ผลลัพธ์การค้นหาสำหรับ

*กถา*

   
ภาษา
Dictionaries languages

English Phonetic Symbols




Chinese Phonetic Symbols


ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: กถา, -กถา-
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่
ปรับการตั้งค่า
Dictionaries languages

English Phonetic Symbols




Chinese Phonetic Symbols


Thai-English: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
กถา(n) words, See also: statement, speech, talk, mention, Syn. ถ้อยคำ, เรื่อง, คำอธิบาย, คำกล่าว, Example: พระเป็นผู้กล่าวกถาในงานทำบุญบ้าน
กถามุข(n) preface, See also: introduction, foreword, Syn. ความนำ, คำนำ, Example: หลวงพ่อท่านมักจะเขียนบทความเผยแพร่ความรู้ในทางที่ท่านถนัดเป็นต้นว่า กถามุข ปฎิจจสมุปบาท กหังปายา, Thai Definition: เบื้องต้นของเนื้อเรื่อง
ซักถา(v) question, See also: interrogate, inquire, ask, Syn. ไต่ถาม, ซักไซ้, Ant. ตอบ, Example: นักเรียนซักถามอาจารย์เรื่องการหักเหของแสงในน้ำ
ถากถา(v) lampoon, Syn. ค่อนว่า, Example: สมภพถากถางอดีตคู่หมั้นด้วยคำพูดที่เจ็บแสบ, Thai Definition: มีเจตนาว่าให้เจ็บใจ
ปาฐกถา(n) speech, See also: sermon, lecture, Syn. คำปาฐกถา, Example: เมื่อกลับมาแล้วท่านให้พวกเราเที่ยวพูดปาฐกถาอภิปรายในแง่ต่างๆ แสดงถึงความสำคัญของเมืองสุโขทัยโบราณ, Count Unit: ครั้ง, คราว, Thai Definition: ถ้อยคำหรือเรื่องราวทางวิชาการที่กล่าวหรือบรรยายในที่ชุมนุมหรือในห้องเรียนขั้นอุดมศึกษา
ปาฐกถา(v) lecture, See also: make a speech, Syn. บรรยาย, Example: นักวิชาการกำลังปาฐกถาเรื่องบทบาทของนักวิชาการต่อการบริหารประเทศ, Thai Definition: การกล่าวถ้อยคำหรือเรื่องราวทางวิชาการที่กล่าวหรือบรรยายในที่ชุมนุมหรือในห้องเรียนขั้นอุดมศึกษา, Notes: (บาลี)
ธรรมกถา(n) gospel, See also: sermon, homily, religious discourse, Count Unit: บท, Thai Definition: การกล่าวธรรม, ถ้อยคำที่เป็นธรรม, Notes: (บาลี/สันสกฤต)
อรรถกถา(n) exegesis, See also: commentary, Example: เขาชอบอ่านอรรถกถาเหล่านั้นก่อนนอนทุกคืน, Thai Definition: คัมภีร์ที่อธิบายความพระบาลี, คัมภีร์ที่ไขความพระไตรปิฎก
ข้อซักถา(n) question, See also: query, Example: ฝ่ายบริหารของกทม.ได้มีการตอบชี้แจงข้อซักถามของสมาชิกสภากทม.ในทุกๆ ประเด็นจนมีความกระจ่างชัด, Thai Definition: คำถาม, ประเด็นหรือเรื่องที่ต้องการคำตอบ
พูดถากถา(v) say ironically, See also: say satirically, say sarcastically, Syn. พูดเหน็บแนม, Example: ผู้คนในซอยพูดถากถางหล่อนว่า ชอบแย่งสามีคนอื่น แต่เธอก็ไม่เคยโกรธ, Thai Definition: ค่อนว่า, หรือพูดมีเจตนาว่าให้เจ็บใจ
อารัมภกถา(n) preface, See also: introduction, foreword, Syn. อารัมภบท, คำปรารภ, คำเริ่มต้น, คำนำ, บทนำ, Ant. คำลงท้าย, Example: เขาเริ่มอารัมภกถาคำปราศรัยของเขาด้วยภาษิตบทหนึ่ง
อรรถกถาจารย์(n) exegete, See also: commentator, Example: เขาเป็นเพียงอรรถกถาจารย์แต่งแก้และขยายความจากปรัชญาของเฮเกลเท่านั้น, Thai Definition: อาจารย์ผู้แต่งอรรถกถา
เยาะเย้ยถากถา(v) ridicule, See also: satirize, mock, jeer at, Syn. เย้ยหยัน, ค่อนขอด, แดกดัน, Example: ปรกติเขาชอบเยาะเย้ยถากถางผู้อื่นเสมอ

