยคำสรรเสริญ My Bad (2010)
No, it's a figure of speech.ไม่ มันเป็นถ้อยคำแถลง พ่อหมายถึงให้ระวังๆ Countdown (2010)
If you can't express yourself in words, call meถ้าคุณไม่สามารถแสดงตัวเองออกมาเป็นถ้อยคำได้โทรหาผม Love in Disguise (2010)
Yeah, you know. An ironic t-shirt kinda guy.ใช่ แบบว่าเด็กที่ชอบสวมเสื้อยืดสกรีนถ้อยคำแดกดัน Kill Jill (2010)
I don't know what language some of those words are in, but that's what I'm talking about.- ฉันไม่รู้สิ ล้วนเป็นภาษา สรรหาถ้อยคำทั้งนั้น นั่นแหละคือสิ่งที่ผมกำลังพูดถึง Dream Hoarders (2010)
So far, the FMRI has registered truthful on everything he said.จนถึงตอนนี้เครื่องจับเท็จก็ยังยืนยันว่าที่เค้าพูดเป็นความจริงทุกถ้อยคำทั้งหมด Salt (2010)
I can't divine the meaning but i never forgotten the words.ฉันไม่สามารถอธิบายความหมายได้แต่ฉันไม่เคยลืมทุกถ้อยคำ The Chronicles of Narnia: The Voyage of the Dawn Treader (2010)
With these words, Your tongue must sew. For all around there to be snow.ด้วยถ้อยคำนี้ ควรเก็บลิ้นของเธอ ด้วยหิมะจะตกรอบตัวเธอ The Chronicles of Narnia: The Voyage of the Dawn Treader (2010)
- Cliche.-ถ้อยคำที่เบื่อหู Beastly (2011)

Thai-English-French: Volubilis Dictionary 1.0
ประหยัดถ้อยคำ[prayat thøikham] (v, exp) EN: be taciturn  FR: être taciturne ; être taiseux (Belg.)
ถ้อยคำ[thøikham] (n) EN: words ; wording ; diction ; declaration ; statement
ถ้อยคำไพเราะ[thøikham phairǿ] (n, exp) EN: honeyed words
ถ้อยคำสำนวน[thøikham samnūan] (n, exp) EN: idiomatic wording

English-Thai: Longdo Dictionary
deponent(n) ผู้ให้ถ้อยคำเป็นพยาน เช่น In ensuring that the deponent's evidence is recorded in full, the court or the examiner may permit it to be recorded on audiotape.