ไทย-ไทย: พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔
กถา(กะ-) น. ถ้อยคำ, เรื่อง, คำอธิบาย, คำกล่าว.
กถามรรค(-มัก) น. ลาดเลาแห่งกถา ได้แก่เรื่องที่แต่งตามอัตโนมัติของผู้แต่งว่าด้วยธรรมนั้น ๆ.
กถามรรคเทศนา(-มักคะเทดสะหฺนา) น. เทศนาฝ่ายกถามรรค, คู่กับ สุตตันตเทศนา.
กถามุขน. เบื้องต้นของเนื้อเรื่อง, ข้อความนำเรื่อง.
ขุดด้วยปากถากด้วยตาก. แสดงอาการเหยียดหยามทั้งด้วยวาจาและสายตา.
ซักถาก. ถามและไล่เลียงให้ตอบ.
ถากถาก. ค่อนว่า, มีเจตนาว่าให้เจ็บใจ.
ธรรมกถาน. การกล่าวธรรม, ถ้อยคำที่เป็นธรรม.
ปาฐกถา(-ถะกะถา) น. ถ้อยคำหรือเรื่องราวที่บรรยายในที่ชุมนุมชนเป็นต้น.
ปาฐกถา(-ถะกะถา) ก. บรรยายเรื่องราวในที่ชุมนุมชนเป็นต้น.
สัมโมทนียกถา(สำโมทะนียะกะถา) น. ถ้อยคำที่แสดงความชื่นชมยินดี เป็นที่ชุ่มชื่นใจแก่ผู้ฟังหรือผู้อ่าน.
อรรถกถา(อัดถะกะถา) น. คัมภีร์ที่อธิบายความพระบาลี, คัมภีร์ที่ไขความพระไตรปิฎก.
อรรถกถาจารย์น. อาจารย์ผู้แต่งอรรถกถา.
อารัมภกถา, อารัมภบทน. คำปรารภ, คำเริ่มต้น, คำนำ.
กรรมชวาต(กำมะชะวาด) น. ลมเกิดแต่กรรม คือ ลมเกิดในครรภ์เวลาคลอดบุตร ได้แก่ ลมเบ่ง เช่น พอถึงพระหัตถ์พระราชเทวีก็ทรงจับเอากิ่งรัง พอเกิดลมกรรมชวาตหวั่นไหวประชวรพระครรภ์ (ปฐมสมโพธิกถา), เขียนเป็น กรรมัชวาต ก็มี.
กระเห่อก. เห่อ เช่น คนห่ามกระเห่อทำ อวดรู้ (พระนลคำหลวง อารัมภกถา).
กรุกกรักว. เสียงดังกุกกัก เช่น ได้ยินเสียงกรุกกรักก็ทักถาม (ม. ร่ายยาว ชูชก).
กวะกวัก(กฺวะกฺวัก) ก. กวัก เช่น กวะกวักคือกวักทักถาม (สรรพสิทธิ์).
แจ๋วดีเยี่ยม เช่น ปาฐกถาวันนี้แจ๋ว.
ชีรณ-, ชีรณะ(ชีระนะ-) ว. เก่า, แก่, ชำรุด, ยุ่ย, ย่อย, โบราณ เช่น ชีรณกถา ว่า นิทานโบราณ, ชีรณฎีกา ว่า ฎีกาโบราณ.
ซอกแซกก. ไปทั่วทุกแห่งทุกที่ที่ต้องการจะไปหรือที่คนอื่นไม่คิดจะไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในความว่า ซอกแซกไป, เสาะค้นขึ้นมาถามในเรื่องที่ต้องการจะรู้หรือเรื่องที่คนอื่นไม่คิดจะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในความว่า ซอกแซกถาม.
ซัก ๒ก. ไล่เลียงให้กระจ่างแจ้ง เช่น ทนายซักพยาน ซักถาม.
ซักฟอก ๒ก. ซักถามให้ได้ความจะแจ้ง.
ฎีกาชื่อคัมภีร์หนังสือที่แก้หรืออธิบายคัมภีร์อรรถกถา
ตราชู(ตฺรา-) น. เครื่องชั่งชนิดที่มีถาดชั่งห้อยอยู่ ๒ ข้างคันชั่งหรืออยู่ที่ปลายคาน ๒ ข้างของคันชั่ง ถาดหนึ่งสำหรับใส่ของที่จะชั่ง อีกถาดหนึ่งใส่ตุ้มน้ำหนักมาตรฐาน จนตุ้มน้ำหนักสมดุลกับของที่ชั่ง และคานอยู่ในระนาบ.
ตรีทศน. เทวดา ๓๓ องค์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์, ในคัมภีร์อรรถกถาธรรมบทหมายถึง พระอินทร์และเทวดาผู้ใหญ่อีก ๓๒ องค์, ไตรทศ ก็เรียก.
ติมิน. ชื่อปลา ๑ ใน ๗ ตัว ในหนังสือไตรภูมิกถา.
ติมิงคละ(-คะละ) น. ชื่อปลา ๑ ใน ๗ ตัว ในหนังสือไตรภูมิกถา.
ติมินทะน. ชื่อปลา ๑ ใน ๗ ตัว ในหนังสือไตรภูมิกถา.
ติมิรปิงคละ(ติมิระปิงคะละ) น. ชื่อปลา ๑ ใน ๗ ตัว ในหนังสือไตรภูมิกถา.
ไตรทศ(-ทด) น. เทวดา ๓๓ องค์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์, ในคัมภีร์อรรถกถาธรรมบทหมายถึง พระอินทร์และเทวดาผู้ใหญ่อีก ๓๒ องค์, ตรีทศ ก็ว่า.
ถา ๑ก. ถลา, บินโฉบลงมา, เช่น นกถาไปเกาะกิ่งไม้
ถาบตบ, ตี, เช่น นกถาบปีก, ทาบ ก็ใช้.
ถามค้านก. การที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งซักถามพยาน เมื่อคู่ความฝ่ายที่อ้างพยานได้ซักถามพยานเสร็จแล้ว, ซักค้าน ก็ใช้.
ถามติงก. การที่คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานซักถามพยานอีกครั้งหนึ่ง เมื่อคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งถามค้านพยานเสร็จแล้ว.
ทุตวิลัมพิตมาลา(ทุตะวิลำพิตะ-) น. ชื่อฉันท์วรรณพฤติ กำหนดด้วย ๔ คณะ คือ น ภ ภ ร (ตามแบบว่า ทุตวิลมฺพิตมาห นภา ภรา) ตัวอย่างว่า ชินกถาคณนา วนิดาประมาณ พฤศติเพธพิสดาร อดิเรกภิปราย.
ธาตุ ๒ชื่อคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาซึ่งว่าด้วยธาตุ เช่น ธาตุกถา ธาตุปาฐ. (ป., ส.)
บแรง, บ่แรงก. ไม่มีกำลัง, ไม่ไหว, เช่น มีลางสิ่งกินอันบ่แรงหลักถานเขา เนื้ออันบ่แรงนั้นกลัวเขา ก็แล่นไปเร้นที่ลับ (ไตรภูมิ).
ประชุมก. มารวมกันหรือเรียกให้มารวมกันเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง, มาร่วมพบกันเพื่อปรึกษาหารือ, เช่น ประชุมกรรมการ, โดยปริยายใช้หมายถึงเอาสิ่งที่เป็นประเภทเดียวกันมารวมกัน เช่น ประชุมพงศาวดาร ประชุมปาฐกถา, บางทีใช้หมายความอย่างเดียวกับชุมนุม เช่น ประชุมพระบรมราชาธิบาย ประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔.
ปาฐก(ปาถก-) น. ผู้แสดงปาฐกถา.
มนิมนา, มนีมนา(มะนิมมะนา, มะนีมมะนา) ว. เร็ว, ด่วน, ขมีขมัน, เช่น ก็มนิมนาการมาสู่สาลวัน (ปฐมสมโพธิกถา).
มหาติมิระน. ชื่อปลา ๑ ใน ๗ ตัว ในหนังสือไตรภูมิกถา.
ยังเลยใช้เป็นคำปฏิเสธกริยาที่ถูกถามอย่างสิ้นเชิง เช่น ถามว่า อ่านหรือยัง ตอบว่า ยังเลย.
ร้อยแก้วน. ความเรียงที่สละสลวยไพเราะเหมาะเจาะด้วยเสียงและความหมาย เช่น ปฐมสมโพธิกถา, งานเขียนทั่ว ๆ ไปที่ไม่ใช่ร้อยกรอง.
ไล่ภูมิก. ซักถามเพื่อสอบพื้นความรู้.
ว่าความก. ดำเนินคดีหรือต่อสู้คดีในศาลอย่างทนายความ เช่น ทำคำฟ้อง คำให้การ ซักถามพยาน
สอบปากคำก. ซักถามเพื่อให้บุคคลให้การโดยพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ เช่น สอบปากคำพยาน สอบปากคำผู้ต้องหา, กฎหมายใช้ว่า ถามปากคำ.
สอบปากเปล่าก. สอบโดยวิธีซักถามให้ตอบด้วยวาจา.
สอบพยานก. ซักถามพยานเพื่อหาข้อเท็จจริง.
สะอึกโดยปริยายหมายความว่า ชะงักงัน เช่น พอถูกถามปัญหาแทงใจดำเข้าก็สะอึกทันที.

อังกฤษ-ไทย: ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน [เชื่อมโยงจาก orst.go.th แบบอัตโนมัติและผ่านการปรับแก้]
lampoonถ้อยถากถา[วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕]
scandalous statementข้อความถากถา[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
chief, examination inการซักถามพยาน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
chemical remanent magnetisationการเป็นแม่เหล็กถาวรเคมี [ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖]
demurrer to interrogatoriesการคัดค้านคำซักถา[นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
epilogueปัจฉิมกถา, ปัจฉิมบท [วรรณกรรม ๖ มี.ค. ๒๕๔๕]
examination in chiefการซักถามพยาน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
examination๑. การถาม, การซักถาม, การไต่สวน๒. การชันสูตร [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
interpellationการตั้งกระทู้ถาม, การซักถาม, การถามแทรก [ ดู interrogation ประกอบ ] [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
interrogationการซักถาม, ข้อถาม [ ดู interpellation ประกอบ ] [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
interrogation๑. การซักถาม (ก. ทั่วไป)๒. กระทู้ถาม (ก. รัฐธรรมนูญ) [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]

อังกฤษ-ไทย: คลังศัพท์ไทย โดย สวทช.
Frequently Asked Questionsคำถามที่ถูกถามบ่อย [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์]
Permanent magnet motorมอเตอร์แม่เหล็กถาวร [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี]
Examination of witnessesการซักถามพยาน [TU Subject Heading]
Nettiatthakathเนตติอรรถกถา [TU Subject Heading]
Amendments to the Charter of the United Nationsการแก้ไขกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรของสหประชาชาตินั้น เปิดโอกาสให้มีการแก้ไขได้โดยสมัชชาสหประชาชาติหรือโดยที่ประชุมใหญ่ (General Conference) ของสมาชิกสหประชาชาติ ซึ่งอาจจะประชุมกัน ณ วันเวลาและสถานที่ตามแต่จะมีการตกลงกัน โดยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ส่วนของสมัชชาใหญ่ และโดยคะแนนเสียงของสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงใด ๆ 7 เสียง ในที่ประชุมใหญ่นั้น สมาชิกแต่ละประเทศของสหประชาชาติจะมีเสียงลงคะแนน 1 เสียงการที่จะแก้ไขกฎบัตรสหประชาชาติให้เป็นผลสำเร็จ จะต้องได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกเป็นจำนวน 2 ใน 3 ส่วนของสมาชิกทั้งหมดในสมัชชาหรือจากที่ประชุมใหญ่ เมื่อการแก้ไขกฎบัตรเป็นที่รับรองแล้ว จะมีผลบังคับต่อสมาชิกทั้งหมดของสหประชาชาติ ก็ต่อเมื่อได้รับการสัตยาบันจากสมาชิก 2 ใน 3 ส่วนของจำนวนทั้งหมด รวมทั้งการรับรองจากสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงด้วยอาทิเช่น ในสมัยประชุมที่ 18 ของสมัชชาใหญ่ การแก้ไขกฎบัตรได้รับการรับรองเห็นชอบด้วย โดยผ่านข้อมติที่ 1991 (XVII) ในการแก้ไขครั้งนี้ได้เพิ่มจำนวนสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงจาก 11 เป็น 15 คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมจาก 18 เป็น 27 ประเทศ การแก้ไขดังกล่าวได้รับการลงมติรับรองเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1963 ในปัจจุบันนี้ ประเทศสมาชิกเป็นจำนวนมากกำลังเรียกร้องให้มีการปรับจำนวนสมาชิกถาวรของคณะ มนตรีความมั่นคงเสียใหม่ [การทูต]
Great Powersประเทศมหาอำนาจ รัฐที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นประเทศมหาอำนาจ คือรัฐที่มีอำนาจอิทธิพลครอบงำในกิจการระหว่างประเทศ ไม่มีกฎหมายใดๆ ที่จะกำหนดว่าประเทศนั้น ประเทศนี้มีสถานภาพเป็นมหาอำนาจ หากเป็นเพียงเพราะรัฐนั้นๆ มีขนาด พละกำลัง และอำนาจอิทธิพลทางเศรษฐกิจเป็นพื้นฐาน และจะสังเกตได้ว่า สถานะของกลุ่มประเทศมหาอำนาจเช่นนี้ก็จะเปลี่ยนแปลงได้บ่อยๆ เช่น ในสมัยการประชุมคองเกรสแห่งเวียนนาในปี ค.ศ. 1815 ประเทศมหาอำนาจในสมัยนั้นได้แก่ อังกฤษ ออสเตรีย ฝรั่งเศส ปอร์ตุเกส ปรัสเซีย สเปน สวีเดน และรัสเซีย หลังจากนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่เกี่ยวกับพละกำลังของประเทศมหาอำนาจ คือก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ หนึ่ง ประเทศที่จัดว่าเป็นมหาอำนาจในตอนนั้นคือ อังกฤษ ฮังการี ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ในทวีปยุโรป รวมทั้งสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่นอกยุโรป เมื่อตอนสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศที่เป็นมหาอำนาจได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ โซเวียตรัสเซีย ฝรั่งเศส และจีน พึงสังเกตด้วยว่า องค์การสหประชาชาติได้ถือว่า ประเทศทั้ง 5 นี้มีอำนาจและมีความสำคัญมากที่สุดในขณะนั้น ทั้ง 5 ประเทศนี้ต่างเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ ซึ่งมีอำนาจใช้สิทธิยับยั้ง (Veto) ในที่ประชุม ซึ่งในปัจจุบันก็ยังปฏิบัติเช่นนั้นอยู่ [การทูต]
Multiple Representationคือการเป็นตัวแทนประจำประเทศต่าง ๆ มากกว่าหนึ่งแห่ง ตามหลักทั่วไป รัฐหนึ่งจะแต่งตั้งบุคคลหนึ่งให้ไปประจำเพียงรัฐเดียวในตำแหน่งเอกอัคร ราชทูต แต่มาในทุกวันนี้ เนื่องจากงบประมาณของประเทศมีจำกัด จึงเป็นธรรมเนียมแพร่หลายที่จะตั้งให้เอกอัครราชทูตคนเดียวไปประจำปลาย ประเทศได้ในเวลาเดียวกัน ยกเว้นแต่ว่ารัฐผู้รับหนึ่งใดจะแสดงการคัดค้านอย่างแจ้งชัดเอกอัครราชทูตคน เดียวกัน ซึ่งไปประจำอยู่หลายประเทศนั้น จะมีถิ่นพำนักถาวร (Permanent Residence) อยู่ในนครหลวงของเพียงประเทศหนึ่ง ส่วนในประเทศที่เหลือที่เขาเป็นเอกอัครราชทูตประจำอยู่ด้วยนั้น เขาไปพำนักอยู่เพียงระยะเวลาจำกัดเป็นพัก ๆ รัฐผู้ส่งจะมีคณะผู้แทนทางการทูตของตนไปประจำ ณ นครหลวงของแต่ละประเทศเหล่านั้น ตัวหัวหน้าคณะแต่ละแห่งจะมีตำแหน่งเรียกว่า อุปทูตชั่วคราว (Charge d? Affaires ad interim)เกี่ยวกับเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในข้อ 5 ดังนี้ ?1. หลังจากที่ได้บอกกล่าวแก่รัฐผู้รับที่เกี่ยวข้องตามสมควรแล้ว นอกจากจะมีการคัดค้านอย่างชัดแจ้งโดยรัฐผู้รับรัฐใดรัฐหนึ่ง รัฐผู้ส่งอาจแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้แทน หรือแต่งตั้งบุคคลใดในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายการทูตแล้วแต่กรณี ไปยังมากกว่ารัฐหนึ่งก็ได้ 2. ถ้ารัฐผู้ส่งแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้แทนไปยังรัฐอื่นหนึ่งรัฐหรือมากกว่านั้น รัฐผู้ส่งอาจสถาปนาคณะผู้แทนทางการทูตโดยมีอุปทูตชั่วคราวเป็นหัวหน้าในแต่ ละรัฐที่หัวหน้าคณะผู้แทนไม่มีที่นั่งทำงานของตนเป็นประจำก็ได้ 3. หัวหน้าคณะผู้แทน หรือบุคคลใดในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายการทูตของคณะผู้แทน อาจกระทำการในฐานะเป็นผู้แทนของรัฐผู้ส่งในองค์การระหว่างประเทศใดก็ได้" [การทูต]
New World Orderระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต]
Security Council of the United Nationsคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คณะมนตรีนี้ประกอบด้วยสมาชิกถาวร (Permanent members) 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต อังกฤษ และสหรัฐฯ และมีสมาชิกไม่ถาวร (Non-permanent members) อีก 10 ประเทศ ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นผู้เลือกตั้ง และให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งประเทศละ 2 ปี สมาชิกประเภทนี้ไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งใหม่ในทันที และในการเลือกตั้งจะคำนึงส่วนเกื้อกูลหรือบทบาทของประเทศผู้สมัครที่มีต่อ การธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมทั้งที่มีต่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ขององค์การสหประชาชาติด้วย ในการเลือกตั้ง จะคำนึงถึงการแบ่งกลุ่มประเทศสมาชิกดังนี้คือ ก. 5 ประเทศจากแอฟริกาและเอเชียข. 1 ประเทศจากยุโรปตะวันออกค. 2 ประเทศจากละตินอเมริกาง. 2 ประเทศจากยุโรปตะวันตก และประเทศอื่น ๆหน้าที่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีดังนี้1. ธำรงรักษาสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศตามวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ2. สอบสวนเกี่ยวกับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งระหว่างประเทศ3. เสนอแนะวิธีที่จะใช้กรณีพิพาทเช่นว่านั้น หรือ เงื่อนไขที่ให้มีการตกลงปรองดองกัน4. วางแผนเพื่อสถาปนาระบบการควบคุมกำลังอาวุธ5. ค้นหาและวินิจฉัยว่ามีภัยคุกคามต่อสันติภาพ หรือ เป็นการกระทำที่รุกรานหรือไม่ แล้วเสนอแนะว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร 6. เรียกร้องให้สมาชิกประเทศที่ทำการลงโทษในทางเศรษฐกิจ และใช้มาตรการอื่น ๆ ที่ไม่ถึงขั้นทำสงคราม เพื่อป้องกันมิให้เกิดหรือหยุดยั้งการรุกราน7. ดำเนินการทางทหารตอบโต้ฝ่ายที่รุกราน8. เสนอให้รับประเทศสมาชิกใหม่ รวมทั้งเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ ในการที่จะเข้าเป็นภาคีตามกฎหมายของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ 9. ทำหน้าที่ให้ภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ ในเขตที่ถือว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์10. เสนอแนะให้สมัชชาสหประชาชาติ แต่งตั้งตัวเลขาธิการและร่วมกับสมัชชาในการเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลโลก11. ส่งรายงานประจำปีและรายงานพิเศษต่อสมัชชาสหประชาชาติบรรดาประเทศสมาชิกของสห ประชาชาติ ต่างตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อมติใด ๆ ของคณะมนตรีความมั่นคง ทั้งยังรับรองที่จะจัดกำลังกองทัพของตนให้แก่คณะมนตรีความมั่นคงหากขอร้อง รวมทั้งความช่วยเหลือและและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ [การทูต]
United Nations Security Councilคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ " ประกอบด้วยสมาชิกสหประชาชาติ 15 ประเทศ แบ่งออกเป็นสมาชิกถาวร 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา (กำหนดในกฎบัตรสหประชาชาติ) และสมาชิกไม่ถาวรที่มาจากการเลือกตั้งจากสมัชชาฯ อีก 10 ประเทศ มีกำหนดคราวละ 2 ปี คณะมนตรีความมั่นคงฯ ทำหน้าที่หลักในการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ โดยกระทำในนามของสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมด และสมาชิกสหประชาชาติมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำวินิจ- ฉัยของคณะมนตรีความมั่นคงฯ " [การทูต]
Bone, Nonexchangeableกระดูกถาวร [การแพทย์]
alnicoแอลนิโค, โลหะผสมระหว่างอะลูมิเนียม นิกเกิล และโคบอลต์ ใช้ทำแม่เหล็กถาวรอย่างดี [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]