English-Thai: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
antithesis(n) การใช้ถ้อยคำขัดแย้งกัน
blaspheme(vt) พูดดูหมิ่นหรือสบประมาทศาสนา, See also: กล่าวถ้อยคำหยาบคาย, Syn. defile, desecrate, Ant. honor, revere
eulogy(n) ถ้อยคำสรรเสริญ, See also: ข้อเขียนแสดงความยกย่องสรรเสริญ, Syn. commendation, glorification
euphemism(n) การใช้ถ้อยคำหรือภาษาที่สุภาพนุ่มนวลลดความรุนแรงลง
euphemism(n) ศัพท์หรือภาษาที่นุ่มนวล, See also: ถ้อยคำหรือภาษาที่สุภาพที่ใช้ลดความรุนแรงของความหมายในเชิงไม่สุภาพของคำ เช่น คำที่เกี, Syn. polite term, softened expression
figure(n) การใช้อุปมาอุปมัย, See also: ถ้อยคำสำนวนโวหาร, ความเปรียบ
filth(n) ถ้อยคำลามก, See also: ความลามก
flowery(adj) หรูหรา (ถ้อยคำหรือสำนวน), See also: สละสลวย, Syn. fancy, ornate, Ant. simple, clear
use strong language(idm) ใช้ถ้อยคำรุนแรง, See also: ใช้คำแรงๆ, ใช้คำหยาบ
irony(n) ถ้อยคำแดกดัน, See also: ถ้อยคำเย้ยหยัน, ถ้อยคำถากถาง, Syn. sarcasm, mockery, satire
laudation(n) การสรรเสริญ, See also: การสดุดี, การยกย่อง, ถ้อยคำสรรเสริญ, Syn. praise, commendation
mouthful(n) ถ้อยคำที่ยาวและยากที่จะพูด
obscenity(n) คำพูดหยาบคาย, See also: ถ้อยคำหยาบโลน, Syn. profanity, vulgarism
parol(n) ถ้อยแถลง, See also: ถ้อยคำ
phrase(n) ถ้อยคำ, See also: การใช้ถ้อยคำ, Syn. expression
phrase(vi) ถ่ายทอดด้วยคำพูด, See also: แสดงเป็นคำพูด, ใช้คำพูดหรือถ้อยคำแสดง, Syn. formulate, word
picture(n) ์คำบรรยายที่ทำให้เห็นภาพ, See also: ถ้อยคำพรรณนาทำให้เห็นภาพ, ภาพพจน์, Syn. account, description
rhetoric(n) การใช้ถ้อยคำชักจูงโน้มน้าว, See also: ศิลปการใช้ถ้อยคำ, Syn. eloquence, oratory
rhetoric(n) การใช้ถ้อยคำโอ้อวดเกินเลย, Syn. hypepbole, magniloquence
sesquipedalian(adj) ซึ่งใช้ถ้อยคำยืดยาวมาก, Syn. long, lengthy, polysyllabic, Ant. short
sesquipedalian(n) ี่ถ้อยคำยืดยาวมาก
slang(n) ถ้อยคำที่เป็นภาษาพูดและใช้ในกลุ่มคนบางกลุ่ม, See also: ภาษารหัสของขโมยหรือโจร, คำสแลง, ภาษาสแลง, Syn. cant, argot
speech(n) คำพูด, See also: ถ้อยคำ, คำบรรยาย, คำปราศรัย, สุนทรพจน์, Syn. talk, utterance
sugar(n) คำแสดงความรัก (คำไม่เป็นทางการ), See also: ที่รัก, ถ้อยคำหวาน, Syn. darling, honey, sweetheart
swearword(n) คำสาปแช่ง, See also: คำสบถ, ถ้อยคำที่หยาบคาย, Syn. curse, oath, expletive, profanity
syntax(n) วากยสัมพันธ์, See also: ความสัมพันธ์ระหว่างถ้อยคำในประโยค, โครงสร้างความสัมพันธ์ทางไวยากรณ์, Syn. grammar, linguistics
text(n) ต้นฉบับ, See also: ต้นฉบับเดิม, ถ้อยคำเดิม
textual(n) เกี่ยวกับต้นฉบับหรือถ้อยคำเดิม, See also: ที่เกี่ยวกับข้อความ, Syn. verbal, scriptural
thunder against(phrv) พูดคัดค้านหรือโต้ตอบ (บางคนหรือบางสิ่ง) ด้วยถ้อยคำรุนแรง
verbose(adj) ซึ่งใช้ถ้อยคำมากเกินไป, See also: ซึ่งใช้ภาษาฟุ่มเฟือย, ซึ่งใช้คำมากเกินไป, Syn. wordy, prolix, talkative, Ant. laconic
verbosely(adv) อย่างใช้ถ้อยคำมากเกินไป, Syn. wordily, lengthily, oratorically, talkatively
verboseness(n) การใช้ถ้อยคำมากเกินไป, Syn. loquacity, grarrulity
verbosity(n) การใช้ถ้อยคำมากเกินไป, Syn. wordiness, loquacity, prolixity
voiceless(adj) ไร้เสียง, See also: ใบ้, ไม่พูด, ไม่ออกเสียง, ไม่มีถ้อยคำ, มีเสียงที่ไม่ใช่เสียงร้อง, Syn. speechless, mute, Ant. voiced
weasel word(n) ถ้อยคำคลุมเครือ (คำไม่เป็นทางการ), See also: ถ้อยคำที่กำกวม
wordless(adj) ซึ่งเงียบ, See also: ซึ่งไม่พูด, ซึ่งไม่มีถ้อยคำ, Syn. inarticulate, speechless, silent, Ant. loquacious, talkative
wordlessly(adv) อย่างจนถ้อยคำ, See also: อย่างไร้ถ้อยคำ, Syn. silently
wordlessness(n) การไร้ถ้อยคำ

English-Thai: HOPE Dictionary [with local updates]
antihesis(แอนทีธี' ซิส) n., (pl -ses) การต่อต้าน, ความตรงกันข้าม, การใช้ถ้อยคำที่มีความหมายกลับกัน. -antithe- tic (al) adj., Syn. opposition, negation
babble(แบบ'เบิล) vt., vi. พูดไม่ชัด, พูดพล่าม, พูดไม่เป็นสาระ, พูดจ้อ, เปิดเผยความลับ n. การพูดพล่ามหรือไม่เป็นสาระ, ถ้อยคำไม่เป็นสาระ
boilerplateต้นแบบหมายถึง เอกสารประเภทหนึ่งที่ทำเอาไว้เป็นแบบ เรียกว่า boilerplate document นิยมนำมาใช้ในเวลาที่รีบร้อน ไม่มีเวลาคิดหาถ้อยคำเพราะ ๆ เช่น บัตรเชิญ จดหมายขอบคุณ จดหมายแสดงความยินดี แสดงความเสียใจ หรือ สัญญาต่าง ๆ เมื่อนำมาใช้ ก็เพียงแต่เปลี่ยนข้อความให้เหมาะกับสถานการณ์เท่านั้นมีความหมายเหมือน template
boohoo(บูฮู') { boohooed, boohooing, boohoos } vi. ร้องสะอึกสะอื้น -n. เสียงร้องสะอึกสะอื้น book (บุค) n. หนังสือ, ตำรา, หนังสืออ้างอิง, คัมภีร์, ภาค, เล่ม, แบบ, สมุดบัญชี, เนื้อเพลง, บทละคร, ถ้อยคำ, สมุดเช็ค, สมุดแสตมป์, สมุดรายชื่อ, สมุดบันทึก, บัญชี, บันทึก, บัญชีพนัน vt. ลงบัญช
cant(แคนทฺ) n. ข้อความเท็จ, คำพูดเท็จ, คำพูดปากหวานก้นเปรี้ยว, ถ้อยคำพิเศษที่ใช้เฉพาะในหมู่ชนหนึ่ง ๆ , ภาษาวิชาชีพ, การพูดเป็นเพลง, ความเอียง vi. พูดแบบปากหวานแต่ก้นเปรี้ยว, พูดเป็นเพลง, Syn. hypocrisy
chapter and versen. (การอ้าง) ถ้อยคำในบท, หลักฐาน
context(คอน'เทคซฺทฺ) n. คำอรรถาธิบาย, ตอนต้นหรือตอนต่อจากคำหรือถ้อยคำ, สิ่งแวดล้อม, See also: contextual adj. ดูcontext, Syn. circumstance -Conf. point
couch(เคาชฺ) { couched, couching, couches } n. ที่นอน, เก้าอี้นอน, เก้าอี้ยาว, ถ้ำสัตว์. vt. ทำให้นอนลง, เอนลง, ขจัดออก, แสดงด้วยถ้อยคำ, เขียนด้วยคำพูด vi. นอนลง, ก้มลง, หมอบ, กอง, Syn. express
ellipsis(อิลิพ'ซิส) n., (pl. ellipses) การตัดคำทิ้งจากประโยค, วิธีการเว้นคำหรือถ้อยคำไว้เข้าใจเอง, เครื่องหมายเว้นคำ " ", "....."
epilog(เอพ'พะลอก) n. ถ้อยคำส่งท้าย, ตอนส่งท้าย, เพลงส่งท้าย, ปัจฉิมกถา -vt. จัดให้มีถ้อยคำส่งท้าย., See also: epilogist n. ดูepilog
epilogue(เอพ'พะลอก) n. ถ้อยคำส่งท้าย, ตอนส่งท้าย, เพลงส่งท้าย, ปัจฉิมกถา -vt. จัดให้มีถ้อยคำส่งท้าย., See also: epilogist n. ดูepilog
euphemism(ยู'ฟะมิสซึม) n. การใช้ถ้อยคำหรือภาษาที่สละสลวย, See also: euphemist n. ดูeuphemism euphemistic adj. ดูeuphemism euphemistical adj. ดูeuphemism
euphuism(ยู'ฟิวอิสซึม) n. สำนวนโวหารหรือถ้อยคำที่สละสลวยหรือหยดย้อยเกินไป, See also: euphuist n. ดูeuphuism euphuistic adj. ดูeuphuism euphuistical adj. ดูeuphuism
felicitous(ฟีลิส'ซิทัส) adj. เหมาะสม, ถูกกาลเทศะ, เป็นมงคล, ใช้ถ้อยคำหรือสำนวนที่เหมาะสม, สุข., See also: felicitousness n., Syn. apt, timely, Ant. inappropriate
irony(ไอ'ระนี, ไอ'เรอนี) n. การเหน็บแนม, การเย้ยหยัน, ถ้อยคำที่เหน็บแนม, Syn. satire, sarcasm
lampoon(แลมพูน') n. ถ้อยคำเหน็บแนมอย่างรุนแรง vt. ถากถางอย่างรุนแรง., See also: lampooner n. ดูlampoon n. lampoonist n. ดูampoon lampoonery n. ดูlampoon, Syn. abuse, satire, satirize
magniloquent(แมกนิล'ละเควนทฺ) adj. โอ้อวด, อวดอ้าง, คุยโว, ฟุ้งเฟ้อในถ้อยคำ.
message(เมส'ซิจฺ) n. สาร, ข่าวสาร, ข่าวคราว, จุดหมายหรือคำพูดที่ฝากไปให้บุคคลอื่น, ความหมาย, ถ้อยคำ (โทรเลขหรือโทรศัพท์)
phrase(เฟรส) n. วลี, กลุ่มคำศัพท์, ถ้อยคำ, โวหาร, คำพูด, คำคม, คำพังเพย, สำนวน, คำคุยโว, การใช้ถ้อยคำ vt. ใช้ถ้อยคำ, แสดงโวหาร, ประจบ, Syn. expressioin, catchword, word
phraseology(เฟรสซีออล'โลจี) n. สำนวน, โวหาร, ลักษณะการใช้ถ้อยคำหรือวลี, ภาษาเฉพาะ, ถ้อยคำ, การใช้ถ้อยคำ, ถ้อยคำทั้งหลายที่ใช้ประจำ., See also: phraseological adj.
profanity(โพรแฟน'นิที) n. ความหยาบคาย, ถ้อยคำที่หยาบคาย, การกระทำหรือการพูดที่หยาบคาย, การทำลายความศักดิ์สิทธิ์, การสาปแช่ง, Syn. irrevertence
pronunciation(พระนันซิเอ'เชิน) n. การออกเสียง (คำพูด, ถ้อยคำวลีและอื่น ๆ) , วิธีการออกเสียง, See also: pronunciational adj. pronunciatory adj. pronunciative adj.