ตัวอย่างประโยค จาก Open Subtitles  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
I see. "The only reality in the universe." Well, that's nice to know.เข้าใจล่ะ ความเป็นจริง สิ่งเดียวที่นี่คือห้ามซักถา Beneath the Planet of the Apes (1970)
Your Honor, I'd like permission to question this witness.ผมขออนุญาตซักถามพยานคนนี้ครับ Oh, God! (1977)
Your Honor, I'd like permission to question this witness.ผมขออนุญาตซักถามพยานคนนี้ครับ Oh, God! (1977)
Kaneda, you've always been a pain in the ass.คาเนดะ แกชอบพูดจาถากถางแบบนี้เสมอเลย Akira (1988)
And now, I want to ask you a question.ทีนี้ เรย์ คินเซลล่า ผมอยากถามคุณบ้าง Field of Dreams (1989)
I didn't really know till just now, but I think it's to ask you if you could do anything you wanted, if you could have a wish ...ผมไม่รู้มาก่อนจนกระทั่งตอนนี้ แต่ผมอยากถามคุณว่า... ถ้าคุณสามารถทำอะไรก็ได้ ตามที่คุณต้องการ ถ้าคุณสามารถอธิษฐานได้ Field of Dreams (1989)
- I have to ask you a question. - Sure.- ผมอยากถามอะไรหน่อย Cool Runnings (1993)
You ask yourself why you make this?ลูกถามตัวเองสิว่าลูกทำมันทำไม The Joy Luck Club (1993)
I need to ask you about the secret talks scheduled with the Gavel Republic tomorrow.ผมแค่อยากถามคุณเกี่ยวกับกำหนดการประชุมลับ ของสาธารณะรัฐแกเวลในวันพรุ่งนี้ Ghost in the Shell (1995)
Love and optimism versus cynicism and sex!ความรักและมองในแง่ดีเมื่อเทียบกับการเยาะเย้ยถากถางและเพศ! The Birdcage (1996)
And many international observers ask why.และผู้สังเกตการณ์ต่างประเทศ จำนวนมากถามว่าทำไม Contact (1997)
All inquiries should be forwarded to...ข้อซักถามจะถูกส่งต่อไปยัง... The Jackal (1997)
It's about decent, hard-working Americans... falling through the cracks and getting the shaft... because their government cares more about the rights... of a bunch of people who aren't even citizens.มันเกี่ยวข้องกับเกียรติยศ / คนอเมริกัน ที่ต้องทำงานหนัก เราต้องล้มเจ็บ / และยังถูกถากถาง... เพราะรัฐบาลของเรา / มัวแต่สนใจเรื่องสิทธิ... American History X (1998)
Why are you asking?ทำไมลูกถามอย่างนั้นล่? Show Me Love (1998)
I'd like to ask some questions.ผมอยากถามอะไรคุณหน่อย Brokedown Palace (1999)
Josie, I was wondering...โจซี่... ฉันอยากถามว่า Never Been Kissed (1999)
- Could you ask Noel something for me, please?ผมขอฝากถามโนเอลได้มั้ยครับ Unbreakable (2000)
- That the entire message?- อยากถามแค่นั้นใช่มั้ย Unbreakable (2000)
I wanted to ask you a question.ผมอยากถามคุณซักอย่าง Unbreakable (2000)
Okay. I just wanna ask you something, okay?ฉันอยากถามอะไรคุณบางอย่าง Unbreakable (2000)
I just want to ask you something.ผมแค่อยากถามอะไรคุณบางอย่าง Unbreakable (2000)
So, what are we gonna do about this?-คุณอยากซักถามฉันหรอ? -ขอเวลาแค่สักแป๊บเดียว Valentine (2001)
I'd like to ask a couple of questions, Your Honor.ผมอยากถาม อีกสัก 2-3 คำถามครับ ใต้เท้า Legally Blonde (2001)
I was gonna ask you the same thing.ฉันก็อยากถามนายคำถามนั่นเหมือนกัน X-Ray (2001)
I wanted to ask you something because you're a doctor, right?ฉันอยากถามบางอย่าง เพราะว่าคุณเป็นหมอใช่มั้ย? Punch-Drunk Love (2002)
-I want to ask you something. -Okay.ผมอยากถามอะไรบางอย่าง / โอเค A Walk to Remember (2002)
We also need to make sure that the real Crabbe and Goyle can't burst in on us while we're interrogating Malfoy.เราต้องแน่ใจว่า แครบกับกอยล์ตัวจริง ต้องไม่โผล่เข้ามา ตอนเรากำลังซักถามมัลฟอย Harry Potter and the Chamber of Secrets (2002)
Look, we have to ask you something.คือเราอยากถามอะไรคุณหน่อยฮะ Harry Potter and the Chamber of Secrets (2002)
Yan, I want to ask you somethingพี่ยาน ผมอยากถามพี่ Infernal Affairs (2002)
-Any questions so far?- อยากถามอะไรมั้ย Mona Lisa Smile (2003)
I'm just asking if, after we had sex - if that's the way it went - would we take our clothes back off afterwards?ผมแค่อยากถามว่า หลังจากที่เรามีเซ็กส์กัน ถ้ามันจะแบบนั้น... แล้วเราค่อยมาถอดกันอีกที หลังจากนั้นใช่มั้ย Hope Springs (2003)
Don't speak till you're spoken to.อย่าพูด จนกว่าจะถูกถา Girl with a Pearl Earring (2003)
How about twirlier than a party dress but seriously, it fucked with him.ชั้นน่ะเวียนหัวกับคำถากถางของหล่อนๆนะยะ แล้วชั้นก็ได้เค้า Latter Days (2003)
They asked me if I would come and speak to that group and give them a kick off speech and launch this new task force with an environmental vision and I didn't have an environmental vision and I did not want to make that speech.พวกเขาขอให้ผมมาร่วมประชุม และกล่าวปาฐกถาเปิดงาน โดยให้วิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมแก่ภารกิจครั้งใหม่นี้ The Corporation (2003)
As for every question I have there seem to be five questions that come back tome.ดูเหมือนทุกคำถามที่ฉันถามออกไป จะถูกถามย้อนกลับมา 5 คำถามเสมอ The Corporation (2003)
Do I know you well enough to call you fellow plunderers?(เรย์ แอนเดอร์สัน ปาฐกถาต่อผู้นำภาคสังคมและธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา) The Corporation (2003)
Cheap shot, Dad.ถากถางเกินไปแล้วพ่อ 50 First Dates (2004)
- Doctor, I have a question.- หมอครับ ผมมอยากถามอะไรหน่อย 50 First Dates (2004)
I was just asking more for informational purposes.ชั้นแค่อยากถามเพื่อจะเก็บข้อมูล 50 First Dates (2004)
I'm done with the dismantling.- ไม่อยากถามคำถามพวกนี้เหรอ I Heart Huckabees (2004)
Existential.- ฉันอยากถามอะไรหน่อยด้วย I Heart Huckabees (2004)
Steven, I need to ask a question.สตีเว่น ฉันอยากถามอะไรหน่อย ถึงได้มานี่ I Heart Huckabees (2004)
What if some local farmer decides to slash and burn the entire basin?แล้วถ้าหากเกิดมีชาวบ้านแถวนี้ เข้ามาถากถางและเผามันจนหมดบาซินล่ะ? Anacondas: The Hunt for the Blood Orchid (2004)
Abe, I know that's the question, but it's not a real question, so why does it matter?เอ๊บ ฉันรู้ว่าคุณอยากถาม แต่มันก็แค่เรื่องสมมติ จะถามไปทำไม Primer (2004)
Stop askingเลิกถามได้แล้ว The Guy Was Cool (2004)
I had some questions to ask him, I was curious about a few things..ฉันมีอะไรบางอย่างอยากถามเค้า ฉันอยากรู้อะไรนิดหน่อยน่ะ... Full House (2004)
Carrie, I was meaning to ask you... did you teach the boys to play?แครี่, ช้นอยากถามว่า คุณสอนลูก เล่นดนตรียังไง Walk the Line (2005)
Oh, yes. I was wondering if there was a time you could drop in here?ครับ ผมอยากถามว่า คุณพอจะมีเวลาแวะมาที่นี่ได้รึเปล่า Match Point (2005)
"When asked how they could possibly have known it would all work out..."พอถูกถามว่ารู้ได้อย่างไร ว่าชีวิตคู่จะไปรอด.." Imagine Me & You (2005)
I have a question. The apartment upstairs, it belonged to a young woman.ผมอยากถามอะไรหน่อย ชั้นบน ที่เคยมีผู้หญิงอยู่ Just Like Heaven (2005)

Thai-English-French: Volubilis Dictionary 1.0
อารัมภกถา[āramphakathā] (n) EN: preface ; introduction ; foreword ; introductory words ; prologue ; preamble  FR: préambule [ m ] ; prologue [ m ] ; introduction [ f ] ; préface [ f ]
อรรถกถา[atthakathā] (n) EN: commentary ; exegesis
อรรถกถาจารย์[atthakathājān] (n) EN: commentator ; exegete  FR: exégète [ m ] ; commentateur [ m ]
ห้องปาฐกถา[hǿng pāthakathā] (n, exp) EN: lecture hall
การซักถา[kān sakthām] (n) EN: interrogation
กถา[kathā] (n) EN: speech ; lecture ; discourse ; talk ; words  FR: discours [ m ]
กถานำ[kathā nam] (n) EN: preface ; foreword  FR: préface [ f ] ; avant-propos [ m ]
ปาฐกถา[pāthakathā] (n) EN: speech ; sermon ; lecture ; talk ; address ; spar  FR: discours [ m ] ; adresse [ f ] ; conférence [ f ]
พูดถากถา[phūt thākthāng] (v, exp) EN: say ironically ; say satirically ; say sarcastically  FR: parler avec ironie
แสดงปาฐกถา[sadaēng pāthakathā] (v, exp) EN: give a lecture ; deliver a speech ; make an address  FR: tenir une conférence ; prononcer un discours
ซักถา[sakthām] (v) EN: question ; interrogate ; inquire ; ask ; make an inquiry  FR: questionner ; interroger
สมาชิกถาวร[samāchik thāwøn] (n, exp) EN: permanent member
ถากถา[thākthāng] (v) EN: lampoon  FR: railler
เยาะเย้ยถากถา[yǿyoēi thākthāng] (v, exp) EN: ridicule ; satirize ; mock ; jeer at