prose(โพรซ) n. ร้อยแก้ว, สำนวนหรือถ้อยคำที่ไม่ใช่โครง กลอน ฉันท์ กาพย์, ข้อความที่จืดชืดที่น่าเบื่อ, การขับร้องต่อ. adj. เกี่ยวกับ prose, จืดชืด, ธรรมดาvt.เขียนร้อยแก้ว, เขียนปกิณกะ
proverb(พรอฟ'เวิร์บ) n. สุภาษิต, คติพจน์, ถ้อยคำที่มีการกล่าวถึงเสมอ, คำพังเพย, บุคคลหรือสิ่งกล่าวถึงบ่อย ๆ จนขึ้นชื่อ, Syn. aphorism, apothegm
prudery(พรู'ดะรี) n. ความเจ้าระเบียบ, ความพิถีพิถันเกินไป, การกระทำหรือถ้อยคำที่พิถีพิถันเกินไป, Syn. priggishness
revile(รีไวลฺ') vt., vi. ต่อว่า, ด่า, ประจาน, พูดเสียดสี, ใช้ถ้อยคำหยาบคาย, See also: revilement n. reviler n. revilingly adv.
reword(รีเวิร์ดฺ') vt. ใช้ถ้อยคำใหม่, เปลี่ยนสำนวนใหม่, กล่าวซ้ำ, Syn. recast
rhapsodic(แรพซอด'ดิค) adj. ใช้ถ้อยคำที่หรูหราและฟุ่มเฟือย, คลั่งไคล้, กระตือรือร้นเกินไป, ปิติยินดีเหลือล้น, See also: rhapsodically adv., Syn. rhapsodical.
rhapsody(แรพ'โซดี) n. การใช้ถ้อยคำที่หรูหราและฟุ่มเฟือย, บทเพลงอิสระ, Syn. paean
rhetoric(เรท'เทอริค) n. ศิลปะการใช้ถ้อยคำ, วาทศิลป์, เชิงสำนวน, ศิลปะในการพูดชักจูงใจคน, เชิงคุยโว, เชิงโวหาร, Syn. expressiveness, bombast
shape(เชพ) n. สัณฐาน, รูป, รูปแบบ, รูปโฉม, ร่าง, รูปร่าง, โฉม, ทรวดทรง, การกำหนดสัณฐาน (รูป, รูปแบบ, รูปโฉม..) การจัดอย่างมีระเบียบ, การซ่อมแซม, วิถีทางชีวิต, สภาพการณ์, เครื่องอาภรณ์แสดงละคร, -Phr. (take shape ก่อร่าง, เป็นรูปเป็นร่างขึ้น) vt., vi. ก่อร่าง, แสดงออกเป็นถ้อยคำ
speechless(สพีชฺ'ลิส) adj. เงียบอึ้ง, ไม่พูด, พูดไม่ออก, เป็นใบ้, ไม่มีถ้อยคำ, ไม่มีการกล่าวสุนทรพจน์, ไม่สามารถจะถ่ายทอดเป็นคำพูดได้., See also: speechlessness n.
substantive(ซับสแทน'ทิฟว) n., adj. (เกี่ยวกับ) คำนาม, สรรพนาม, ถ้อยคำที่ใช้แทนคำนาม, อิสระ, มีการอยู่อย่างอิสระ, สำคัญ, แท้จริง, ธาตุแท้, มีแก่นสาร, มากมาย, ยิ่งใหญ่, (สีย้อม) ย้อมสีได้โดยไม่ต้องมีตัวเสริม., See also: substantival adj. substantiveness n.
superlative(ซะเพอ'ละทิฟว) adj. สูงสุด, สุดยอด, เกินไป, มากไป, เกี่ยวกับคุณศัพท์เปรียบเทียบหรือกริยาวิเศษณ์เปรียบเทียบสูงสุด n. ผู้อยู่สูงสุด, ผู้ที่ดีที่สุด, ระดับสูงสุด, แบบยอดเยี่ยม, ถ้อยคำวิจารณ์สุดขีด., See also: superlativeness n. -S...
synonym(ซิน'นะนิม) n. คำพ้อง (ในภาษาเดียวกัน) คำที่มีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน, คำหรือถ้อยคำที่เป็นอีกชื่อหนึ่งของบางสิ่งบางอย่าง., See also: synonymic adj. synonymical adj. synonymity n.
textual(เทคซฺ'ชวล) adj. เกี่ยวกับต้นฉบับหรือถ้อยคำเดิม, เกี่ยวกับใจความ, เกี่ยวกับข้อความในพระคัมภีร์ไบเบิล, Syn. literal
verbiage(เวอ'บิอิจฺ) n. คำพูดน้ำท่วมทุ่ง, ภาษาน้ำท่วมทุ่ง, การใช้คำมากเกินไป, วิธีการหรือลีลาการแสดงถ้อยคำ., Syn. prolixity
verbose(เวอโบส') adj. ใช้คำมากเกินไป, ใช้ถ้อยคำมากเกินไป, ใช้คำหรือคำพูดแบบน้ำท่วมทุ่ง, มีคำมาก, See also: verbosity, verboseness n., Syn. prolix, wordy
voiceless(วอยซฺ'ลิส) adj. ไร้เสียง, ใบ้, ไม่พูด, ไม่ออกเสียง, ไม่มีถ้อยคำ, มีเสียงที่ไม่ใช่เสียงร้อง, See also: voicelessness n.
weasel word(s) n. ถ้อยคำที่หลบหลีก, ถ้อยคำที่คลุมเครือ, See also: weaselworded adj.
wonderment(วัน'เดอะเมินทฺ) n. คำพูดที่น่าพิศวง, ถ้อยคำที่น่าพิศวง, เหตุที่น่าสงสัย, เรื่องที่น่าสงสัย
word(เวิร์ด) n. คำ, คำศัพท์, คำพูด, ถ้อยคำ, ศัพท์, ศัพท์โดด ๆ , ภาษา, เนื้อเพลง vt. แสดงออกเป็นคำพูด, ทำให้เป็นคำพูด words คำพูดถ้อยคำ, คำสนทนา, เนื้อเพลง, การออกเสียง, คำสัญญา, คำมั่น, คำผ่าน, คำสั่ง, คติพจน์, -Phr. (in a word โดยสรุป)
wordless(เวิร์ด'ลิส) adj. เงียบ, ไม่พูด, ไม่มีถ้อยคำ, พูดไม่ออก, ติดต่อกันด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่การพูดหรือถ้อยคำ, wordlessly adv., See also: wordlessness n., Syn. speechless, silent
would(วูด) v. กริยาช่อง 2 และ 3 ของ will (ใช้แสดงความหวัง) เช่นI would it were true (ใช้แทนที่willเพื่อตั้งคำถามหรือแสดงถ้อยคำอ้อม ๆ) เช่นWould you be so kind?
yell(เยล) vi., vt., n. (การ) ตะโกน, โห่, ร้อง, แผดเสียง, ถ้อยคำที่ใช้ร้องเชียร์, Syn. cry out, bellow