English-Thai: Longdo Dictionary
exegete(n) อรรถกถาจารย์ - ผู้เขียนหนังสืออธิบายข้อพระคัมภีร์ของศาสนาต่างๆ เช่นหนังสืออธิบายข้อพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ หรือหนังสืออธิบายข้อพระธรรมเบญจบรรณ หรือหนังสืออธิบายพระไตรปิฏก หรือหนังสืออธิบายคัมภีร์พระเวท หรือหนังสืออธิบายคัมภีร์อัลกุรอ่านก็ได้ทั้งนั้น, Syn. commentator

English-Thai: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
caustic(adj) ซึ่งถากถาง, Syn. acerb, acrid, bitter
cynic(n) ผู้ที่ชอบเยาะเย้ยถากถา
deliver(vt) พูดสุนทรพจน์, See also: แสดงการบรรยาย, ปาฐกถา, Syn. tell, recite
discourse(n) การบรรยายที่เคร่งเครียด, See also: การสนทนา, การปาฐกถา, การกล่าวสุนทรพจน์, Syn. speech, verbalization, address, monoloque
gibe at(phrv) เยาะเย้ย, See also: หัวเราะเยาะ, ถากถาง, เสียดสี, Syn. jibe at, laugh at
gibe(vi) คำพูดเยาะเย้ย, See also: คำถากถาง, คำแดกดัน, คำล้อเลียน, Syn. mockery, ridicule, Ant. praise
gibe(vi) เยาะเย้ย, See also: ถากถาง, แดกดัน, หัวเราะเยาะ, Syn. sneer, ridicule
gibe(vt) เยาะเย้ย, See also: ถากถาง, แดกดัน, หัวเราะเยาะ, Syn. sneer, ridicule
get the third degree(idm) โดนซักถามเป็นเวลานาน
inquiring(adj) ช่างซักถาม, See also: อยากรู้อยากเห็น, Syn. inquisitive, questioning
interrogate(vi) ซักถาม, See also: ซักไซ้, ถาม, ซัก, ไต่ถาม, Syn. query, question, investigate, Ant. answer, reply
interrogate(vt) ซักถาม, See also: ซักไซ้, ถาม, ซัก, ไต่ถาม, Syn. query, question, investigate, Ant. answer, reply
interrogation(n) การซักถาม, See also: การซักไซ้, การไต่ถาม, Syn. questioning, inquiry, Ant. reply
interrogative(adj) ที่เกี่ยวกับการซักถาม, See also: ที่เกี่ยวกับการไต่ถาม
interrogator(n) ผู้ซักถาม, See also: ผู้ซักไซ้
interrogatory(adj) ที่แสดงออกมาเป็นคำถาม, See also: ที่เป็นการซักถาม
interview(vt) สัมภาษณ์, See also: สนทนา, ซักถาม, Syn. talk, question
ironic(adj) เชิงเยาะเย้ย, See also: แดกดัน, ถากถาง, เหน็บแนม, Syn. sarcastic, satirical, mocking, Ant. courtesy, esteem
ironical(adj) เหน็บแนม, See also: แดกดัน, ถากถาง, เยาะเย้ย, Syn. sarcastic, satirical, mocking, Ant. courtesy, esteem
irony(n) ถ้อยคำแดกดัน, See also: ถ้อยคำเย้ยหยัน, ถ้อยคำถากถาง, Syn. sarcasm, mockery, satire
lecture about(phrv) บรรยาย, See also: สั่งสอน, ปาฐกถา
lecture on(phrv) บรรยาย, See also: สั่งสอน, แสดงปาฐกถา
jeer(n) คำเย้ยหยัน, See also: คำเยาะเย้ย, คำถากถาง, คำเหน็บแนม, Syn. derision, taunt, gibe, Ant. praise, laudation
jeer(vi) เย้ยหยัน, See also: เยาะเย้ย, ถากถาง, เสียดสี, เหน็บแนม, Syn. scoff, gibe, ridicule, Ant. praise, applaud
jibe(n) คำพูดเยาะเย้ย, See also: คำพูดเสียดสี, คำพูดถากถาง, Syn. gibe, sarcasm, taunt, Ant. praise, applause
jibe(vi) เยาะเย้ย, See also: พูดเสียดสี, ถากถาง, Syn. gibe, jeer, scoff, Ant. laud, praise
lampoon(n) ข้อเขียนที่เยาะเย้ยถากถาง, Syn. caricature
lampoon(vt) ถากถาง, See also: เหน็บแนม
peck(vt) ถากถาง, See also: เหน็บแนม, Syn. nag
platform(n) การปราศรัยต่อมวลชน, See also: การปาฐกถา
querying(adj) ช่างซักถาม, Syn. inquisitive
question(vt) ตั้งคำถาม, See also: ซักถาม, สอบถาม
quip(n) คำพูดเย้ยหยัน, See also: คำพูดถากถาง, Syn. gibe, m
quippish(adj) ที่ชอบพูดถากถา
quiz(n) การถาม, See also: การซักถาม, Syn. questioning
sarcasm(n) การถากถาง, See also: การพูดเหน็บแนม, การพูดเสียดสี, Syn. acerbity, causticity, mordancy
sardonic(adj) เยาะเย้ย, See also: ถากถาง, เหน็บแนม, Syn. cynical, sarcastic, scornful
sarky(adj) เสียดสี, See also: ถากถาง, เยาะเย้ย
satire(n) การเหน็บแนม, See also: การเสียดสี, การเย้ยหยัน, การถากถาง, Syn. parody, spoof, farce
satirical(adj) ซึ่งชอบถากถาง, See also: ชอบแดกดัน, Syn. ironic, mocking, satiric, snide
satirist(n) ผู้ชอบถากถา
satirize(vt) ถากถาง, See also: เสียดสี, แดกดัน, เหน็บแนม, Syn. parody, caricature
talk(vi) แสดงปาฐกถา, See also: บรรยาย
talk(n) การแสดงปาฐกถา, Syn. oration, sermon

English-Thai: HOPE Dictionary [with local updates]
askrask(อาสคฺ) vt., vi. ถาม, ถามข่าว, ขอร้อง, ขอ, เชื้อเชิญ, ซักถาม, Syn. entreat, crave
caustic(คอส'ทิค) adj. ถากถางมาก, กัดกร่อน, ทำให้ไหม้, ซึ่งทำลาย -n. สารกัดกร่อน, See also: caustical adj. ดูcaustic causticity, caustiness n. ดูcaustic, Syn. corrosive, Ant. neutral
cavil(แคฟ'วิล) { cavilled, cavilling, cavils } v., n. (การ) หาเรื่อง, จับผิด, ถากถาง., See also: cavil l er n.
cross-examine(ครอส'อิกแซม'มิน) vi. ตรวจสอบโดยคำถาม, ตรวจสอบอย่างละเอียด, ซักถามพยานฝ่ายตรงข้าม, See also: cross-examination n. ดูcross-examine cross-examiner n. ดูcross-examine
cross-question(ครอส'เควส'เชิน) vt. ไต่ถาม, ตรวจสอบโดยการถาม, ปัญหาที่ถามขึ้นมาในขณะซักถาม, See also: cross-questioning n. ดูcross-question
cynic(ซิน'นิค) n. ผู้ที่ชอบเยาะเย้ยถากถาง, See also: Cynic n. ลัทธิที่เชื่อว่าคุณความดีของมนุษย์นั้นอยู่ที่การควบคุมตัวเอง adj. ชอบเยาะเย้ยถากถางคนอื่น, Syn. pessimist
cynical(ซิน'นิเคิล) adj. ชอบเยาะเย้ยถากถางคนอื่น, See also: cynicalness n. ดูcynical, Syn. skeptical, Ant. optimistic -Conf. sceptical
dead catn. การด่าอย่างถากถา
dissert(ดิเซิร์ท') vi. สนทนา, ปาฐกถา, บรรยาย, สาธก, เขียนปริญญานิพนธ์, เขียนบทความ
epilog(เอพ'พะลอก) n. ถ้อยคำส่งท้าย, ตอนส่งท้าย, เพลงส่งท้าย, ปัจฉิมกถา -vt. จัดให้มีถ้อยคำส่งท้าย., See also: epilogist n. ดูepilog
epilogue(เอพ'พะลอก) n. ถ้อยคำส่งท้าย, ตอนส่งท้าย, เพลงส่งท้าย, ปัจฉิมกถา -vt. จัดให้มีถ้อยคำส่งท้าย., See also: epilogist n. ดูepilog
gibe(ไจบฺ) { gibed, gibing, gibesว vi. เยาะเย้ย, ถากถาง, เสียด, See also: giber n. gibingly adv., Syn. jibe
heckle(เฮค'เคิล) vt. รบกวนด้วยคำถาม, ตื้อถาม, ซักถาม, ขัดคอ, ไล่เสียง, หวี. n. หวี, หวีป่าน., See also: heckler n., Syn. challenge, bait
interrogate(อินเทอ'ระเกท) vt., vi. สอบถาม, ซักถาม, ซักไซ้., See also: interrogatingly adv.
interrogation(อินเทอระเก'เชิน) n. การสอบถาม, การซักถาม, การซักไซ้, เครื่องหมายคำถาม., Syn. inquiry
interrogator(อินเทอระเก'เทอะ) n. ผู้สอบถาม, ผู้ซักถาม, ผู้ซักไซ้, เครื่องส่งสัญญาณวิทยุเพื่อให้ตอบทันที'
ironic(ไอรอน'นิค, -เคิล) adj. เหน็บแนม, ประชด, เย้ยหยัน, เยาะเย้ย, ถากถาง., See also: ironically adv. ironicalness n.
ironical(ไอรอน'นิค, -เคิล) adj. เหน็บแนม, ประชด, เย้ยหยัน, เยาะเย้ย, ถากถาง., See also: ironically adv. ironicalness n.
lampoon(แลมพูน') n. ถ้อยคำเหน็บแนมอย่างรุนแรง vt. ถากถางอย่างรุนแรง., See also: lampooner n. ดูlampoon n. lampoonist n. ดูampoon lampoonery n. ดูlampoon, Syn. abuse, satire, satirize
lecture(เลค'เชอะ) { lectured, lecturing, lectures } n. คำบรรยาย, คำปราศรัย, คำปาฐกถา. vi. บรรยาย, ปราศรัย, แสดงปาฐกถา
lecturer(เลค'เชอะเรอะ) n. ผู้บรรยาย, ผู้ปราศรัย, ผู้แสดงปาฐกถา
manual feedป้อนด้วยมือหมายถึง การทำด้วยมือแทนการสั่งให้ทำงานอัตโนมัติ เป็นต้นว่า การส่งกระดาษเข้าไปในเครื่องพิมพ์เลเซอร์ (laser printer) ทีละแผ่นด้วยมือ แทนที่จะให้เครื่องพิมพ์ดึงกระดาษเองจากถาดใส่กระดาษ (tray) โดยปกติ จะใช้วิธีนี้ เมื่อต้องสั่งพิมพ์งานที่ไม่ใช้กระดาษขนาดมาตรฐาน เช่น ซองจดหมายฯ
nag(แนก) v., n. (การ) ถากถาง, จู้จี้, ค่อนแคะ, หาเรื่องจับผิด, Syn. harass
platform(แพลท'ฟอร์ม) n. แท่น, ชานชลาสถานี, เวทีสำหรับกล่าวคำปราศัย, ยกพื้น, ดาดฟ้า, แท่นยิง, แท่นปืนใหญ่, นโยบายของพรรคการเมือง, คำแถลงการณ์, การปราศรัยต่อมวลชน, การแสดงปาฐกถา
preach(พรีช) vt., vi. เทศน์, แสดงธรรม, ธรรมกถา, สั่งสอน (แบบเลือกเข้ามาหรือยึดยาด), See also: preaching n. คำสอน
preamble(พรีแอม'เบิล) n. อารัมภกถา, บทนำ, See also: preambled adj., Syn. preface
preface(เพรฟ'ฟิส) n. อารัมภกถา, คำนำ, ส่วนนำ, สิ่งนำ, คำสวดมนต์นำ, เครื่องนำ. vt. จัดให้มีส่วนนำ, เป็นส่วนนำ., See also: prefacer n.
prelude(เพรล'ลูด) n. การแสดงเบิกโรง, ฉากโหมโรง, การบรรเลงนำ, การกระทำเบื้องต้น, สภาพหรือผลงานเบื้องต้น, อารัมภกถา, นิมิต, สิ่งบอกเหตุ, คำนำ vt., vi. นำ, โหมโรง, บรรเลงนำ, เขียนคำนำ., See also: preluder n. preludial adj. preludious, adj.
public-speakingn. การแสดงปาฐกถา, การกล่าวคำปราศรัย, การพูดในที่ชุมนุมชน
quibble(ควิบ'เบิล) vi., n. (การ) พูดเล่นลิ้น, พูดสองนัย, การพูดคลุมเครือ, พูดตลบตะแลง, พูดถากถาง, พูดเสียดสี, See also: quibbler n., Syn. equivocate, dodge
quirk(เควิร์ค) n. การเล่นสำนวน, การเล่นโวหาร, การกระทำหรือคำพูดที่ตลบตะแลง, พฤติการณ์ที่ประหลาด, การบิดหรือโค้งอย่างฉับพลัน, หางตัวอักษร, การเขียนตัวอักษรเล่นหาง, มุมแหลม vt. เล่นสำนวน, ถากถาง, เขียนตัวอักษรแบบเล่นหาง
quiz(ควิซ) vt., n. (การ) ทดสอบ, สอบ, สอบถามอย่างใกล้ชิด, ซักไซ้, ซักถาม, เล่นตลก, หลอกลวง., See also: quizer n., Syn. examine, questioning
sarcasm(ซาร์'คัสซึม) n. การถากถาง, การเหน็บแนม, การเสียดสี, การหัวเราะเยาะเย้ย., Syn. irony, satire
sarcastic(ซาร์แคส'ทิค) adj. เกี่ยวกับ (การถากถาง, การเหน็บแนม, การเสียดสี, See also: sacrastically adv., Syn. sarcastical
sardonic(ซารุดอน'นิค) adj. ถากถาง, เหน็บแนม, เสียดสี, เยาะเย้ย, หัวเราะเยาะเย้ย, พูดกระทบกระแทก., See also: sardonically adj. sardonicism n., Syn. scornful
satire(แซท'ไทเออะ) n. การเหน็บแนม, การเสียดสี, การเย้ยหยัน, การถากถาง, เรื่องเหน็บแนม, เรื่องเสียดสี, บทประพันธ์เหน็บแนมหรือเสียดสี, See also: satiric al ซะเทอ'ริเคิล adj. satiricalness n.
satirise(แซท'ทะไรซ) vt. เหน็บแนม, เสียดสี, เย้ยหยัน, เยาะเย้ย, ถากถาง., See also: satirisation n. satirization n. satiriser n. satirizer n., Syn. lampoon
satirist(แซท'เทอริสทฺ) n. ผู้เหน็บแนม, ผู้เสียดสี, ผู้เย้ยหยัน, ผู้เยาะเย้ย, ผู้ถากถา
satirize(แซท'ทะไรซ) vt. เหน็บแนม, เสียดสี, เย้ยหยัน, เยาะเย้ย, ถากถาง., See also: satirisation n. satirization n. satiriser n. satirizer n., Syn. lampoon
security counciln. สภาความมั่นคงของสหประชาชาต'ประกอบด้วยสมาชิกถาวร5ประเทศ (สหรัฐอเมริกา, โซเวียต, ฝรั่งเศส, อังกฤษและจีน) และสมาชิกชั่วคราว10ประเทศที่มีวาระครั้งละ2ปี
sneer(สเนียร์) vi., vt., n. (การ) หัวเราะเยาะ, เยาะเย้ย, เย้ยหยัน, ยิ้มเยาะ, ถากถาง, เหน็บแนม., See also: sneering adj., Syn. scoff, mock, gibe, jeer
speaking(สพิค'คิง) n., adj. (เกี่ยวกับ) การพูด, การแถลง, การแสดงปาฐกถา, การบรรยาย, , See also: speakings หนังสือท่องจำ, หนังสืออาขยาน.
veto(วี'โท) n. อำนาจยับยั้ง, ลัทธิยับยั้ง, การใช้สิทธิยับยั้ง, เอกสารแสดงการใช้สิทธิยับยั้งและเหตุผลที่ยับยั้ง, การยับยั้ง, การห้าม, การออกเสียงยับยั้งของสมาชิกหนึ่งในห้าเสียงของสมาชิกถาวรของสภาความมั่นคง (ในสหประชาชาติ) สามารถยับยั้งการปฎิบัติการหรือมติของที่ประชุมไ