English-Thai: Nontri Dictionary
euphemism(n) การใช้ถ้อยคำสุภาพ, การใช้ภาษาสละสลวย
language(n) ภาษา, ถ้อยคำ
message(n) ข่าวสาร, ความหมาย, ถ้อยคำ
phrase(vt) ใช้ถ้อยคำ, ใช้โวหาร
phraseology(n) การใช้ถ้อยคำ, สำนวนโวหาร, ภาษาเฉพาะ

English-Thai: Longdo Dictionary (UNAPPROVED version -- use with care )  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
antitheistic(adj) ที่เป็นการเปรียบเทียบ, ซึ่งเกี่ยวกับการต่อต้าน/ การใช้ถ้อยคำที่มีความหมายตรงข้าม
deponent(n) ผู้ให้ถ้อยคำ
Deverbalism (deverbalisme)(n) (ศัพท์เฉพาะทฤษฎีการแปล) การไม่ยึดติดถ้อยคำในภาษาต้นฉบับ ผู้แปลควรถอยออกห่างจากข้อความแล้วพิจารณาสาระสำคัญของข้อความนั้นๆ ใหม่ ก่อนที่จะแปลให้เป็นธรรมชาติหรือให้เป็นวาทกรรมที่ดีในภาษาปลายทาง
hashtag(n, uniq) ดัชนีถ้อยคำ, เครื่องหมาย # นำหน้าอักษร, keywords