English-Thai: Nontri Dictionary
caustic(adj) กัดกร่อน, ถากถาง, เราะราย, เหน็บแนม
cavil(vi) จับผิด, ถากถาง, หาเรื่อง, เสียดสี, เหน็บแนม
crossexamine(vt) ไต่สวน, ถามค้าน, ซักถา
cynic(adj) ถากถาง, ดูถูก, เหยียดหยาม
cynic(n) ผู้ถากถาง, ผู้เหยียดหยาม
cynical(adj) ถากถาง, ดูถูก, เหยียดหยาม
cynicism(n) การถากถาง, การเยาะเย้ยถากถา
declaim(vi) พูดในที่ชุมนุมชน, แสดงปาฐกถา, แสดงสุนทรพจน์
declamation(n) การพูดในที่ชุมนุมชน, ปาฐกถา, การแสดงสุนทรพจน์
discourse(n) การสนทนา, การบรรยาย, การอภิปราย, การพูด, ปาฐกถา
discourse(vi) สนทนา, บรรยาย, อภิปราย, พูด, ปาฐกถา
disquisition(n) การถกเถียง, การตรวจสอบ, การค้นคว้า, การบรรยาย, ปาฐกถา
epilogue(n) บทส่งท้าย, คำส่งท้าย, ปัจฉิมกถา, บันทึกท้ายเล่ม
gibe(n) การหัวเราะเยาะ, การเยาะเย้ย, การเสียดสี, การถากถา
gibe(vt) หัวเราะเยาะ, เยาะเย้ย, เสียดสี, ถากถา
heckle(vt) ถามยั่ว, ซักถาม, ซักไซ้ไล่เลียง, ขัดคอ
impugn(vt) ซักถาม, แย้ง, กล่าวหา, ประณาม
inquisitor(n) เจ้าพนักงานไต่สวน, เจ้าหน้าที่สอบสวน, คนซักถา
jibe(vt) เยาะเย้ย, ถากถาง, เสียดสี, เหยียดหยาม
lampoon(vt) เขียนด่า, ถากถาง, เหยียดหยาม, เหน็บแนม
lecture(n) ปาฐกถา, การเทศน์, การบรรยาย, คำปราศรัย, คำบรรยาย
lecture(vi) แสดงปาฐกถา, บรรยาย, เทศน์, ปราศรัย
lyceum(n) ห้องแสดงปาฐกถา
nag(vt) ถากถาง, จู้จี้
peck(vt) จิก, ถากถาง, เหน็บแนม, เสียดสี
preamble(n) คำนำ, อารัมภกถา, บทความเบื้องต้น, พระราชปรารถ
sarcasm(n) การเสียดสี, การถากถาง, การเหน็บแนม, การเยาะเย้ย
sarcastic(adj) เสียดสี, ถากถาง, เหน็บแนม, พูดเยาะเย้ย
sardonic(adj) ถากถาง, เยาะเย้ย, เสียดสี, เหน็บแนม, แดกดัน
satire(n) การเหน็บแนม, การเสียดสี, เรื่องเสียดสี, เรื่องถากถา
satirical(adj) เสียดสี, เปรียบเปรย, เหน็บแนม, ถากถาง, เยาะเย้ย
satirist(n) ผู้เหน็บแนม, นักแต่งเรื่องเสียดสี, ผู้ถากถา
satirize(vt) เหน็บแนม, เสียดสี, ถากถาง, เยาะเย้ย
scoff(n) การเยาะเย้ย, การหัวเราะเยาะ, การเสียดสี, การถากถา
scoff(vi) เยาะเย้ย, หัวเราะเยาะ, พูดเสียดสี, พูดถากถา
scoffer(n) ผู้เสียดสี, ผู้เยาะเย้ย, ผู้ถากถา
sneer(vi) เยาะเย้ย, ยิ้มเยาะ, ถากถาง, ดูถูก
speaking(n) การแสดงสุนทรพจน์, การพูด, การบรรยาย, การแสดงปาฐกถา
talk(n) การพูด, การสนทนา, การเจรจา, ปาฐกถา

Japanese-Thai: Longdo Dictionary
常任理事国[じょうにんりじこく, jouninrijikoku] (n) ประเทศสมาชิกถาวรประจำคณะมนตรีความมั่นคง

Japanese-Thai: Longdo Dictionary (UNAPPROVED version -- use with care )  **ระวัง คำแปลอาจมีข้อผิดพลาด**
シニカル[しにかる, shinikaru] ชอบเยาะเย้ยถากถา

German-Thai: Longdo Dictionary
häufig gestellte Fragen(n) คำถามที่ถูกถามบ่อยๆ (ย่อด้วย FAQ:frequently asked questions)

เพิ่มคำศัพท์


ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ


Are you satisfied with the result?



Discussions

ว่าด้วยโฆษณา
เราทราบดีว่าท่านผู้ใช้คงไม่ได้อยากให้มีโฆษณาเท่าใดนัก แต่โฆษณาช่วยให้ทาง Longdo เรามีรายรับเพียงพอที่จะให้บริการพจนานุกรมได้แบบฟรีๆ ต่อไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Go to Top