Japanese-Thai: Longdo Dictionary (UNAPPROVED version -- use with care )  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
文句[もんく, monku] (n) - ถ้อยคำ, วลี - คำติ, คำต่อว่า, See also: R. 文句を言う
格好[かっこう, kakkou] (n, vi, vt) (เชพ) n. สัณฐาน, รูป, รูปแบบ, รูปโฉม, ร่าง, รูปร่าง, โฉม, ทรวดทรง, การกำหนดสัณฐาน (รูป, รูปแบบ, รูปโฉม..) การจัดอย่างมีระเบียบ, การซ่อมแซม, วิถีทางชีวิต, สภาพการณ์, เครื่องอาภรณ์แสดงละคร, -Phr. (take shape ก่อร่าง, เป็นรูปเป็นร่างขึ้น) vt., vi. ก่อร่าง, แสดงออกเป็นถ้อยคำ

เพิ่มคำศัพท์


ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ


Are you satisfied with the result?



Discussions

ว่าด้วยโฆษณา
เราทราบดีว่าท่านผู้ใช้คงไม่ได้อยากให้มีโฆษณาเท่าใดนัก แต่โฆษณาช่วยให้ทาง Longdo เรามีรายรับเพียงพอที่จะให้บริการพจนานุกรมได้แบบฟรีๆ ต่อไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Go to Top